ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปรับ ครม.ในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการหลีกเลี่ยงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากรรัฐบาลมีปัญหาทุจริตมาก เป็นเกมลดกระแส ทำให้ความรู้สึกประชาชนและสื่อมวลชนเบาบางลง
อย่างไรก็ตาม แม้พรรคประชาธิปัตย์จะปรับครม.หนีการอภิปรายฯเราก็จะแก้เกมด้วยการมุ่งเน้นอภิปรายที่ตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก และไม่ต้องอภิปรายมากคน เป้ารัฐมนตรีที่จะอภิปรายฯ ก็เอาน้อยๆ เหลือเวลาสรุปเยอะๆ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าส่วนตัวยังเห็นว่าไม่ควรจะเร่งรีบยื่นอภิปรายในช่วงนี้ ปล่อยให้รัฐบาลทะเลาะกันเองไปก่อน ไม่ควรใจร้อน ถ้ายื่นเร็วไปเดี๋ยวเขารวมตัวกัน เวลาที่เหมาะสมน่าจะเป็นช่วงปลายเดือนก.พ.หรือต้นเดือนมี.ค.
ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ยืนยันไม่ทำตามกฎเหล็กของพรรคประชาธิปัตย์นั้น หากนายอภิสิทธิ์ไม่กล้าปรับรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยก็ควรยุบสภาดีกว่า เพราะสะท้อนว่า การที่นายอภิสิทธิ์พูดถึงแนวทางกฎเหล็กและนโยบายโปร่งใสทั้งหมดนั้นเป็นแค่การสร้างภาพ
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาระบุว่าไม่ควรยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วนั้น เพราะ ในพรรคเพื่อไทยยังมีความขัดแย้งในเรื่องดังกล่าวอยู่ ทั้งในส่วนของ ร.ต.อ.เฉลิมและนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ยังมีความขัดแย้งในการกำหนดวันอภิปราย และกำหนดวันชุมนุมใหญ่ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งเป็นเพราะข้อมูลในการอภิปรายของพรรคเพื่อไทยยังไม่มี เป็นเพียงการโฆษณา สร้างกระแสข่าว ว่าต้องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐฐาล ทั้งๆ ที่ข้อมูลไปหาเอาดาบหน้า เช่นเดียวกับการกำหนดวันชุมุนมใหญ่ เพียงเพื่อรอสัญญาณจากนายใหญ่ที่เป็นผู้สนับสนุนทั้งสิ้น
ถ้าจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็อยากจะเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย มีความพร้อมด้วยการกำหนดวันให้ชัดเจน เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้มีการเตรียมความพร้อม ทั้งฝ่ายอภิปรายและฝ่ายถูกอภิปราย เพื่อให้ประชาชน เป็นผู้ตัดสิน
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม การปรับ ครม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่เป็นปรับเพื่อหนีการอภิปรายนั้น นายเทพไท ขอยืนยันว่า พรรคจะไม่มีการปรับ ครม.หนีการอภิปราย หรือถ้าหากจะเลือกการปรับ ครม. เพื่อหนีการอภิปราย ก็จะถือโอกาสปรับใหญ่ก่อนอภิปรายแล้ว แต่การปรับเพียงสลับสองกระทรวงนั้น มีเหตุผลว่า เมื่อมีความจำเป็นไม่มีรัฐมนตรีมาบริหารราชแผ่นดิน จึงจำเป็นต้องปรับ ไม่ได้มีการปรับเพื่อหนีการอภิปราย เพราะฉะนั้นจึงไม่เกี่ยวกับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น แต่เกี่ยวกับเรื่องของประโยชน์ของประชาชน เพราะหากว่ากระทรวงว่างเว้นการมีรัฐมนตรีแล้วอาจทำงานกระทรวงนั้นๆชะงักได้
ส่วนกรณีที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกม แสดง ความเห็นว่า รัฐบาลควรจะปรับ ครม.ทั้งชุด ตนอยากจะถามจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ว่า จุดยืนทางการเมืองของพรรเพื่อไทยคืออะไร เพราะในขณะอีกสายนั้นอยากให้รัฐบาลปรับ ครม.ทั้งชุด แต่อีกฝ่ายกล่าวหาว่าถ้าจะปรับ ครม.ก็เป็นการหนีการอภิปราย
อย่างไรก็ตาม แม้พรรคประชาธิปัตย์จะปรับครม.หนีการอภิปรายฯเราก็จะแก้เกมด้วยการมุ่งเน้นอภิปรายที่ตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก และไม่ต้องอภิปรายมากคน เป้ารัฐมนตรีที่จะอภิปรายฯ ก็เอาน้อยๆ เหลือเวลาสรุปเยอะๆ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าส่วนตัวยังเห็นว่าไม่ควรจะเร่งรีบยื่นอภิปรายในช่วงนี้ ปล่อยให้รัฐบาลทะเลาะกันเองไปก่อน ไม่ควรใจร้อน ถ้ายื่นเร็วไปเดี๋ยวเขารวมตัวกัน เวลาที่เหมาะสมน่าจะเป็นช่วงปลายเดือนก.พ.หรือต้นเดือนมี.ค.
ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ยืนยันไม่ทำตามกฎเหล็กของพรรคประชาธิปัตย์นั้น หากนายอภิสิทธิ์ไม่กล้าปรับรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยก็ควรยุบสภาดีกว่า เพราะสะท้อนว่า การที่นายอภิสิทธิ์พูดถึงแนวทางกฎเหล็กและนโยบายโปร่งใสทั้งหมดนั้นเป็นแค่การสร้างภาพ
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาระบุว่าไม่ควรยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วนั้น เพราะ ในพรรคเพื่อไทยยังมีความขัดแย้งในเรื่องดังกล่าวอยู่ ทั้งในส่วนของ ร.ต.อ.เฉลิมและนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ยังมีความขัดแย้งในการกำหนดวันอภิปราย และกำหนดวันชุมนุมใหญ่ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งเป็นเพราะข้อมูลในการอภิปรายของพรรคเพื่อไทยยังไม่มี เป็นเพียงการโฆษณา สร้างกระแสข่าว ว่าต้องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐฐาล ทั้งๆ ที่ข้อมูลไปหาเอาดาบหน้า เช่นเดียวกับการกำหนดวันชุมุนมใหญ่ เพียงเพื่อรอสัญญาณจากนายใหญ่ที่เป็นผู้สนับสนุนทั้งสิ้น
ถ้าจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็อยากจะเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย มีความพร้อมด้วยการกำหนดวันให้ชัดเจน เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้มีการเตรียมความพร้อม ทั้งฝ่ายอภิปรายและฝ่ายถูกอภิปราย เพื่อให้ประชาชน เป็นผู้ตัดสิน
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม การปรับ ครม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่เป็นปรับเพื่อหนีการอภิปรายนั้น นายเทพไท ขอยืนยันว่า พรรคจะไม่มีการปรับ ครม.หนีการอภิปราย หรือถ้าหากจะเลือกการปรับ ครม. เพื่อหนีการอภิปราย ก็จะถือโอกาสปรับใหญ่ก่อนอภิปรายแล้ว แต่การปรับเพียงสลับสองกระทรวงนั้น มีเหตุผลว่า เมื่อมีความจำเป็นไม่มีรัฐมนตรีมาบริหารราชแผ่นดิน จึงจำเป็นต้องปรับ ไม่ได้มีการปรับเพื่อหนีการอภิปราย เพราะฉะนั้นจึงไม่เกี่ยวกับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น แต่เกี่ยวกับเรื่องของประโยชน์ของประชาชน เพราะหากว่ากระทรวงว่างเว้นการมีรัฐมนตรีแล้วอาจทำงานกระทรวงนั้นๆชะงักได้
ส่วนกรณีที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกม แสดง ความเห็นว่า รัฐบาลควรจะปรับ ครม.ทั้งชุด ตนอยากจะถามจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ว่า จุดยืนทางการเมืองของพรรเพื่อไทยคืออะไร เพราะในขณะอีกสายนั้นอยากให้รัฐบาลปรับ ครม.ทั้งชุด แต่อีกฝ่ายกล่าวหาว่าถ้าจะปรับ ครม.ก็เป็นการหนีการอภิปราย