หากจะกล่าวว่าการให้สัมภาษณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร กับ “เดอะไทมส์ ออนไลน์” ซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 ที่จงใจกล่าวให้ร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงอย่างตรงไปตรงมาที่สุด และถือว่าเป็นหลักฐานและเปรียบเหมือนเป็น “ใบเสร็จ” ชิ้นสำคัญแสดงให้เห็นว่า เขานี่แหละคือหัวหน้าขบวนการล้มเจ้าตัวจริง และถูกกระชากหน้ากากออกมา เผยให้เห็นโฉมหน้าที่อำพรางมานาน
ขณะเดียวกันหากพิจารณาทั้งภาพและเนื้อหาที่ปรากฎในบทความของนิตยสาร “เสียงทักษิณ” หรือ Voice of Taksin ปักษ์แรกที่ออกวางจำหน่ายในเดือนมกราคม 2553 ก็เปรียบเหมือนเป็นใบเสร็จชิ้นสำคัญอีกชิ้นหนึ่งของ ทักษิณ และเครือข่ายที่เคลื่อนไหวในนามกลุ่ม “คนเสื้อแดง” ว่ามีเจตนามีเป้าหมายพุ่งตรงไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์จักรีอย่างเต็มตัวหรือไม่
หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวอื่นที่ต่อเนื่องกันมาของคนกลุ่มนี้ ทั้งตัวหัวหน้าขบวนการอย่าง ทักษิณ เรื่อยมาจนถึงระดับลิ่วล้อเครือข่ายทั้งหลายก็ล้วนสอดคล้องกันอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ตลอดระยะสาม-สี่ปีที่ผ่านมามีทั้งคำพูดที่จาบจ้วงให้ร้ายพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างตรงไปตรงมา รวมไปถึงพฤติกรรมตีตนเสมอเจ้า ดังที่ปรากฎเป็นหลักฐานให้เห็นอยู่เนืองๆ และที่เหิมเกริมอย่างที่คนไทยทั่วไปที่มีความจงรักภักดีไม่อาจให้อภัยกันได้ก็คือการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศหลายครั้งกล่าวหาพระเจ้าอยู่หัวในทำนองว่าทรงอยู่เบื้องหลังการก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เพื่อโค่นล้มเขาให้พ้นจากอำนาจ รวมไปถึงยังบังอาจวิพากวิจารณ์การสืบสันตติวงศ์อีกด้วย
อย่างไรก็ตามหลังจากมีการประเมินสถานการณ์ในบางช่วงแล้วพบว่า “กระแสตีกลับ” และเกรงว่ามวลชนระดับชาวบ้านจะตีจาก พวกเขาก็เปลี่ยนวิธีการแสร้งอำพราง โดยยืนยันว่ายังจงรักภักดีและมักอ้างว่าที่ผ่านมาถูกใส่ร้ายจากฝ่ายตรงกันข้าม
ดังนั้นเป้าหมายเฉพาะหน้าที่ทักษิณ และเครือข่ายคนเสื้อแดงจึงหันมามุ่งโจมตีอยู่เป็นหลักในเวลานี้ก็คือสถาบันองคมนตรี โดยเฉพาะบุคคลหลักที่เปรียบเสมือนเป็นเสาค้ำยันสถาบันพระมหากษัตริย์ก็คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่กำลังถูกโจมตีให้ร้ายอย่างหนัก เพื่อกระทบชิ่งให้ “เหนือ” ขึ้นไป
เพราะถ้าพิจารณากันโดยตำแหน่งแล้ว ประธานองคมนตรีถือว่าได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯตามพระราชอัธยาศัย ซึ่งนอกเหนือจากเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประวัติการรับราชการ ประกอบคุณงามความดีแก่ชาติบ้านเมืองมาเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่เคารพของคนไทยส่วนใหญ่แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือต้องได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยอีกด้วย ไม่ใช่ว่าใครอยากจะเป็นก็เป็นได้
ทั้งนี้ตำแหน่งองคมนตรีก็เปรียบเสมือนที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ และประธานองคมนตรีก็คือประธานที่ปรึกษานั่นเอง
เหิมเกริมปลุกระดมให้ร้าย “ราชวงศ์จักรี”
