ASTVผู้จัดการรายวัน - กสิกรฯตรึงดอกเบี้ยบ้านถึงสิ้นปีนี้ หลังจากนั้นพิจารณาตามภาวะเศรษฐกิจ ไม่หวั่นธอส.ตรึงดอกเบี้ยไปจนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า เชื่อไม่ดึงลูกค้าเดิมของธนาคารไปอย่างแน่ มั่นใจยอดการปล่อยสินเชื่อบ้านทั้งปีนี้ได้ตามเป้า 8-10%
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยคาดว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นในสิ้นปีนี้ ซึ่งในส่วนของธนาคารกสิกรไทยจะยืนอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปจนถึงสิ้นปีนี้อย่างแน่นอนถึงแม้ว่าธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)จะออกมาประกาศว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านไปจนถึงไตรมาส 1 ของปี 2553 ก็ตาม แต่ธนาคารก็ไม่ได้มีความกังวลว่าจะมีผลกระทบทำให้ ธอส.จะดึงลูกค้าที่เคยใช้บริการสินเชื่อบ้านของเราไปได้
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยจะไม่พิจารณาเลือกใช้กลยุทธ์ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านไปจนถึงไตรมาส 1 เนื่องจากธนาคารมีนโยบายติดตามผลของอัตราดอกเบี้ยเป็นรายไตรมาสรวมอีกทั้งคำนึงถึงทิศทางสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นหลักในการพิจารณา ในขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของ ธอส.ในปัจจุบันถือว่าไม่ได้อยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยตลาด ดังนั้นธนาคารจึงมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันกับ ธอส.ได้อยู่แล้ว
"ในมุมของ ธอส. สามารถนำเรื่องการยืนอัตราดอกเบี้ยกู้ได้ระยะยเวลายาวมาช่วยลูกค้าได้อยู่แล้ว แต่จะเป็นในส่วนของที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดที่ใช้ระยะเวลาการสร้างประมาณ 1 ปีลูกค้าถึงจะสามารถโอนได้ แต่ถ้าเป็นบ้านหรือทาวเฮ้าส์จะไม่สามารถทำได้เพราะใช้เวลาสร้างเพียง 6 เดือนก็เสร็จและสามารถโอนได้เลย ดังนั้น ลูกค้าที่กู้ซื้อบ้านก็ไม่จำเป็นจะต้องรออัตราดอกเบี้ยของ ธอส.ไปจนถึงต้นไตรมาสของปีหน้าในทุกราย แต่หาก ธอส.ตรึงอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นระยะเวลาถึง 6 เดือนคือแทนที่จะเป็นไตรมาส 1แล้วสิ้นสุดเลยแต่กลับขยายระยะเวลาไปอีกเป็นไตรมาส 2 ก็อาจจะมีผลกระทบให้ลูกค้าหันไปใช้บริการสินเชื่อกับ ธอส.ได้" นายชาติชาย กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงมองว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไตรมาส 1 ปีหน้าทั้งระบบตลาดน่าจะยังทรงตัวในระดับต่ำ แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและตลาดการเงินทั่วโลกด้วย เพราะหากธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ยังมีนโยบายที่จะคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งรวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายด้วย จนกระทั่งไตรมาส 2 อัตราดอกเบี้ยถึงจะมีการปรับขึ้นเพื่อรับกับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว
นายชาติชาย ยังกล่าวถึงยอดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาของปีนี้ว่า มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและโตมากกว่าตลาดคือยอดการเติบโตสินเชื่อของธนาคารอยู่ที่ 4% หรือมีมูลค่าการสินเชื่อปล่อยใหม่ประมาณ 14,000 ล้านบาท แต่ตลาดโตเพียงแค่ 2.2% เท่านั้น ทำให้ฐานสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างอยู่ที่ 117,700 ล้านบาท จนกระทั่งช่วง 8 เดือนยอดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารเติบโตเพิ่มเป็น 5% คิดเป็นมูลค่าการสินเชื่อปล่อยใหม่จะอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท โดยจะมีอัตราการเติบโตสุทธิประมาณ 6,600 ล้านบาท และมีฐานสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ทั้งปีนี้ว่ายอดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะเติบโต 8-10% คิดเป็นมูลค่าการปล่อยสินเชื่อใหม่ประมาณ 27,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ฐานสินเชื่อคงค้างสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 125,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดโดยรวมมีการเติบโตอยู่ที่ 3%
