วานนี้(11 ม.ค.)เวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนาบิล ฮุสเซ็น อัชรี อุปทูตซาอุดิอาระเบีย ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีการหายตัวของ นายโมฮัมหมัด อัลลูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย พระญาติกษัตริย์ไฟซาล หลังเข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ทางเรากับซาอุดิอาระเบีย พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ เราทราบว่าคดีความต่างๆ ยังเป็นสิ่งที่เขาจับตามอง สิ่งที่ตนยืนยันคือรัฐบาลนี้จะไม่มีการเข้าไปแทรกแซง และเปิดโอกาสให้คนที่ทำงานด้านคดีทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งปีที่ผ่านมา คืบหน้าไปหลายเรื่องหลายคดีด้วยกัน แต่ดุลยพินิจของทางอัยการ ก็เป็นอิสระ แต่ย้ำกันว่า การใช้ดุลยพินิจเป็นไปตามสำนวน ตามข้อเท็จจริง ไม่มีเรื่องอื่นเข้าเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า การที่อุปทูตเดินสายพบผู้มีอำนาจ จนมาพบนายกฯจะเป็นการกดดันการพิจารณาคดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้คุยกับทางอัยการแล้ว ได้บอกไปว่า อย่าให้มีใครมากดดันแทรกแซงทั้งสิ้น ขอให้ดำเนินการเป็นไปตามข้อเท็จจริงของสำนวน และทางอัยการสูงสุด ยืนยันว่า ท่านไม่กังวลในเรื่องกระแสแรงกดดัน ไม่ว่าจะด้านไหนทั้งสิ้น หรือการแทรกแซงท่านจะเดินหน้าทำไปตามข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย
**มาร์คให้สั่งคดีตามข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า การสั่งคดีในทางใดทางหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า จะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าจะมีผลอย่างไรก็ตาม แต่ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือ การสั่งคดีให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง ฉะนั้นทางอัยการได้รับความมั่นใจจากรัฐบาลว่า เรื่องนี้จะไม่มีการแทรกแซง กดดัน และท่านยืนยัน ซึ่งทางอุปทูตซาอุฯ เข้าใจเรื่องนี้ เวลาคุยกันท่านบอกว่า เรื่องนี้ทราบดีว่า รัฐบาลไม่ควรจะไปแทรกแซง เพียงแต่เป็นการให้ความมั่นใจ เป็นธรรม ในกระบวนการ ซึ่งเรายืนยัน
เมื่อถามว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่มั่นใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเป็นไปได้ เหตุผลที่เขาไม่มั่นใจคือ เรื่องนี้ยืดเยื้อมายาวนาน หลายครั้งเหมือนจะมีความคืบหน้าแต่ไม่คืบ ทั้งหมดนี้ตนได้ให้ความมั่นใจไปแล้วว่า ต้องตรงไปตรงมา
**ยันไม่ใช่การกดดันยุติธรรมของไทย
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของอุปทูตซาอุฯ ว่าไม่ใช่เป็นการกดดันอัยการสูงสุดในการสั่งคดี เพราะอัยการมีขั้นตอนที่ชัดเจนอยู่แล้ว เบื้องต้นทางอัยการเองก็มีข้อมูลเพิ่มขึ้นมาพิเศษในเรื่องของคดีและทางอัยการก็จะมีการแถลงข่าวต่อไป เราให้ความสำคัญกับการปรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซาอุดีอาระเบีย และเรื่องคดีที่คั่งค้างต่างๆ ซึ่งนายกฯก็เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่
ต่อข้อถามว่า นายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจเพียงใดต่อคดี นายปณิธาน กล่าวว่า นายกฯ ให้ความมั่นใจว่ากระบวนการต่างดำเนินไปตามหลักกระบวนการยุติธรรม และหลักฐานที่มี เมื่อถามว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่ครับ เพราะเป็นปกติที่ทูต หรืออุปทูต จะเข้ามาขอรับทราบในเรื่องของความคืบหน้า เนื่องจากจะต้องรายงานกลับไปยังประเทศของเขา เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในขณะที่คดีความใกล้จะหมดอายุ นายปณิธานกล่าวว่า ทางอัยการก็จะพิจารณาต่อไป
**อัยการนัดสั่งคดีวันนี้
นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวยืนยันว่า ในวันนี้ ( 12 ม.ค.) อัยการยังคงนัดให้ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 ผบช.ภ.5 , พ.ต.อ. สรรักษ์ หรือสมชาย จูสนิท ผกก. สภ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน, พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สภ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี, พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และจ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง ตำรวจนอกราชการ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่านายอัลรู ไวรี่ นักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย มาฟังการสั่งคดี ขณะที่เรื่องหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหา ตนพิจารณาและมีความเห็นเสนอคณะทำงานที่มีรองอัยการสูงสุด 2 คน และอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ รับผิดชอบแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะการพิจารณายังต้องให้คณะทำงานกลั่นกรอง
อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวย้ำว่า การสั่งคดีอัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง หรือต้องเลื่อนนัดอีกครั้ง ต้องรอฟังผลวันนี้ อย่างไรก็ดีจนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ต้องหารายใดแจ้งเหตุขอเลื่อนนัดรายงานตัวฟังคำสั่ง หากในวันนี้จะมีผู้ต้องหารายใดส่งทนายความแจ้งเหตุขอเลื่อนจะต้องพิจารณาอีกครั้ง
ด้านนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใด ๆ เกี่ยวกับการพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าว โดยกล่าวเพียงว่า หากอัยการยังไม่อาจมีความเห็นสั่งคดีได้ในวันนี้ ก็ต้องเลื่อนแต่จะต้องพิจารณาสำนวนเสร็จสิ้นก่อนคดีจะหมดอายุความวันที่ 12 ก.พ.นี้
