หลังจากต่อสายให้ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอยู่พักใหญ่ เสียงปลายทางดูจะไม่พอใจที่ถูกรบกวน
“นี่ฉันกำลังทานอาหารเช้าอยู่นะ....”
“ผมฟิลิปที่โทร.มาเมื่อเช้าไงครับ
ผมอยู่ข้างล่าง โปรดเถอะ ขอความกรุณาให้ผมไปพบด้วยครับ”
“ฉันยังไม่ได้แต่งตัวเลย จะมาเจอฉันสภาพนี้ไม่ได้ ถ้าพร้อมเดี๋ยวฉันโทร.กลับ”
โทรศัพท์ถูกวางสาย
เขาหันไปถามยาม
“นี่คุณ ถามจริงๆ เถอะเจ้าของห้องพักคนที่ผมคุยกับเธอน่ะดุจังนะคุณ”
“อ๋อ คุณโรสนะเหรอ ใครว่าเธอดุ เธอใจดีจะตาย วันคริสต์มาสเธอซื้อของขวัญให้ลูกๆ ผมทุกคน แม้แต่เมียผมเธอก็ซื้อกระเป๋าบ้าง รองเท้าบ้าง แล้วให้ทุกปี”
“แล้วเธอเป็นไงอีก”
“เธอมีเพื่อนผู้หญิง สวยทุกคน แต่ที่นี่ไม่เคยมีปาร์ตี้เลย เธอออกงานน้อยมาก”
“ผมมาจากอเมริกา คุณคิดว่าเธอสนใจเป็นดาราหนังไหม?”
“คุณโรสน่ะ มีฝีมือนะคุณ แกมีเงินมากพอจะซื้ออาคารได้ทั้งหลังนะคุณ รวยล้นฟ้า แต่ก็ใช้เงินเป็น มีคนรุมจีบเธอ น่าเสียดายแฟนเธอเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง แล้วแกก็ไม่คิดจะมีแฟนใหม่ คุณสนใจไหมล่ะ”
“ไม่เอาหรอก ดุยังกับแม่มด ผมกลัวถูกสาปเป็นลิงเป็นค่างน่ะ”
คุยกันสัพเพเหระอยู่ 20 นาที โรสแมรี่ก็โทร.ลงมาว่าพร้อมจะเจอเขาแล้ว กดลิฟต์ชั้น 5 แล้ว เขาก็พบห้องพักเธอ เธอซื้อ 2 ห้องติดกันซึ่งไม่มีใครทำเหมือนเธอในอาคารหรูๆ นี้เลย
นอกจะใหญ่โตแล้ว รสนิยมการประดับห้องยังแสดงถึงความทันสมัย ฟิลิปแปลกใจว่าที่ ฝาผนังมีรูปวัดวาอารามที่ถูกวาดอย่างงดงาม สีสันสดสวยมาก มีรูปพระมหากษัตริย์และพระราชินีของประเทศหนึ่ง ซึ่งฟิลิปไม่รู้จัก ที่ผนังห้องอาหาร มีโต๊ะไม้สักทองทันสมัย 8 ที่นั่งอยู่กลางห้อง รายรอบไปด้วยชั้นวางของประดับประเภทคริสตัลอย่างลงตัว โรสแมรี่เข้ามาในห้อง เห็นเขาก็หัวเราะ เพราะสารรูปที่น่าสมเพชของฟิลิป
“นี่ อย่าบอกชั้นนะว่า คุณทำงานกับบริษัทภาพยนตร์ใหญ่โต ชั้นไม่เชื่อหรอกว่าคุณเป็นช่างกล้อง หรือว่าคุณช่วยแบกกล้อง”
“โธ่ คุณโรส... ผมน่ะมือหนึ่งเลยนะ”
“เอ้า... อย่าเสียเวลา มีอะไรก็ว่ามา”
“คือมันอย่างนี้ ผมจะพูดให้มันตรง Point เลย”
“เราอยากได้คุณมาแสดงนำ คือมาเป็นนางเอกในภาพยนตร์ของเราสักเรื่องหนึ่ง ถ่ายทำในลอนดอนอาจไปสกอตแลนด์ หลังจากนั้นก็ที่ปารีสสัก 2 อาทิตย์ แล้วก็ไปเสร็จที่บอสตัสหรือนิวยอร์ก”
“ชั้นไม่เคยแสดงภาพยนตร์มาก่อน สนใจก็ดูหนังเท่านั้น”
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้... ทุกคนในกองถ่ายแล้ว ผู้กำกับก็คิดแบบผมนี่แหละ ผมหมายถึงคุณสกอซซี่ คิดแบบนี้ด้วย”
“ขอคิดดูก่อน ต้องคุยกันบ้าง อีกอย่างชั้นอยากไปทำธุระที่บ้านเกิดที่ประเทศไทยน่ะ รู้ไหมฉันนะเป็นคนไทยน่ะ”
“โอ้.... คุณเป็นคนไทยหรือ ผมว่าคุณเหมือนคนอิตาเลียนมากนะ แต่มองอีกทีก็เหมือนพวกสแกนดิเนเวียนมากกว่า”
