xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นทุนต่างชาติหด กกร.เร่งรัฐแก้มาบตาพุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-กกร.ถกวันนี้หวังส่งสัญญาณให้ภาครัฐแจงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหามาบตาพุดให้นักลงทุนรับทราบ หลังเจโทรระบุนักลงทุนญี่ปุ่นลดอันดับการลงทุนในไทย หวั่นนักลงทุนใหม่กระเจิงหนีไปที่อื่นหมด ด้านนายกฯ "อภิสิทธิ์" เตรียมลงพื้นที่ 16 ม.ค.นี้


นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (11ม.ค.) การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยจะหารือถึงกรณีที่ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทรกรุงเทพฯ)ระบุว่า ไทยอาจไม่เป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุนเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากกรณีปัญหามาบตาพุด ซึ่งหากปล่อยไว้จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนญี่ปุ่นโดยเฉพาะรายใหม่ๆที่กำลังตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย และภาพลักษณ์ไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติอื่นๆ ย่ำแย่ลง โดยเห็นว่ารัฐบาลจะต้องเร่งทำความเข้าใจอย่างเร่งด่วน

“ รัฐบาลไม่ควรจะนิ่งเฉย เจโทรถือว่าเป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนมีความคิดและเข้าใจแบบนี้ก็มีความเป็นห่วงว่าจะทำให้นักลงทุนรายใหม่ที่กำลังตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยเข้าใจผิดไปด้วย คงจะมีการหารือกันภายในที่ประชุม กกร.ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไรควรจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ชี้แจงให้นักลงทุนญี่ปุ่นเข้าใจหรือไม่ หากที่ประชุมเห็นด้วยก็อาจจะทำหนังสือในนามของ กกร.”นายสันติ กล่าว

ทั้งนี้ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการแก้ไขปัญหาต่างๆ กรณีมาบตาพุดโดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่ายที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานจะมีการออกกฏเกณฑ์การปฏิบัติเพื่อให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 แต่กลับมีการประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าในประเด็นต่างๆ น้อยมากซึ่งเห็นว่าทุกภาคส่วนควรจะมีการสรุปความคืบหน้าเป็นระยะๆเพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบถึงการแก้ไขปัญหาจากรัฐบาลไทย

นอกจากนี้จะมีการหารือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่เป็นคู่แข่งทางการค้ามีการลดค่าเงินลงโดยเฉพาะเวียดนามได้ปรับลดค่าเงินด่องลงอีก 0.5% ส่วนสิงคโปร์ก็มีแนวโน้มที่จะปรับลดค่าเงินลงเช่นกัน ซึ่งหากเป็นเป็นแบบนี้ผู้ประกอบการส่งออกจะต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อให้สามารถแข่งขันได้

โดยที่ผ่านมาก็ได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แล้วแต่ทำอะไรไม่ได้มากเนื่องจากไทยมีเงินเกินดุลมากจึงทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอัตโนมัติ ทำให้ผู้ประกอบการส่งออกต้องพึ่งตัวเองด้วยการปรึกษากับสถาบันการเงินเพื่อบริหารพอร์ตของตัวเองให้ดี หรือให้ใช้ค่าเงินสกุลเดียวกับประเทศคู่ค้าเพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้ในระดับหนึ่ง

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า ขณะนี้เวียดนามลดค่าเงินลงไปแล้ว 10% และมีแนวโน้มอาจจะลดลงอีกในปี 2553 ซึ่งอัตราดังกล่าวก็ถือว่าสูงแล้วดังนั้นจะยิ่งกระทบต่อผู้ประกอบการในการแข่งขันมากขึ้นเนื่องจากการลดลงในสัดส่วนที่สูงขึ้นย่อมจะกระทบต่อการส่งออกในทุกระดับจากเดิมลดไม่ถึง 10%จะกระทบสินค้าในระดับล่างที่เน้นการแข่งขันด้านราคามากกว่า

“การที่เวียดนามลดค่าเงินด่องลงเนื่องจากเวียดนามเจอวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อช่วงปี52 ทำให้เงินสำรองระหว่างประเทศสกุลดอลลาร์ของเวียดนามเหลือไม่ถึง 2 เดือนทำให้การส่งออกของเวียดนามลดลง 30% ซึ่งที่ผ่านมาเวียดนามลดค่าเงินไปแล้วรวม 10% และมีแนวโน้มว่าจะเห็นเวียดนามลดค่าเงินลดอีก 2-3 รอบในปี53 นี้ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะกระทบต่อผู้ประกอบการไทยในกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลักเช่น กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องแปรรูป กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมเสื้อผ้า และกลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า เป็นต้น”นายธนิตกล่าว

อย่างไรก็ตาม กรณีมีผู้เสนอแนวคิดที่จะให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียใช้ค่าเงินสกุลเดียวกันนั้น เป็นแนวคิดที่มีการพูดคุยกันมานานแล้วแต่ยังไม่สามารถตกลงได้ว่าจะใช้ค่าเงินสกุลไหนซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ เนื่องจากแต่ละประเทศต่างก็ต้องการให้ใช้ค่าเงินสกุลของตัวเอง ส่วนค่าเงินบาทปัจจุบันเริ่มอ่อนค่าลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 33.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐเนื่องจากค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นเพราะเริ่มมีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจโลกกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง

**นายกฯ ลงมาบตาพุด 16 ม.ค.นี้

นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในวันที่ 16 ม.ค. 53 นายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามปัญหามาบตาพุด เพื่อติดตามมาตรการเยียวยา และงบประมาณที่จัดสรรลงไปจำนวน 872 ล้านบาท ใน 5 โครงการ คือ 1.โครงการพัฒนาศักยภาพการเปิดโรงพยาบาล ศูนย์อาชีวะเวชศาสร์โดยเฉพาะ 2. โครงการตรวจสุขภาพ 3.และ4.โครงการทำให้คนในเขตควบคุมมลพิษมีน้ำประปาใช้ ซึ่งมีอยู่ 2 โครงการ และ 5.โครงการขนถ่ายขยะมูลฝอยจากมาบตาพุดให้เทศบาลไปบำบัด
กำลังโหลดความคิดเห็น