ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์นครหลวงไทยหนีแข่งดุสินเชื่อบ้าน เผยปี 53 เน้นทำการตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น จับมือผู้ประกอบการอสังหาฯ ขนาดใหญ่ให้บริการสินเชื่อลูกค้า แทนการเติบโตในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล พร้อมปรับสัดส่วนสินเชื่อ กทม. เหลือ 70% แล้วเพิ่มในต่างจังหวัดเป็น 30% จากเดิม อยู่ที่ 80% ต่อ 20%
นายชัยนันท์ ลภิธนานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของธนาคารในปี 2553 โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งในเบื้องต้นได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าในต่างจังหวัดมากขึ้น จากเดิมที่ธนาคารเน้นการปล่อยสินเชื่อลูกค้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาในตลาดต่างจังหวัดยังไม่อยู่ในระดับที่สูงมาก อีกทั้งพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลไม่มีช่องว่างให้สามารถทำการตลาดได้
โดยธนาคารจะเข้าไปเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ประกอบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่จะขยายฐานของโครงการไปในต่างจังหวัดมากขึ้น ด้วยการให้บริการอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้าที่สนใจซื้ออสังหาฯ ซึ่งธนาคารจะไม่เน้นการแข่งขันเรื่องราคาของอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียงอย่างเดียวแต่จะมีการปรับปรุงการให้บริการที่รวดเร็วและประทับใจต่อลูกค้ามากขึ้น เพื่อเป็นการเติบโตแบบมีคุณภาพในอนาคต
"ในปีหน้าธนาคารจะพยายามทำการตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดมากขึ้นเพื่อให้ฐานสินเชื่อรายย่อยของธนาคารสามารถติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดสินเชื่อรายย่อยโดยรวมได้ โดยธนาคารจะร่วมกับดิเวลลอปเปอร์โครงการอสังหาฯรายใหญ่ที่มีโครงการอยู่ในต่างจังหวัดในการร่วมปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่สนใจซื้ออสังหาฯ ซึ่งธนาคารเชื่อมั่นว่าหากดิเวลลอปเปอร์โตในตลาดต่างจังหวัดตัวสินเชื่อเราก็จะโตได้ด้วย ในขณะที่ความเสี่ยงที่จะเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ผ่านมามักจะเกิดจากผู้ประกอบการขนาดเล็กมากกว่าขนาดใหญ่"นายชัยนันท์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปีหน้าธนาคารได้ตั้งเป้าหมายปรับสัดส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลให้เหลือ 70% และจะเพิ่มสัดส่วนในต่างจังหวัดให้อยู่ที่ 30% จากปี 2552 นี้ที่สัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 80% ต่อ 20% ตามลำดับ และยังตั้งเป้าหมายอีกว่าในปี 2554 สัดส่วนจะเป็น 65% ต่อ 35% ซึ่งเป็นสัดส่วนในแผนที่ธนาคารคาดหวังว่าจะมีความสมดุลและสามารถเกิดขึ้นได้ สำหรับด้านเป้าหมายสินเชื่อรายย่อยในปีหน้านั้นจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้โดยคาดว่ายอดสินเชื่อที่ปล่อยใหม่จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานสินเชื่อรายย่อยของปีนี้ถือว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัวลงก็ตามแต่ธนาคารมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการขยายสินเชื่อและลูกค้าเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าฐานสินเชื่อรายย่อยคงค้างของธนาคารในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านบาทโดยมากจากการที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยปีนี้มีการเติบโตประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ทำให้ฐานสินเชื่อดังกล่าวในสิ้นปีอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่สินเชื่อบุคคลจะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท และสินเชื่อบัตรเครดิตอีก 8.2 พันล้านบาท.
นายชัยนันท์ ลภิธนานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของธนาคารในปี 2553 โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งในเบื้องต้นได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าในต่างจังหวัดมากขึ้น จากเดิมที่ธนาคารเน้นการปล่อยสินเชื่อลูกค้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาในตลาดต่างจังหวัดยังไม่อยู่ในระดับที่สูงมาก อีกทั้งพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลไม่มีช่องว่างให้สามารถทำการตลาดได้
โดยธนาคารจะเข้าไปเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ประกอบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่จะขยายฐานของโครงการไปในต่างจังหวัดมากขึ้น ด้วยการให้บริการอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้าที่สนใจซื้ออสังหาฯ ซึ่งธนาคารจะไม่เน้นการแข่งขันเรื่องราคาของอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียงอย่างเดียวแต่จะมีการปรับปรุงการให้บริการที่รวดเร็วและประทับใจต่อลูกค้ามากขึ้น เพื่อเป็นการเติบโตแบบมีคุณภาพในอนาคต
"ในปีหน้าธนาคารจะพยายามทำการตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดมากขึ้นเพื่อให้ฐานสินเชื่อรายย่อยของธนาคารสามารถติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดสินเชื่อรายย่อยโดยรวมได้ โดยธนาคารจะร่วมกับดิเวลลอปเปอร์โครงการอสังหาฯรายใหญ่ที่มีโครงการอยู่ในต่างจังหวัดในการร่วมปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่สนใจซื้ออสังหาฯ ซึ่งธนาคารเชื่อมั่นว่าหากดิเวลลอปเปอร์โตในตลาดต่างจังหวัดตัวสินเชื่อเราก็จะโตได้ด้วย ในขณะที่ความเสี่ยงที่จะเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ผ่านมามักจะเกิดจากผู้ประกอบการขนาดเล็กมากกว่าขนาดใหญ่"นายชัยนันท์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปีหน้าธนาคารได้ตั้งเป้าหมายปรับสัดส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลให้เหลือ 70% และจะเพิ่มสัดส่วนในต่างจังหวัดให้อยู่ที่ 30% จากปี 2552 นี้ที่สัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 80% ต่อ 20% ตามลำดับ และยังตั้งเป้าหมายอีกว่าในปี 2554 สัดส่วนจะเป็น 65% ต่อ 35% ซึ่งเป็นสัดส่วนในแผนที่ธนาคารคาดหวังว่าจะมีความสมดุลและสามารถเกิดขึ้นได้ สำหรับด้านเป้าหมายสินเชื่อรายย่อยในปีหน้านั้นจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้โดยคาดว่ายอดสินเชื่อที่ปล่อยใหม่จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานสินเชื่อรายย่อยของปีนี้ถือว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัวลงก็ตามแต่ธนาคารมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการขยายสินเชื่อและลูกค้าเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าฐานสินเชื่อรายย่อยคงค้างของธนาคารในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านบาทโดยมากจากการที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยปีนี้มีการเติบโตประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ทำให้ฐานสินเชื่อดังกล่าวในสิ้นปีอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่สินเชื่อบุคคลจะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท และสินเชื่อบัตรเครดิตอีก 8.2 พันล้านบาท.