นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงฉายา หล่อหลักลอย ที่สื่อมวลชน ทำเนียบรัฐบาลตั้งให้ว่าอยากถามคนตั้งเหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไร แต่ตนได้อ่านแล้วก็รับคำวิจารณ์ ส่วนฉายารัฐบาล ใครเข้มแข็ง นั้น เอาเป็นว่า ต้องพิสูจน์กันต่อไปว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดบ้านเมืองเศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่ เข้มแข็งหรือไม่ เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์
ส่วนฉายาบุคคลเจ้าตัวจะไปตอบก็กระไรอยู่ ถ้าโต้เถียงกันก็บอกว่าใจแคบ ถ้ารับก็จะบอกว่าอ๋อแสดงว่าจริง เอาเป็นว่ารับรู้ รับทราบ ไม่พิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯหลักลอยตามที่ได้ฉายาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงไม่จริงให้ดูจากการกระทำ เมื่อถามว่าโครงการไทยเข้มแข็ง ใครเข้มแข็งกันแน่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้หลายคน ที่ดำเนินการไปแล้วคือเงินที่ออกไปแล้ว เพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจการปล่อยสินเชื่อให้กับหลายบุคคล ซึ่งไม่มีโอกาสก่อหน้านี้และคนเหล่านั้นก็เข้มแข็งขึ้นแล้ว นี่คือเงินที่ออกไปล๊อดแรก นอกจากนั้นเป็นถนนไร้ฝุ่น ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว คนได้ใช้เส้นทางสัญจรไปมาตรงนั้น ชุมชนแถวนั้นก็เข้มแข็งขึ้น
ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกฯทำงานหลังโพเดี่ยม ในปีหน้าจะยังทำงานหลังโพเดี่ยวต่ออีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้อนว่า พูดข้างหน้าเขาไม่ได้ยินกัน เมื่อถามว่า หมายความว่านายกฯรับงานปาฐกถามากเกินจนผลงานหลักไม่มีออกมา ให้ประชาชนเห็นและงานไม่เดินหน้า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตนขอท้าให้ไปดูการตัดสินใจ การสั่งราชการ การประชุมของตนน้อยกว่ายุคอื่นไหม หรือมากกว่า ไปดูเลย แต่ที่ตนจำเป็นจะต้องไปงานต่างๆเพื่อแสดงความคิดเห็น
ผมเห็นแล้วว่าในสังคมไทยจุดอ่อนหลายปีที่ผ่านมาคือผู้นำไม่พยายามสื่อสาร สื่อสารแต่ลักษณะตอบโต้ทางการเมือง แต่ไม่พยายามสื่อสารให้หลายคนที่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายในเรื่องนั้นๆ ให้เกิดความเข้าใจและผมเดินทางมาทั้งปี พบกับกลุ่มคนจำนวนมากมายภาคธุรกิจ ภาคสังคม กลุ่มคนในพื้นที่ต่างๆ มีหลายเรื่อง ที่คนเหล่านั้นมาบอกกับผมว่าถ้าไม่มีโอกาสได้ฟังก็ไม่ทราบ มีช่องว่างตลอดระหว่าง ภาครัฐกับเอกชน ระหว่างภาครัฐกับประชาชนและหลายงานที่ไปก็มีหลายเรื่อง ซึ่งได้เรียนรู้ถึงปัญหาของประชาชน เพราะไม่มีการรายงานผ่านระบบราชการขึ้นมา ดังนั้นผมยืนยันแนวทางนี้และผมไม่ได้เบียดบังเวลาของใครเลย ผมก็ทำงานหนักขึ้นเท่านั้นเองในการที่ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯรู้สึกฉุนหรือที่ได้ยินคำถามแบบนี้ ดูเหมือนท่านจะกำโพเดี่ยมแน่น นายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธว่า ไม่หรอก เพราะต้องอยู่ข้างหลังโพเดี่ยม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวเราะกับฉายา แม่นมอมทุกข์ ที่สื่อทำเนียบฯ ตั้งให้ กล่าวว่า เมื่อคืนกลับไปบ้านไปจับที่หน้าอกดู หน้าอกแฟบลง ส่วนที่สื่อฯตั้งฉายา หล่อหลักลอย ให้นายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรีอาจเสียใจได้