“เชื้อย่าฉันมันแรงน่ะซี มีปนมาบ้าง” โรสแมรี่ทำนิ้วแค่ให้เห็นปลายนิ้วเพียงนิดเดียว” ตกลงว่า โรสแมรี่ ยินดีไปพบกับทีมงานหลังเกลี้ยกล่อมอยู่นาน
ในที่สุดภาพยนตร์เรื่องแรกที่เธอแสดงก็ออกฉาย เป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จ ทำเงินให้กับบริษัท เมโทรโกลวินท์ แอนด์ เมเยอร์ แม้จะไม่มากเท่าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่ก็ส่งผลให้เมโทรฯ ขอร้องให้เธอต่อสัญญากับบริษัทไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเธอปฏิเสธ นอกจากจะได้เห็นบทเสียก่อนจึงจะเซ็นสัญญาแบบครั้งต่อครั้ง โดยให้กำหนดจำนวนเงินที่เธอพอใจด้วย
รายได้จากการแสดงภาพยนตร์ของโรสแมรี่ไม่ได้รับการเปิดเผย รู้แต่ว่าแค่เรื่องเดียวเธอรับถึง 2-3 ล้านเหรียญ ถ้าเป็นจริงเงินที่เธอได้จากการแสดงทั้งหมดรวมกันถึง 27-35 ล้านบาท
โรสแมรี่เป็นดาราในฮอลลีวูด โดยเล่นภาพยนตร์อีกไม่ถึง 10 เรื่องและเล่นเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์ซีรีส์อีก 3-4 เรื่อง เช่น 24 เป็นต้น เธอก็หมดความสนใจ หันมาจับงานทางศิลปะแขนงอื่นๆ และดูแลบ้าน รวมทั้งไปเรียนต่อในวิชาอื่นๆ แบบ Part-time ทั้งในอังกฤษและอเมริกา ระหว่างนั้นเธอกลับมาประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง โดยไปพักตากอากาศที่เชียงใหม่ และที่จังหวัดกระบี่
ครั้งหนึ่งที่เชียงใหม่ เกริกเกียรติและโรสแมรี่พบกันโดยบังเอิญที่ห้องกาแฟในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งและคุยกัน โดยที่โรสแมรี่ไม่รู้ว่าเกริกเกียรติเคยเป็นนายธนาคารที่เธอพร้อมจะช่วยเหลือ ส่วนเกริกเกียรติก็ไม่รู้ว่าเธอคือลูกค้าธนาคาร รู้เพียงว่าสาวสวยที่พบนั้นคงเป็นภรรยาเศรษฐีใครสักคนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยตามลำพัง ทั้งสองคนคุยกันอย่างออกรสแลกเปลี่ยนนามบัตรซึ่งกันและกัน โดยหวังว่าคงจะได้พบกันอีก
โรสแมรี่บอกให้เกริกเกียรติหาเวลาไปพบเธอบ้าง ถ้าหากเขาไปอังกฤษ เธอมีบ้านอยู่หลายแห่งและเขาไม่ต้องเกรงใจ เมื่อยามลาจาก โรสแมรี่นำของฝากให้เกริกเกียรติเป็นหมีตัวเล็กๆ ที่เธอได้มาจากออสเตรเลีย เกริกเกียรติให้แต่ความปรารถนาดีกับเธอเท่านั้น วิถีชีวิตของนายแบงก์กับสาวสวยลูกค้าธนาคารมีอยู่เพียงแค่นี้ เพราะว่าเกริกเกียรติไม่ได้ไปอังกฤษหลังจากการพบกันแค่ชั่วโมงเศษที่จังหวัดเชียงใหม่
ในเช้าวันหนึ่งโรสแมรี่อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ ทราบว่าเกริกเกียรติคงจะต้องติดคุกนานหลายปี เธอคิดว่าวันที่เธอคิดจะช่วยเขานั้น เธอมีเงินมากพอที่จะให้เขายืมไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาทไทย
แต่มันไม่พอหรอก
“นี่ฉันกำลังทานอาหารเช้าอยู่นะ....”