แต่ขณะเดียวกันอาจเป็นเพราะกำลังอยู่ในช่วงของการโหมโรงเตรียมทำศึกขั้นแตกหักในอีกไม่ช้าก็เป็นได้จำเป็นต้องเปิดหน้าเสี่ยงแลกหมัด เนื่องจากอีกด้านมีเงื่อนไขด้านเวลาบีบคั้นเข้ามา อีกทั้งอาจเป็นว่าถึงเวลาที่จะต้องสร้างกระแสหาแนวร่วมจากคนบางกลุ่มในสังคม เพราะบังเอิญว่ามีบทความในนิตยสาร “เสียงทักษิณ” หรือ Voice of Taksin ออกมาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งออกมาก่อนการเคลื่อนไหวใหญ่ของคนเสื้อแดงสอดรับกันพอดี
โดยปกหน้าเป็นรูปราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพร้อมข้อความที่เป็นเรื่องหลักว่า “กงกรรมประวัติศาสตร์ TAKSIN RETURNS” ส่วนปกหลัง เป็นภาพของ ทักิณ ชินวัตร พร้อมข้อความอวยพรปีใหม่คนเสื้อแดง
สำหรับเนื้อหาบทความในนิตยสารดังกล่าว เป็นการจงใจหยิบยกเอากรณีของ “พระเจ้าตากสินมหาราช” และเหตุการณ์ที่บันทึกในประวัติศาสตร์ขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการเมืองในปัจจุบัน มีเจตนา “ปลุกระดม” เพื่อสร้างความแตกแยกและเกลียดชังอย่างชัดเจน และที่สำคัญก็คือคนเขียนบทความดังกล่าวจงใจมุ่งทำลาย “ราชวงศ์จักรี” ซึ่งเหิมเกริมและท้าทายอย่างที่สุด
มีการเน้นย้ำเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ยุคกู้ชาติของพระเจ้าตากสินมหาราช และการเปลี่ยนผ่านจากสมัยกรุงธนบุรีไปสู่กรุงรัตนโกสินทร์และเป็นการเริ่มต้นของราชวงศ์จักรี
เจตนาของคนเขียนบทความที่ใช้ชื่อว่า “นายทหารเอก กรุงธน” ยังต้องการจงใจว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือพระเจ้าตากสินถูกแย่งชิงอำนาจด้วยการทำรัฐประหารและพระญาติถูกไล่ล่าประหารเสียสิ้น อีกทั้งพยายามสื่อให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ช่วงนี้ว่าถูกบิดเบือนโดยฝ่ายที่เป็นผู้ชนะและกลายมาเป็นภาพแห่งความสงสารของคนไทยตลอดกว่า 200 ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันยังให้ร้ายกล่าวหาอย่างตรงๆว่า ราชวงศ์จักรีไม่ถวายพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินหรือพยายามลบชื่อกรุงธนบุรีออกจากความทรงจำของไทยตลอดมา เป็นต้น
สร้างกระแส “ทักษิณ” เทียบ “พระเจ้าตาก”
นอกจากนี้ที่น่าสังเกตก็คือคนเขียนบทความดังกล่าวยังพยายามเปรียบเทียบโดยอ้อมและพยายามแก้ต่างในเรื่องพิธีกรรมไสยศาสตร์ และกรณีอุปโลกน์ ทักษิณ เป็น “พระเจ้ามูลเมือง” หรือ “เจ้าษิณ” อดีตกษัตริย์ล้านนา ซึ่งเป็นพิธีกรรมของคนเสื้อแดงที่วัดอุโมงค์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ โดยมี พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่เป็นประธาน รวมไปถึงการใช้เล่ห์เหลี่ยมยกตัวอย่างในเชิงปฏิเสธให้เห็นภาพและให้เกิดเสียงซุบซิบต่อๆกันไป เช่น ปฏิเสธข้อกล่าวหาในเรื่องความเหมือนกันของ “ทักษิณ” กับ “พระเจ้าตากสิน” แต่กลับจงใจยกตัวอย่างว่า เป็นคนเมืองเหนือเหมือนกัน เป็นคนเชื้อสายจีนเหมือนกัน รวมไปถึงเพิ่มเติมแบบบิดเบือนลงไปอีกว่าสามารถกู้วิกฤตที่ยิ่งใหญ่ของชาติได้เหมือนกัน โดยพยายามเปรียบเทียบการเสียกรุงกับการกู้หนี้ไอเอ็มเอฟ และอ้างว่าพระนามของพระเจ้าตากสินนั้นหากเขียนเป็นตัวอักษรโรมันจะเหมือนกับ ทักษิณ คือ TAKSIN นั่นเอง
หากพิจารณาจากบทความบางช่วงบางตอนดังกล่าวสามารถเข้าใจถึงเจตนาของคนพวกนี้ได้ทันทีว่าต้องการบิดเบือนเพื่อทำลายและมุ่งร้ายต่อราชวงศ์จักรีเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีคนไทยไม่ว่ากลุ่มไหนก็ตาม กล้ากระทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้มาก่อน