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับฉายา ช่างจัดฉาก กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่า ผมก็ขำๆ เรื่องการตั้งฉายานั้นไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมีหลายคนตั้งเลยไม่รู้จะรู้สึกกับฉายาอะไรดี เพราะถือว่าเป็นการทำงาน ในหน้าที่ แต่ที่ขำๆ คือคำอธิบายที่ระบุว่าชอบเปรียบเปรยตัวเองเป็น อิมเมจ เม็กเกอร์ ผมไม่เคยเรียกว่าตัวเองเป็น อิมเมจ เม็กเกอร์ แต่สื่อชอบมาถามว่า คนอื่นว่าผมเป็นก็บอกว่าไม่ใช่ สำหรับผมนั้นทำงานมากกว่า จึงไม่รู้สึกอะไรคิดว่าตัวเองมีหน้าที่ก็ทำงานไป และทำให้ดีที่สุดเท่านั้น
ส่วนฉายารัฐบาล ใครเข้มแข็ง? นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ขอตอบว่าประชาชนเข้มแข็ง ประเทศไทยเข้มแข็ง สามารถตอบคำถามได้ ส่วนตัวมองว่าการตั้งฉายาเป็นเรื่องปกติถือเป็นความเห็นของสื่อมวลชน ตนขำๆ ไม่รู้สึกอะไร ถือเป็นสิทธิ์ของสื่อที่จะสะท้อนความคิดเห็น เหมือนโพลก่อนหน้านี้ก็สะท้อนความรู้สึกของประชาชนต่อรัฐบาลว่าดีแล้วทำดีแล้ว อยากให้นายกฯ เป็นต่อไปถือเป็นความรู้สึกของประชาชนก็เป็นเรื่องปกติ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า 1 ปีให้คะแนนรัฐบาลอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนไม่เคยให้คะแนนตัวเองและรัฐบาล เราพยายามทบทวนว่าทำอะไรไปบ้าง การแถลงผลงาน 6 เดือนและ 1 ปี ที่ผ่านมา ก็เหมือนการทบทวนตัวเองและอธิบายให้ประชาชนรับรู้ว่า เราทำอะไรไปบ้าง ส่วนจะสอบผ่านหรือไม่เราฟังเสียงประชาชนมากกว่าว่าผ่านหรือไม่ผ่าน โพลที่ออกมาบางโพลก็สอบตก บางโพลประชาชนก็พอใจ แต่คิดว่าเมื่อเรามาทำหน้าที่ เราจะไปกังวลคงไม่ได้เพราะในการทำงาน ก็มีปัญหามาก สำคัญวันนี้เราต้องมองไปข้างหน้าว่าปีหน้าจะมีอะไรบ้าง ต้องทำอะไรอีกมาก
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวขอบคุณที่ตั้งฉายา เจ้าแม่แพ้หน้าเนต ให้ สงสัยต้องไปฝึกกระโดดเยอะๆ คราวหน้าจะได้บล๊อคอยู่ นางพรทิวา กล่าวพร้อมหัวเราะ
ส่วนภาพที่ออกมาว่าไม่ถูกกับนายกอร์ปศักดิ์นั้น นางพรทิวา กล่าวว่า บางทีเห็นข่าวแล้วยังตกใจทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ยืนยันว่าจริงๆ แล้วไม่มีอะไร สาเหตุที่เกิดภาพแบบนี้ออกมาน่าจะเป็นเพราะว่า ตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด เลยดูเหมือนว่าไม่เข้าใจกัน ทั้งนี้ที่ผ่านมาการสื่อสารอาจจะยังน้อยเกินไปจนมีระยะห่าง แต่เมื่อได้พูดคุยกันแล้วเข้าใจกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไรเหมือนภาพที่ถูกเสนอ เมื่อถามว่า จะไม่ร้องไห้แล้วใช่หรื่อไม่ นางพรทิวา กล่าวว่า ไม่ค่ะ พร้อมกับหัวเราะ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาประจำปี นายอภิสิทธิ์ หล่อหลักลอย ที่อธิบายว่า นายกฯ ไม่สามารถ กำกับกฎเหล็กจริยธรรม 9 ข้อให้เป็นผลได้นั้น หากดูข้อเท็จจริงแล้วจะเห็นว่า คำอธิบาย ไม่เป็นธรรม เพราะตลอดเวลา นายกฯ ยังคงยึดกฎเหล็กทั้ง 9 ข้ออย่างเคร่งครัด ตั้งแต่กรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาถึงกรณีของนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สารธารณสุข (สธ.) ซึ่งชี้ชัดว่า นายกฯ สามารถยืนยันกฎเหล้ก 9 ข้อให้มีผลในทางปฏิบัติได้ และไม่หลักลอยตามที่สื่อมวลชน ประจำทำเนียบฯ ตั้งฉายา