“ผมฟิลิปที่โทร.มาเมื่อเช้าไงครับ
ผมอยู่ข้างล่าง โปรดเถอะ ขอความกรุณาให้ผมไปพบด้วยครับ”
“ฉันยังไม่ได้แต่งตัวเลย จะมาเจอฉันสภาพนี้ไม่ได้ ถ้าพร้อมเดี๋ยวฉันโทร.กลับ”
โทรศัพท์ถูกวางสาย
เขาหันไปถามยาม
“นี่คุณ ถามจริงๆ เถอะเจ้าของห้องพักคนที่ผมคุยกับเธอน่ะดุจังนะคุณ”
“อ๋อ คุณโรสนะเหรอ ใครว่าเธอดุ เธอใจดีจะตาย วันคริสต์มาสเธอซื้อของขวัญให้ลูกๆ ผมทุกคน แม้แต่เมียผมเธอก็ซื้อกระเป๋าบ้าง รองเท้าบ้าง แล้วให้ทุกปี”
“แล้วเธอเป็นไงอีก”
“เธอมีเพื่อนผู้หญิง สวยทุกคน แต่ที่นี่ไม่เคยมีปาร์ตี้เลย เธอออกงานน้อยมาก”
“ผมมาจากอเมริกา คุณคิดว่าเธอสนใจเป็นดาราหนังไหม?”
“คุณโรสน่ะ มีฝีมือนะคุณ แกมีเงินมากพอจะซื้ออาคารได้ทั้งหลังนะคุณ รวยล้นฟ้า แต่ก็ใช้เงินเป็น มีคนรุมจีบเธอ น่าเสียดายแฟนเธอเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง แล้วแกก็ไม่คิดจะมีแฟนใหม่ คุณสนใจไหมล่ะ”
“ไม่เอาหรอก ดุยังกับแม่มด ผมกลัวถูกสาปเป็นลิงเป็นค่างน่ะ”
คุยกันสัพเพเหระอยู่ 20 นาที โรสแมรี่ก็โทร.ลงมาว่าพร้อมจะเจอเขาแล้ว กดลิฟต์ชั้น 5 แล้ว เขาก็พบห้องพักเธอ เธอซื้อ 2 ห้องติดกันซึ่งไม่มีใครทำเหมือนเธอในอาคารหรูๆ นี้เลย
นอกจะใหญ่โตแล้ว รสนิยมการประดับห้องยังแสดงถึงความทันสมัย ฟิลิปแปลกใจว่าที่ ฝาผนังมีรูปวัดวาอารามที่ถูกวาดอย่างงดงาม สีสันสดสวยมาก มีรูปพระมหากษัตริย์และพระราชินีของประเทศหนึ่ง ซึ่งฟิลิปไม่รู้จัก ที่ผนังห้องอาหาร มีโต๊ะไม้สักทองทันสมัย 8 ที่นั่งอยู่กลางห้อง รายรอบไปด้วยชั้นวางของประดับประเภทคริสตัลอย่างลงตัว โรสแมรี่เข้ามาในห้อง เห็นเขาก็หัวเราะ เพราะสารรูปที่น่าสมเพชของฟิลิป
“นี่ อย่าบอกชั้นนะว่า คุณทำงานกับบริษัทภาพยนตร์ใหญ่โต ชั้นไม่เชื่อหรอกว่าคุณเป็นช่างกล้อง หรือว่าคุณช่วยแบกกล้อง”
“โธ่ คุณโรส... ผมน่ะมือหนึ่งเลยนะ”
“เอ้า... อย่าเสียเวลา มีอะไรก็ว่ามา”
“คือมันอย่างนี้ ผมจะพูดให้มันตรง Point เลย”
“เราอยากได้คุณมาแสดงนำ คือมาเป็นนางเอกในภาพยนตร์ของเราสักเรื่องหนึ่ง ถ่ายทำในลอนดอนอาจไปสกอตแลนด์ หลังจากนั้นก็ที่ปารีสสัก 2 อาทิตย์ แล้วก็ไปเสร็จที่บอสตัสหรือนิวยอร์ก”
“ชั้นไม่เคยแสดงภาพยนตร์มาก่อน สนใจก็ดูหนังเท่านั้น”
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้... ทุกคนในกองถ่ายแล้ว ผู้กำกับก็คิดแบบผมนี่แหละ ผมหมายถึงคุณสกอซซี่ คิดแบบนี้ด้วย”
“ขอคิดดูก่อน ต้องคุยกันบ้าง อีกอย่างชั้นอยากไปทำธุระที่บ้านเกิดที่ประเทศไทยน่ะ รู้ไหมฉันนะเป็นคนไทยน่ะ”
“โอ้.... คุณเป็นคนไทยหรือ ผมว่าคุณเหมือนคนอิตาเลียนมากนะ แต่มองอีกทีก็เหมือนพวกสแกนดิเนเวียนมากกว่า”
