xs
xsm
sm
md
lg

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ จะเป็น“สีเทา”ไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**แม้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี จะประกาศพร้อมคืนบ้านพักและที่ดินบนเขายายเที่ยงโดยไม่มีเงื่อนไข เมื่อพบว่ากระบวนการได้มาขัดต่อกฎหมายและมติครม.29 เมษายน 2518
ไม่กี่วันก่อน อัยการจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องพลเอกสุรยุทธ์ ในข้อหาบุกรุกที่เขายายเที่ยง ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ด้วยเหตุผลในคำแถลงของอัยการว่า
**พลเอกสุรยุทธ์ไม่มีเจตนา!
**แต่เรื่องนี้ไม่ควรยุติและสิ้นกระบวนการตั้งคำถามในเรื่อง “จริยธรรม” ต่อตัวพลเอกสุรยุทธ์และภริยา พ.อ.หญิงคุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ เพียงเพราะอัยการสั่งไม่ฟ้อง
แม้ว่าพลเอกสุรยุทธ์ จะคืนที่ดินและบ้านพักทั้งหมดให้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ก็ตาม เหตุเพราะเมื่อพิจารณาจากคำแถลงของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่อ้างว่า พลเอกสุรยุทธ์ กับพวกรวม 4 คน ซึ่งมี พ.อ.หญิงคุณหญิงจิตรวดี รวมอยู่ด้วย ไม่มีเจตนากระทำผิดในการรุกเขายายเที่ยง เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น
เพราะกระบวนการครอบครองได้มาของที่ดินดังกล่าว แม้จะไม่ผิดปกติในลักษณะนายทุนไปกว้านซื้อที่ดิน เพื่อเก็งกำไร หวังผลทางธุรกิจ เพราะเป็นการได้รับโอนแบบขายสิทธิมาเป็นทอดๆ เริ่มจากนายเบ้า สินนอก และบุตรเขย ซึ่งได้สิทธิที่ดินดังกล่าวจากมติ ครม. 29 เม.ย. 18
**แต่มติครม.ดังกล่าวไม่ได้ให้กรรมสิทธิ์ แต่ให้สิทธิครอบครองตกทอดถึงทายาทโดยธรรมเท่านั้น ก่อนที่ต่อมา
ข้อเท็จจริงระบุว่า นายเบ้าได้รับสิทธิครอบครองที่ดินจำนวน 30 ไร่ จากนั้นปี 2538 นายเบ้าได้ขายที่ดิน 20 ไร่ ให้ นพดล พิทักษ์วาณิชย์ ก่อนที่ พลตรีสุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ จะไปครอบครองต่อ ดังปรากฏในการเสียภาษีบำรุงท้องที่ในปี 2540-2545 อีกทั้งเมื่อ 6 ก.ค. 43 ได้ไปยื่นขอออกเลขที่บ้าน เลขที่ 10 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งคือบ้านพักเขายายเที่ยงของพลเอกสุรยุทธ์ ในปัจจุบัน
และในปี 2546 มีหลักฐานว่าผู้ยื่นเสียภาษีบำรุงท้องที่ คือ พ.อ.หญิงคุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยาของพล.อ.สุรยุทธ์
เพียงเท่านี้ ด้วยสามัญสำนึกแห่ง"วิญญูชน" ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า การที่นายทหารระดับนายพล อย่างพลตรี สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ อดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ที่แนบแน่นสนิทสนมกับ พลเอกสุรยุทธ์ และภริยา ตั้งแต่สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งได้ที่ดินผืนนี้มาไว้ในครอบครอง ก่อนที่จะมีการทำธุรกรรมขายสิทธิต่อให้กับพลเอกสุรยุทธ์ อดีตนายทหารระดับสูงที่เคยคุมอำนาจสูงสุดในกองทัพ ช่วงปี 40-45 กับเก้าอี้ ผบ.ทบ. และอดีต ผบ.สส. จนต่อมาภริยาพลเอกสุรยุทธ์ ก็ไปยื่นเสียภาษีบำรุงท้องที่ สืบต่อจากพลตรีสุรฤทธิ์ ในปี 46
**นั่นก็คือการแสดงให้เห็นว่า พลเอกสุรยุทธ์ ย่อมรู้เรื่องหมดทุกขั้นตอน เพราะของแบบนี้ หากเจ้าตัวไม่ยินยอมคงปล่อยให้มีการทำนิติกรรมเช่นนี้ไม่ได้
**นี่คือสิ่งที่อัยการมองด้วยตาข้างเดียว และมองข้าม “เจตนาครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง”
ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญที่ควรต้องเทน้ำหนักมาที่เรื่องนี้มากที่สุดในการพิจารณาคดีนี้ เพราะการที่คนเราจะซื้อที่ดิน สร้างบ้านพัก ที่ถือเป็นปัจจัยสี่ที่สำคัญยิ่งของชีวิตมนุษย์ ต้องมีการตรวจสอบถึงความเป็นมาของที่ดินอย่างละเอียด ก่อนจะตกลงทำสัญญา