ส่วนฉายาบุคคลเจ้าตัวจะไปตอบก็กระไรอยู่ ถ้าโต้เถียงกันก็บอกว่าใจแคบ ถ้ารับก็จะบอกว่าอ๋อแสดงว่าจริง เอาเป็นว่ารับรู้ รับทราบ ไม่พิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯหลักลอยตามที่ได้ฉายาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงไม่จริงให้ดูจากการกระทำ เมื่อถามว่าโครงการไทยเข้มแข็ง ใครเข้มแข็งกันแน่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้หลายคน ที่ดำเนินการไปแล้วคือเงินที่ออกไปแล้ว เพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจการปล่อยสินเชื่อให้กับหลายบุคคล ซึ่งไม่มีโอกาสก่อหน้านี้และคนเหล่านั้นก็เข้มแข็งขึ้นแล้ว นี่คือเงินที่ออกไปล๊อดแรก นอกจากนั้นเป็นถนนไร้ฝุ่น ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว คนได้ใช้เส้นทางสัญจรไปมาตรงนั้น ชุมชนแถวนั้นก็เข้มแข็งขึ้น
ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกฯทำงานหลังโพเดี่ยม ในปีหน้าจะยังทำงานหลังโพเดี่ยวต่ออีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้อนว่า พูดข้างหน้าเขาไม่ได้ยินกัน เมื่อถามว่า หมายความว่านายกฯรับงานปาฐกถามากเกินจนผลงานหลักไม่มีออกมา ให้ประชาชนเห็นและงานไม่เดินหน้า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตนขอท้าให้ไปดูการตัดสินใจ การสั่งราชการ การประชุมของตนน้อยกว่ายุคอื่นไหม หรือมากกว่า ไปดูเลย แต่ที่ตนจำเป็นจะต้องไปงานต่างๆเพื่อแสดงความคิดเห็น
ผมเห็นแล้วว่าในสังคมไทยจุดอ่อนหลายปีที่ผ่านมาคือผู้นำไม่พยายามสื่อสาร สื่อสารแต่ลักษณะตอบโต้ทางการเมือง แต่ไม่พยายามสื่อสารให้หลายคนที่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายในเรื่องนั้นๆ ให้เกิดความเข้าใจและผมเดินทางมาทั้งปี พบกับกลุ่มคนจำนวนมากมายภาคธุรกิจ ภาคสังคม กลุ่มคนในพื้นที่ต่างๆ มีหลายเรื่อง ที่คนเหล่านั้นมาบอกกับผมว่าถ้าไม่มีโอกาสได้ฟังก็ไม่ทราบ มีช่องว่างตลอดระหว่าง ภาครัฐกับเอกชน ระหว่างภาครัฐกับประชาชนและหลายงานที่ไปก็มีหลายเรื่อง ซึ่งได้เรียนรู้ถึงปัญหาของประชาชน เพราะไม่มีการรายงานผ่านระบบราชการขึ้นมา ดังนั้นผมยืนยันแนวทางนี้และผมไม่ได้เบียดบังเวลาของใครเลย ผมก็ทำงานหนักขึ้นเท่านั้นเองในการที่ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯรู้สึกฉุนหรือที่ได้ยินคำถามแบบนี้ ดูเหมือนท่านจะกำโพเดี่ยมแน่น นายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธว่า ไม่หรอก เพราะต้องอยู่ข้างหลังโพเดี่ยม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวเราะกับฉายา แม่นมอมทุกข์ ที่สื่อทำเนียบฯ ตั้งให้ กล่าวว่า เมื่อคืนกลับไปบ้านไปจับที่หน้าอกดู หน้าอกแฟบลง ส่วนที่สื่อฯตั้งฉายา หล่อหลักลอย ให้นายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรีอาจเสียใจได้