อย่างไรก็ดีอย่าได้แปลกใจหากพบว่าทีมงานของนิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งเป็นหนังสือในเครือของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีสเตชั่นของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีฐานบัญชาการอยู่ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว มี สุธรรม แสงประทุม เป็นประธานบริหาร สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นบรรณาธิการบริหาร
นอกจากนี้เมื่อดูรายชื่อในกองบรรณาธิการ ที่มีนักเขียน และที่ปรึกษาอีกหลายคนที่มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ บางคนถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพร่วมเป็นทีมงานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เช่น วีระ มุสิกพงศ์ สุรชัย (แซ่ด่าน) ด่านวัฒนานุสรณ์ จักรภพ เพ็ญแข จรัล ดิษฐาอภิชัย สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ เป็นต้น
ขณะเดียวกันถ้าพิจารณาจากบทความในนิตยสารฉบับนี้ก็จะพบว่าเป็นความพยายามที่จะสร้างกระแสในกรณีของ พระเจ้าตากสิน กันจนผิดปกติและเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 27-28 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงที่นำโดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่เรียกว่าเป็นกลุ่ม “แดงสยาม” และมีชื่อเป็นบรรณาธิการบริหารได้เคยนัดชุมนุมเพื่อรำลึกถึงวันปราบดาภิเษกของพระเจ้าตากสินในวันดังกล่าวมาแล้ว และในชุมนุมครั้งนั้นก็มีการพูดตอกย้ำแบบโหมโรงในเรื่องการ “ถูกรัฐประหาร” อย่างจงใจมาแล้วเช่นเดียวกัน
เผยตัวตนส่งสัญญาณตรงถึงบุคคล“พิเศษ”
ดังนั้นเมื่อพิจารณามาถึงตรงนี้ ย่อมมองเห็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นเจตนาเพื่อมุ่งชนฟ้า และกล่าวหาให้ร้ายโจมตีราชวงศ์จักรีโดยตรง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยผ่านสื่อของตัวเองในประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้เป็นการกล่าวหาผ่านสื่อต่างประเทศหรือกระทำในลักษณะใต้ดินในรูปแบบของใบปลิว หรือปล่อยข่าวลือบนรถแท็กซี่ เป็นต้น
การพุ่งเป้ามาที่สถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่อ้อมค้อมในช่วงเวลาแบบนี้ ส่วนหนึ่งอาจมีการประเมินแล้วว่าสามารถตรึงมวลชนเอาไว้อย่างมั่นคงแล้วและถึงเวลารบขั้นแตกหักก็เป็นได้ หรือว่า ต้องการส่งสัญญาณกดดันโดยตรงต่อบุคคล “พิเศษ” ให้ลงมาเจรจาหาทางออกให้กับ ทักษิณ เสมือนข่มขู่กลายๆ ว่าหากมีรีบดำเนินการก็จะยิ่งเจอกับการเคลื่อนไหวที่เหิมเกริมหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
เพราะความเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นมีเจตนาชนฟ้า และการก้าวล่วงไปถึงราชวงศ์จักรี ซึ่งนาทีนี้ไม่ต้องบอกก็ต้องรู้ดีว่าเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่ไหน และรับรองว่าไม่ใช่ประธานองคมนตรีอย่างแน่นอน
และไม่ต้องบอกก็ต้องรู้เช่นเดียวกันว่านี่คือการเคลื่อนไหวของขบวนการล้มเจ้าที่มี ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้ากำลังจะรุกรบขั้นแตกหัก เพราะในท้ายของบทความก็ระบุอย่างชัดเจนแล้วว่าในปี 2553 จะเอาคืน !!
**เปิดโฉมหน้าทีมงาน Voice of Taksin**