จึงไม่ต้องพูดถึงเลยกับกรณีเขายายเที่ยง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ ทิวทัศน์งดงาม อยู่บนภูเขา มีป่ารายล้อม แค่คนธรรมดาเดินขึ้นไปดูที่ดินแบบนี้ วันแรกก่อนจะทำการซื้อขายที่ดินกับผู้มาเสนอขาย ก็ต้องถามกับตัวเอง และคนที่เกี่ยวข้องแล้วว่า ที่ดินแห่งนี้เป็นป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ สามารถซื้อขายโอนให้แก่กันได้หรือไม่ คนที่ครอบครองที่ดินคนแรกๆ คือใคร แล้วได้มาได้อย่างไร เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกเอาผิดไปด้วย หากพบว่าเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
**แล้วเหตุใด พลเอกสุรยุทธ์ จะไม่สงสัย และตั้งคำถามถึงที่มาที่ไปของที่ดินเขายายเที่ยง ที่สุ่มเสี่ยงต่อการจะเป็นที่ป่าสงวน ซึ่งรัฐจัดสรรให้ราษฎรทำกินและอยู่อาศัยตั้งแต่แรกโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ แต่ให้สิทธิครอบครองตกทอดถึงทายาทโดยธรรมเท่านั้น
พลเอกสุรยุทธ์ มีความเกี่ยวดองเป็นญาติอะไรกับนาย เบ้า สินนอก คำตอบก็คือไม่มี
ตัวพลเอกสุรยุทธ์ ซึ่งมากด้วยสติปัญญา ความรู้ รวมถึงช่วงที่ได้ครอบครองที่ดินเขายายเที่ยงก็ยังอยู่ในตำแหน่งหน้าราชการระดับสูง ที่สามารถใช้อำนาจ และกลไกอำนาจรัฐให้ช่วยตรวจสอบที่มาที่ไปของที่ดินผืนนี้ หากได้สั่งการ รับรองได้ว่าเพียงไม่ทันข้ามวัน ก็ต้องรู้ว่าเป็นที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ
คำถามก็คือว่า แล้วตัวพลเอกสุรยุทธ์ ได้ตรวจสอบหรือไม่ ได้ใช้วิจารณญาณในการคิดคำนึงถึงความถูกต้องความเหมาะสมหรือไม่ ก่อนที่จะเข้าครอบครอง
**ดังนั้นเรื่องนี้ แม้ทางคดีความจะยุติไปแล้ว แต่กับความรับผิดชอบทางการเมืองยังไม่จบ พลเอกสุรยุทธ์ จึงต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้
แม้วันนี้ พลเอกสุรยุทธ์ จะไม่ได้เป็นทหาร ไม่ได้เป็นนักการเมือง ไม่ได้มีอำนาจอะไร แต่จะทิ้งความรับผิดชอบไปไม่ได้ เพราะเห็นได้ชัดแล้วว่า พลเอกสุรยุทธ์ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เต็มๆ แม้จะเป็นการได้มาซึ่งการ”ขายสิทธิ” หลายช่วงก่อนจะมาถึงมือพลเอกสุรยุทธ์ อันเป็นเหตุผลที่คนซึ่งบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ มักนำมาอ้างกันเป็นสูตรสำเร็จ
**สำหรับตัวพลเอกสุรยุทธ์ ที่วันนี้ ดำรงตำแหน่งองคมนตรี จะบอกปัดความรับผิดชอบด้วยสูตรสำเร็จเดียวกันนี้ไม่ได้
หรือเพราะพลเอกสุรยุทธ์ มัวแต่คิดถึงความสุขแห่งชีวิตที่จะได้ครอบครองและมีพื้นที่ส่วนตัว บนเชิงเขาที่มีป่ารายล้อม จนไปทำบ้านพักริมเชิงเขายายเที่ยง โดยมีเพื่อนรัก ไพโรจน์ รัตตกุล จากบริษัทหาดทิพย์ ผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มโค้กในภาคใต้ ที่มีบ้านพักในบริเวณเดียวกันคอยเป็นเพื่อนพูดคุยด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้อัยการจะบอกว่าไม่ได้ผิด แต่ก็ไม่ได้บอกว่า พลเอกสุรยุทธ์ครอบครองที่ดินโดยถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับพลเอกสุรยุทธ์ ต้องเร่งเพิกถอนบ้านพักของตัวเองที่เขายายเที่ยง และคืนที่ดินดังกล่าวให้กับครอบครัวนายเบ้า สินนอก หรือกับหน่วยงานรัฐโดยเร็วที่สุด
จะได้ไม่เป็นอนุสรณ์แห่งความเลวร้ายทางสังคมให้กล่าวขานกันทั่วแผ่นดิน ตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้ และถ้าเป็นไปได้ พลเอกสุรยุทธ์ ที่ผู้คนยกย่องว่าเป็น ทหารสุภาพบุรุษ จะต้องออกมาขอโทษประชาชนทางการเมืองด้วย
เนื่องจากคำแถลงของอัยการต่อคดีนี้ การไม่ผิด ไม่มีเจตนาไปบุกรุก แต่ก็ผิดที่มีเจตนาจะครอบครองโดยขัดต่อหลักกฎหมาย จึงเป็นเรื่องไม่ถูก
**ดังนั้น แม้ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูก หากเปรียบเป็นสี ก็คือ “สีเทา” ซึ่งด้วยตำแหน่งหน้าที่แล้ว พลเอกสุรยุทธ์ จะเป็นสีเทาไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
กำลังโหลดความคิดเห็น