อัยการสั่งฟ้อง “แก๊งวาเลนติโน” รุกที่เกาะยาวพันไร่!

อัยการสั่งฟ้อง “วาเลนติโนกับพวก” นำที่ดินที่ไม่มีราคาหาผลประโยชน์ 1,000 ไร่ พร้อมสั่งฟ้องอดีตนายอำเภอเกาะยาวเพิ่มอีก 5 คดี ร่วมกันทำผิดเปิดช่องให้นายทุนรุกครอบครองที่เกาะยาวกว่า 50 ไร่โดยมิชอบอีกทั้งแผ้วถางเผาป่าในเขตสงวนแห่งชาติ 25 ไร่

วันนี้ (27 ต.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ได้พิจารณาสำนวนการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสั่งฟ้องนายตันเต็กไฮ้ หรือวาเลนติโน และนิติบุคคลบริษัทจี้เลี้ยงการประมงภูเก็ต จำกัด ของนายตันเต็กไฮ้ นอกจากนี้ยังได้สั่งฟ้องเพิ่มเติมนายณรงค์ เต็มวิจิตร อดีตนายอำเภอเกาะยาว เพิ่มอีก 5 คดี ฐานกระทำผิดร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้กระทำในเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่, ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่

คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีเมื่อปี 2547 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ว่าได้มีกลุ่มนายทุนต่างชาติ ชาวมาเลเซีย ได้เข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ป่า ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่เขาหรือภูเขา ในอำเภอเกาะยาวจำนวนหลายแปลง และได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทำการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบครอบครองพื้นที่ดังกล่าว ด้วยการสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จ นำหลักฐานของที่ดินแปลงอื่นมาเป็นหลักฐานในการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่หวงห้ามดังกล่าว เมื่อออกเอกสารสิทธิได้แล้ว จึงเขียนโครงการบ้านพักตากอากาศหรู ศูนย์การค้า โรงแรม บนเนื้อที่ดังกล่าว เพื่อหวังจะนำที่ดินและโครงการเหล่านี้ไปขอกู้เงินจากสถาบันการเงินในขณะนั้น คือ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) และธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ได้รับเงินนับพันล้านบาท จากนั้นก็ไม่ดำเนินโครงการ และไม่ชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงิน ภายหลังสถาบันการเงินดังกล่าวได้ปิดกิจการ ซึ่งมูลเหตุหนึ่งเกิดจากการนำที่ดินที่ไม่มีราคามาแสวงหาผลประโยชน์จำนวนมากด้วยการเขียนโครงการต่างๆ ลงบนพื้นที่ดังกล่าว ทำให้มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในรายของนายตันเต็กไฮ้ หรือวาเลนติโน มีที่ดินที่ถูกตรวจสอบมากถึงประมาณ 1,000 ไร่

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าทำการสืบสวนสอบสวน แล้วพบว่าการกระทำของนายตันเต็กไฮ้ กับพวก มีมูลความผิดหลายกรรม ต่างกรรมต่างวาระกัน ซึ่งบางคดีได้ขาดอายุความไปแล้ว ส่วนที่ยังไม่ขาดอายุความได้เสนอความเห็นต่อพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ โดยมีความเห็นสั่งฟ้องทั้งเจ้าหน้าที่ และนายทุนผู้กระทำผิด ซึ่งก่อนหน้านี้ พนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายณรงค์ เต็มวิจิตร อดีตนายอำเภอเกาะยาว ในความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และศาลอาญาได้มีคำพิพากษาจำคุก นายณรงค์ เต็มวิจิตร เป็นเวลา 7 ปี มาก่อนแล้ว