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับฉายา ช่างจัดฉาก กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่า ผมก็ขำๆ เรื่องการตั้งฉายานั้นไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมีหลายคนตั้งเลยไม่รู้จะรู้สึกกับฉายาอะไรดี เพราะถือว่าเป็นการทำงาน ในหน้าที่ แต่ที่ขำๆ คือคำอธิบายที่ระบุว่าชอบเปรียบเปรยตัวเองเป็น อิมเมจ เม็กเกอร์ ผมไม่เคยเรียกว่าตัวเองเป็น อิมเมจ เม็กเกอร์ แต่สื่อชอบมาถามว่า คนอื่นว่าผมเป็นก็บอกว่าไม่ใช่ สำหรับผมนั้นทำงานมากกว่า จึงไม่รู้สึกอะไรคิดว่าตัวเองมีหน้าที่ก็ทำงานไป และทำให้ดีที่สุดเท่านั้น
ส่วนฉายารัฐบาล ใครเข้มแข็ง? นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ขอตอบว่าประชาชนเข้มแข็ง ประเทศไทยเข้มแข็ง สามารถตอบคำถามได้ ส่วนตัวมองว่าการตั้งฉายาเป็นเรื่องปกติถือเป็นความเห็นของสื่อมวลชน ตนขำๆ ไม่รู้สึกอะไร ถือเป็นสิทธิ์ของสื่อที่จะสะท้อนความคิดเห็น เหมือนโพลก่อนหน้านี้ก็สะท้อนความรู้สึกของประชาชนต่อรัฐบาลว่าดีแล้วทำดีแล้ว อยากให้นายกฯ เป็นต่อไปถือเป็นความรู้สึกของประชาชนก็เป็นเรื่องปกติ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า 1 ปีให้คะแนนรัฐบาลอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนไม่เคยให้คะแนนตัวเองและรัฐบาล เราพยายามทบทวนว่าทำอะไรไปบ้าง การแถลงผลงาน 6 เดือนและ 1 ปี ที่ผ่านมา ก็เหมือนการทบทวนตัวเองและอธิบายให้ประชาชนรับรู้ว่า เราทำอะไรไปบ้าง ส่วนจะสอบผ่านหรือไม่เราฟังเสียงประชาชนมากกว่าว่าผ่านหรือไม่ผ่าน โพลที่ออกมาบางโพลก็สอบตก บางโพลประชาชนก็พอใจ แต่คิดว่าเมื่อเรามาทำหน้าที่ เราจะไปกังวลคงไม่ได้เพราะในการทำงาน ก็มีปัญหามาก สำคัญวันนี้เราต้องมองไปข้างหน้าว่าปีหน้าจะมีอะไรบ้าง ต้องทำอะไรอีกมาก
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวขอบคุณที่ตั้งฉายา เจ้าแม่แพ้หน้าเนต ให้ สงสัยต้องไปฝึกกระโดดเยอะๆ คราวหน้าจะได้บล๊อคอยู่ นางพรทิวา กล่าวพร้อมหัวเราะ
ส่วนภาพที่ออกมาว่าไม่ถูกกับนายกอร์ปศักดิ์นั้น นางพรทิวา กล่าวว่า บางทีเห็นข่าวแล้วยังตกใจทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ยืนยันว่าจริงๆ แล้วไม่มีอะไร สาเหตุที่เกิดภาพแบบนี้ออกมาน่าจะเป็นเพราะว่า ตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด เลยดูเหมือนว่าไม่เข้าใจกัน ทั้งนี้ที่ผ่านมาการสื่อสารอาจจะยังน้อยเกินไปจนมีระยะห่าง แต่เมื่อได้พูดคุยกันแล้วเข้าใจกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไรเหมือนภาพที่ถูกเสนอ เมื่อถามว่า จะไม่ร้องไห้แล้วใช่หรื่อไม่ นางพรทิวา กล่าวว่า ไม่ค่ะ พร้อมกับหัวเราะ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาประจำปี นายอภิสิทธิ์ หล่อหลักลอย ที่อธิบายว่า นายกฯ ไม่สามารถ กำกับกฎเหล็กจริยธรรม 9 ข้อให้เป็นผลได้นั้น หากดูข้อเท็จจริงแล้วจะเห็นว่า คำอธิบาย ไม่เป็นธรรม เพราะตลอดเวลา นายกฯ ยังคงยึดกฎเหล็กทั้ง 9 ข้ออย่างเคร่งครัด ตั้งแต่กรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาถึงกรณีของนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สารธารณสุข (สธ.) ซึ่งชี้ชัดว่า นายกฯ สามารถยืนยันกฎเหล้ก 9 ข้อให้มีผลในทางปฏิบัติได้ และไม่หลักลอยตามที่สื่อมวลชน ประจำทำเนียบฯ ตั้งฉายา