โฆษกเพื่อไทยเรียกร้อง “บิ๊กแอ้ด” ลาออกทุกตำแหน่ง ข้อหาครอบครองเขายายเที่ยง ชี้เป็นถึงอดีตนายกฯ รู้กฎหมายแต่ไม่ทำตาม ซัดเป็นชายชาติทหารปกป้องแผ่นดินไทย กลับมาครอบครองป่าสงวน กระพือข่าวนักการเมืองบุรีรัมย์ สุรินทร์ โคราช เกณฑ์ฮาร์ดคอร์ 5 พัน รุกล้อมเสื้อแดงล้อมเขายายเที่ยงพรุ่งนี้หวังให้เกิดการปะทะ
วันนี้ (10 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการตรวจสอบที่ดินเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีว่า การครอบครองที่ดินถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งพลเอกสุรยุทธ์ เป็นถึงอดีตประธานมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อดีตผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ย่อมน่าจะรู้ดีว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีเจตนาจะครอบครองเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และคนเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วย่อมรู้กฎหมายดี รวมถึงมติ ครม.เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2518 ให้ชาวบ้านจับจองเป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินได้แต่ห้ามซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ ย่อมทราบดี แต่มีเจตนาหลีกเลี่ยง
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า หากเปรียบเทียบกับคดีของชาวบ้านที่อยู่ตีนเขายายเที่ยง ถูกศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 10 ปี หรือของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ภรรยาซื้อที่ดินรัชดา 772 ล้าน อดีตนายกทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่มีเจตนาก็ยังมีความผิด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่กรณี พล.อ.สรยุทธ์ มีเจตนาชัดเจนว่าครอบครองที่ดินบนป่าสงวนแห่งชาติ เพราะโดยสภาพของพื้นที่โดยทั่วไปก็ย่อมรู้ว่าที่บริเวณดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนและการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ไปปลูกบ้านอย่างถาวรมีบ้านเลขที่ชัดเจน ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาว่าต้องการยึดถือครองที่ดินของรัฐเป็นของตนเองแม้จะอ้างว่ามีการซื้อขายก็ไม่อาจลบล้างเจตนาที่มีอยู่เดิมได้ และภายหลังเมื่อมีผู้ร้องให้มีการตรวจสอบ พล.อ.สรยุทธ์ ก็ยังดึงดันที่จะไม่ยอมรื้อถอนและคืนที่ดินให้แก่รัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้เกรงกลัวและไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งเรื่องนี้หากเป็นประชาชนเข้าไปบุกรุกครอบครองคงได้นอนตะรางไปแล้ว
“จึงขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.สุรยุทธ์ ในฐานะที่เป็นองคมนตรีและประธานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้ใกล้ชิดประธานองคมนตรี เป็นชายชาติทหารที่ต้องมีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติและผืนแผ่นดินไทย ไม่ใช่มาครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเสียเอง เปรียบเทียบกับข้าราชการ นักการเมือง หรือรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาว่าส่อไปในทางทุจริต ผิดกฎหมาย ขัดต่อหลักคุณธรรม จริยธรรม จะแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งทุกตำแหน่งเพื่อความสง่างาม และคงไว้ซึ่งมาตรฐานของความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมายให้เท่าเทียมกันรวมถึงเป็นบรรทัดฐานทางคุณธรรม จริยธรรมให้กับเด็ก เยาวชน ประชาชนตลอดจนถึงนักการเมืองเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไปในสังคมไทย ตามที่ที่เคยกล่าวอ้างเพื่อสั่งสอนเด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนคนอื่นอยู่ตลอดเวลา” นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์แถลงว่า ในวันที่ 11 ม.ค. กลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมที่เขายายเที่ยง นั้น จากข้อมูลพบว่ามีนักการเมืองในพื้นที่ได้ระดมประชาชนสายฮาร์ดคอร์ จำนวน 5,000 คนมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ นครราชสีมา เพื่อแต่งตัวเป็นชาวบ้านมาคัดค้านประชาชนเสื้อแดง เพื่อให้เกิดการปะทะเกิดขึ้น จากนั้นรัฐบาลจะอ้างเหตุผลเพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์และจับกุมม๊อบเสื้อแดง จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและผู้ที่กำลังดำเนินการดังกล่าวขอให้หยุดการกระทำ เพราะนอกจากไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติ แล้วยังจะทำให้เกิดผลร้ายแรงตามมาอีกหลายประการ เช่น การทำให้ความขัดแย้งในสังคมขยายวงกว้างมากขึ้นและความเชื่อถือของนักลงทุน และนักท่องเที่ยงจะน้อยลงไปอีก จึงขอเตือนไปยังผู้ดำเนินการและรัฐบาลว่า หากมีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้น รัฐบาลต้องรับผิดชอบอย่าโยนความผิดไปให้ผู้ชุมนุม เพราะเป็นการชุมนุมโดยสงบ เพื่อให้ชาวไทยและโลกเห็นถึงการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นสองมาตรฐาน และเพื่อเรียกร้องคืนทรัพยากรของชาติให้กลับคืนมาเป็นของแผ่นดินอีกครั้งเท่านั้น
“ขอตั้งคำถามไปยังเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า จะรักษาป่าหรือจะปกป้องคนบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชน นักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ นักวิชาการ ตลอดจนเอ็นจีโอ และสื่อมวลชน ออกมาแสดงความคิดเห็นการครอบครองทีดินป่าสงวนแห่งชาติที่ไม่ถูกต้องของผู้มีอำนาจในบ้านเมือง” นายพร้อมพงศ์กล่าว