**"สมคิด"ขอความเป็นธรรม ป.ป.ช.
วันเดียวกันเวลา 11.20 น.ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ เดินทางยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีนายชูศักดิ์ ปุริบุญโญ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือดังกล่าว โดย พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า เรื่องที่ตนนำมาร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อกล่าวโทษพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และคณะอัยการที่ร่วมทำการสอบสวน ในคดีที่มีการกล่าวหาว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุฯ
พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า ตนเห็นว่า การกระทำของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้ตนได้รับความเสียหาย จึงได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมที่ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวน
ด้านนายนิติธร กล่าวว่า ประเด็นที่จำเป็นจะต้องยื่นให้มีการสอบคือ กระบวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งพฤติการณ์แห่งคดีโดยละเอียด ที่เป็นสิทธิของผู้ต้องหาทุกคนที่ต้องได้รับการแจ้ง เพราะจะมีผลต่อการสู้คดีต่างๆ รวมทั้งของกลางในคดี ปรากฏว่าผู้ต้องหายังไม่เคยพบเห็นของกลาง แต่ปรากฏว่ามีการส่งไปตรวจพิสูจน์แล้ว แต่ผลยังไม่ออกมากลับมีการส่งฟ้องคดีก่อนที่จะรอผลการตรวจสอบ ดังนั้นขณะนี้จึงยังไม่สามารถยืนยันความผิดได้ และการที่คณะพนักงานสอบสวนมีมติสั่งฟ้องในคดีนี้ จึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะพนักงานอัยการ 2 คนที่เข้าร่วมในการสอบสวนถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ และคดีดังกล่าวขณะเกิดเหตุ ผู้ต้องหาทั้งหมดมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานแต่ปรากฏว่า การแจ้งข้อกล่าวหาไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ มีผลให้ไม่มีการแจ้งข้อหาตามมาตรา 157
นายนิติธร กล่าวว่า การที่ไม่มีการแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 ตรงนี้จะเป็นประเด็นสำคัญเพราะว่าถ้าแจ้งตามาตรา 157 อำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( DSI )จะหมดไป จะต้องส่งสำนวนมา ป.ป.ช. แต่เมื่อไม่แจ้งข้อหานี้ก็ทำให้ DSI มีอำนาจสอบสวนต่อไป และเมื่อสอบสวนต่อ ก็มีการตรวจสอบรายละเอียดพบว่าพยานบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้เป็นพยานที่ถูกออกหมายจับในขณะที่ไปเป็นพยาน ดังนั้นการสอบสวนไม่ปรากฏว่าเมื่อสอบสวนเสร็จจะให้ดำเนินการใดๆ เพื่อให้พยานปากนี้ได้รับโทษ และเมื่อดูสำนวนอย่างละเอียด และพยานยังไม่ได้กล่าวพาดพิงผู้ต้องหาว่า เข้ามาเกี่ยวข้องทังหมดในคดีนี้อย่างไรบ้าง
**ลูกน้องสมคิดฟ้องกลับ"ทวี"
ต่อมาเวลา 16.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี นายตำรวจนอกราชการ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่านายอัลรู ไวรี่ ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีอสไอ) , พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ , พ.ต.ท.เบญจพล จันทวรรณ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ , นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ในฐานะที่ร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว และนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ซึ่งเข้าร่วมสอบสวนคดี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91 และ 157 ศาลรับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งต่อไป โดยนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 5 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สมคิด ผบช.ภ.5 ได้ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.ทวี อดีตอธิบดีดีเอสไอ กับพวกรวม 3 คนซึ่งเป็นพนังกานสอบสวนดีเอสไอ ต่อศาลอาญาในความผิดมาตรา 157 เช่นกัน โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 15 ก.พ.เวลา 13.30 น.