“เชื้อย่าฉันมันแรงน่ะซี มีปนมาบ้าง” โรสแมรี่ทำนิ้วแค่ให้เห็นปลายนิ้วเพียงนิดเดียว” ตกลงว่า โรสแมรี่ ยินดีไปพบกับทีมงานหลังเกลี้ยกล่อมอยู่นาน
ในที่สุดภาพยนตร์เรื่องแรกที่เธอแสดงก็ออกฉาย เป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จ ทำเงินให้กับบริษัท เมโทรโกลวินท์ แอนด์ เมเยอร์ แม้จะไม่มากเท่าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่ก็ส่งผลให้เมโทรฯ ขอร้องให้เธอต่อสัญญากับบริษัทไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเธอปฏิเสธ นอกจากจะได้เห็นบทเสียก่อนจึงจะเซ็นสัญญาแบบครั้งต่อครั้ง โดยให้กำหนดจำนวนเงินที่เธอพอใจด้วย
รายได้จากการแสดงภาพยนตร์ของโรสแมรี่ไม่ได้รับการเปิดเผย รู้แต่ว่าแค่เรื่องเดียวเธอรับถึง 2-3 ล้านเหรียญ ถ้าเป็นจริงเงินที่เธอได้จากการแสดงทั้งหมดรวมกันถึง 27-35 ล้านบาท
โรสแมรี่เป็นดาราในฮอลลีวูด โดยเล่นภาพยนตร์อีกไม่ถึง 10 เรื่องและเล่นเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์ซีรีส์อีก 3-4 เรื่อง เช่น 24 เป็นต้น เธอก็หมดความสนใจ หันมาจับงานทางศิลปะแขนงอื่นๆ และดูแลบ้าน รวมทั้งไปเรียนต่อในวิชาอื่นๆ แบบ Part-time ทั้งในอังกฤษและอเมริกา ระหว่างนั้นเธอกลับมาประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง โดยไปพักตากอากาศที่เชียงใหม่ และที่จังหวัดกระบี่
ครั้งหนึ่งที่เชียงใหม่ เกริกเกียรติและโรสแมรี่พบกันโดยบังเอิญที่ห้องกาแฟในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งและคุยกัน โดยที่โรสแมรี่ไม่รู้ว่าเกริกเกียรติเคยเป็นนายธนาคารที่เธอพร้อมจะช่วยเหลือ ส่วนเกริกเกียรติก็ไม่รู้ว่าเธอคือลูกค้าธนาคาร รู้เพียงว่าสาวสวยที่พบนั้นคงเป็นภรรยาเศรษฐีใครสักคนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยตามลำพัง ทั้งสองคนคุยกันอย่างออกรสแลกเปลี่ยนนามบัตรซึ่งกันและกัน โดยหวังว่าคงจะได้พบกันอีก
โรสแมรี่บอกให้เกริกเกียรติหาเวลาไปพบเธอบ้าง ถ้าหากเขาไปอังกฤษ เธอมีบ้านอยู่หลายแห่งและเขาไม่ต้องเกรงใจ เมื่อยามลาจาก โรสแมรี่นำของฝากให้เกริกเกียรติเป็นหมีตัวเล็กๆ ที่เธอได้มาจากออสเตรเลีย เกริกเกียรติให้แต่ความปรารถนาดีกับเธอเท่านั้น วิถีชีวิตของนายแบงก์กับสาวสวยลูกค้าธนาคารมีอยู่เพียงแค่นี้ เพราะว่าเกริกเกียรติไม่ได้ไปอังกฤษหลังจากการพบกันแค่ชั่วโมงเศษที่จังหวัดเชียงใหม่
ในเช้าวันหนึ่งโรสแมรี่อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ ทราบว่าเกริกเกียรติคงจะต้องติดคุกนานหลายปี เธอคิดว่าวันที่เธอคิดจะช่วยเขานั้น เธอมีเงินมากพอที่จะให้เขายืมไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาทไทย
แต่มันไม่พอหรอก