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยคาดว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นในสิ้นปีนี้ ซึ่งในส่วนของธนาคารกสิกรไทยจะยืนอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปจนถึงสิ้นปีนี้อย่างแน่นอนถึงแม้ว่าธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)จะออกมาประกาศว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านไปจนถึงไตรมาส 1 ของปี 2553 ก็ตาม แต่ธนาคารก็ไม่ได้มีความกังวลว่าจะมีผลกระทบทำให้ ธอส.จะดึงลูกค้าที่เคยใช้บริการสินเชื่อบ้านของเราไปได้
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยจะไม่พิจารณาเลือกใช้กลยุทธ์ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านไปจนถึงไตรมาส 1 เนื่องจากธนาคารมีนโยบายติดตามผลของอัตราดอกเบี้ยเป็นรายไตรมาสรวมอีกทั้งคำนึงถึงทิศทางสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นหลักในการพิจารณา ในขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของ ธอส.ในปัจจุบันถือว่าไม่ได้อยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยตลาด ดังนั้นธนาคารจึงมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันกับ ธอส.ได้อยู่แล้ว
"ในมุมของ ธอส. สามารถนำเรื่องการยืนอัตราดอกเบี้ยกู้ได้ระยะยเวลายาวมาช่วยลูกค้าได้อยู่แล้ว แต่จะเป็นในส่วนของที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดที่ใช้ระยะเวลาการสร้างประมาณ 1 ปีลูกค้าถึงจะสามารถโอนได้ แต่ถ้าเป็นบ้านหรือทาวเฮ้าส์จะไม่สามารถทำได้เพราะใช้เวลาสร้างเพียง 6 เดือนก็เสร็จและสามารถโอนได้เลย ดังนั้น ลูกค้าที่กู้ซื้อบ้านก็ไม่จำเป็นจะต้องรออัตราดอกเบี้ยของ ธอส.ไปจนถึงต้นไตรมาสของปีหน้าในทุกราย แต่หาก ธอส.ตรึงอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นระยะเวลาถึง 6 เดือนคือแทนที่จะเป็นไตรมาส 1แล้วสิ้นสุดเลยแต่กลับขยายระยะเวลาไปอีกเป็นไตรมาส 2 ก็อาจจะมีผลกระทบให้ลูกค้าหันไปใช้บริการสินเชื่อกับ ธอส.ได้" นายชาติชาย กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงมองว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไตรมาส 1 ปีหน้าทั้งระบบตลาดน่าจะยังทรงตัวในระดับต่ำ แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและตลาดการเงินทั่วโลกด้วย เพราะหากธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ยังมีนโยบายที่จะคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งรวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายด้วย จนกระทั่งไตรมาส 2 อัตราดอกเบี้ยถึงจะมีการปรับขึ้นเพื่อรับกับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว
นายชาติชาย ยังกล่าวถึงยอดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาของปีนี้ว่า มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและโตมากกว่าตลาดคือยอดการเติบโตสินเชื่อของธนาคารอยู่ที่ 4% หรือมีมูลค่าการสินเชื่อปล่อยใหม่ประมาณ 14,000 ล้านบาท แต่ตลาดโตเพียงแค่ 2.2% เท่านั้น ทำให้ฐานสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างอยู่ที่ 117,700 ล้านบาท จนกระทั่งช่วง 8 เดือนยอดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารเติบโตเพิ่มเป็น 5% คิดเป็นมูลค่าการสินเชื่อปล่อยใหม่จะอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท โดยจะมีอัตราการเติบโตสุทธิประมาณ 6,600 ล้านบาท และมีฐานสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ทั้งปีนี้ว่ายอดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะเติบโต 8-10% คิดเป็นมูลค่าการปล่อยสินเชื่อใหม่ประมาณ 27,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ฐานสินเชื่อคงค้างสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 125,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดโดยรวมมีการเติบโตอยู่ที่ 3%