เมื่อถามว่า การที่อุปทูตเดินสายพบผู้มีอำนาจ จนมาพบนายกฯจะเป็นการกดดันการพิจารณาคดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้คุยกับทางอัยการแล้ว ได้บอกไปว่า อย่าให้มีใครมากดดันแทรกแซงทั้งสิ้น ขอให้ดำเนินการเป็นไปตามข้อเท็จจริงของสำนวน และทางอัยการสูงสุด ยืนยันว่า ท่านไม่กังวลในเรื่องกระแสแรงกดดัน ไม่ว่าจะด้านไหนทั้งสิ้น หรือการแทรกแซงท่านจะเดินหน้าทำไปตามข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย
**มาร์คให้สั่งคดีตามข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า การสั่งคดีในทางใดทางหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า จะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าจะมีผลอย่างไรก็ตาม แต่ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือ การสั่งคดีให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง ฉะนั้นทางอัยการได้รับความมั่นใจจากรัฐบาลว่า เรื่องนี้จะไม่มีการแทรกแซง กดดัน และท่านยืนยัน ซึ่งทางอุปทูตซาอุฯ เข้าใจเรื่องนี้ เวลาคุยกันท่านบอกว่า เรื่องนี้ทราบดีว่า รัฐบาลไม่ควรจะไปแทรกแซง เพียงแต่เป็นการให้ความมั่นใจ เป็นธรรม ในกระบวนการ ซึ่งเรายืนยัน
เมื่อถามว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่มั่นใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเป็นไปได้ เหตุผลที่เขาไม่มั่นใจคือ เรื่องนี้ยืดเยื้อมายาวนาน หลายครั้งเหมือนจะมีความคืบหน้าแต่ไม่คืบ ทั้งหมดนี้ตนได้ให้ความมั่นใจไปแล้วว่า ต้องตรงไปตรงมา
**ยันไม่ใช่การกดดันยุติธรรมของไทย
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของอุปทูตซาอุฯ ว่าไม่ใช่เป็นการกดดันอัยการสูงสุดในการสั่งคดี เพราะอัยการมีขั้นตอนที่ชัดเจนอยู่แล้ว เบื้องต้นทางอัยการเองก็มีข้อมูลเพิ่มขึ้นมาพิเศษในเรื่องของคดีและทางอัยการก็จะมีการแถลงข่าวต่อไป เราให้ความสำคัญกับการปรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซาอุดีอาระเบีย และเรื่องคดีที่คั่งค้างต่างๆ ซึ่งนายกฯก็เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่
ต่อข้อถามว่า นายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจเพียงใดต่อคดี นายปณิธาน กล่าวว่า นายกฯ ให้ความมั่นใจว่ากระบวนการต่างดำเนินไปตามหลักกระบวนการยุติธรรม และหลักฐานที่มี เมื่อถามว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่ครับ เพราะเป็นปกติที่ทูต หรืออุปทูต จะเข้ามาขอรับทราบในเรื่องของความคืบหน้า เนื่องจากจะต้องรายงานกลับไปยังประเทศของเขา เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในขณะที่คดีความใกล้จะหมดอายุ นายปณิธานกล่าวว่า ทางอัยการก็จะพิจารณาต่อไป
**อัยการนัดสั่งคดีวันนี้
นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวยืนยันว่า ในวันนี้ ( 12 ม.ค.) อัยการยังคงนัดให้ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 ผบช.ภ.5 , พ.ต.อ. สรรักษ์ หรือสมชาย จูสนิท ผกก. สภ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน, พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สภ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี, พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และจ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง ตำรวจนอกราชการ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่านายอัลรู ไวรี่ นักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย มาฟังการสั่งคดี ขณะที่เรื่องหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหา ตนพิจารณาและมีความเห็นเสนอคณะทำงานที่มีรองอัยการสูงสุด 2 คน และอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ รับผิดชอบแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะการพิจารณายังต้องให้คณะทำงานกลั่นกรอง
อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวย้ำว่า การสั่งคดีอัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง หรือต้องเลื่อนนัดอีกครั้ง ต้องรอฟังผลวันนี้ อย่างไรก็ดีจนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ต้องหารายใดแจ้งเหตุขอเลื่อนนัดรายงานตัวฟังคำสั่ง หากในวันนี้จะมีผู้ต้องหารายใดส่งทนายความแจ้งเหตุขอเลื่อนจะต้องพิจารณาอีกครั้ง
ด้านนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใด ๆ เกี่ยวกับการพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าว โดยกล่าวเพียงว่า หากอัยการยังไม่อาจมีความเห็นสั่งคดีได้ในวันนี้ ก็ต้องเลื่อนแต่จะต้องพิจารณาสำนวนเสร็จสิ้นก่อนคดีจะหมดอายุความวันที่ 12 ก.พ.นี้
**"สมคิด"ขอความเป็นธรรม ป.ป.ช.
วันเดียวกันเวลา 11.20 น.ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ เดินทางยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีนายชูศักดิ์ ปุริบุญโญ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือดังกล่าว โดย พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า เรื่องที่ตนนำมาร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อกล่าวโทษพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และคณะอัยการที่ร่วมทำการสอบสวน ในคดีที่มีการกล่าวหาว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุฯ
พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า ตนเห็นว่า การกระทำของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้ตนได้รับความเสียหาย จึงได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมที่ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวน
ด้านนายนิติธร กล่าวว่า ประเด็นที่จำเป็นจะต้องยื่นให้มีการสอบคือ กระบวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งพฤติการณ์แห่งคดีโดยละเอียด ที่เป็นสิทธิของผู้ต้องหาทุกคนที่ต้องได้รับการแจ้ง เพราะจะมีผลต่อการสู้คดีต่างๆ รวมทั้งของกลางในคดี ปรากฏว่าผู้ต้องหายังไม่เคยพบเห็นของกลาง แต่ปรากฏว่ามีการส่งไปตรวจพิสูจน์แล้ว แต่ผลยังไม่ออกมากลับมีการส่งฟ้องคดีก่อนที่จะรอผลการตรวจสอบ ดังนั้นขณะนี้จึงยังไม่สามารถยืนยันความผิดได้ และการที่คณะพนักงานสอบสวนมีมติสั่งฟ้องในคดีนี้ จึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะพนักงานอัยการ 2 คนที่เข้าร่วมในการสอบสวนถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ และคดีดังกล่าวขณะเกิดเหตุ ผู้ต้องหาทั้งหมดมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานแต่ปรากฏว่า การแจ้งข้อกล่าวหาไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ มีผลให้ไม่มีการแจ้งข้อหาตามมาตรา 157
นายนิติธร กล่าวว่า การที่ไม่มีการแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 ตรงนี้จะเป็นประเด็นสำคัญเพราะว่าถ้าแจ้งตามาตรา 157 อำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( DSI )จะหมดไป จะต้องส่งสำนวนมา ป.ป.ช. แต่เมื่อไม่แจ้งข้อหานี้ก็ทำให้ DSI มีอำนาจสอบสวนต่อไป และเมื่อสอบสวนต่อ ก็มีการตรวจสอบรายละเอียดพบว่าพยานบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้เป็นพยานที่ถูกออกหมายจับในขณะที่ไปเป็นพยาน ดังนั้นการสอบสวนไม่ปรากฏว่าเมื่อสอบสวนเสร็จจะให้ดำเนินการใดๆ เพื่อให้พยานปากนี้ได้รับโทษ และเมื่อดูสำนวนอย่างละเอียด และพยานยังไม่ได้กล่าวพาดพิงผู้ต้องหาว่า เข้ามาเกี่ยวข้องทังหมดในคดีนี้อย่างไรบ้าง
**ลูกน้องสมคิดฟ้องกลับ"ทวี"
ต่อมาเวลา 16.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี นายตำรวจนอกราชการ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่านายอัลรู ไวรี่ ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีอสไอ) , พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ , พ.ต.ท.เบญจพล จันทวรรณ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ , นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ในฐานะที่ร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว และนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ซึ่งเข้าร่วมสอบสวนคดี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91 และ 157 ศาลรับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งต่อไป โดยนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 5 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สมคิด ผบช.ภ.5 ได้ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.ทวี อดีตอธิบดีดีเอสไอ กับพวกรวม 3 คนซึ่งเป็นพนังกานสอบสวนดีเอสไอ ต่อศาลอาญาในความผิดมาตรา 157 เช่นกัน โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 15 ก.พ.เวลา 13.30 น.