ครม.มาร์คเดินตาม “ป๋าเปรม” ปัดฝุ่นตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ หวังช่วยแนะทางเดินให้ ครม. “สาทิตย์” ชี้ช่วงจังหวะเหมาะช่วยแจงสัมพันธ์ไทย-เขมรร้าวได้ เผยนัดประชุมเตรียมแถลงผลงาน 1 รัฐบาลพรุ่งนี้ แจงเสาร์นี้นายกฯ ไปงานศพวินัย เสนเนียม เลื่อนคิวตะลุยภาคเหนือออกไปก่อน
วันนี้ (27 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.มีมติให้ตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการฯ เกิดขึ้นมาครั้งแรกในปี 2529 ยุคของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ระเบียบมาโดยตลอด จนถึงปี 2544 ในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็ไม่มีการประชุมเลยจะใช้วิธีของการให้คนข้างนอกเข้ามาทำโดยไม่ใช้กลไกของราชการ แต่มีการแก้ไขระเบียบสองครั้ง จนถึงยุคของนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ก็ไม่มีการประชุมเช่นกัน และเมื่อมาถึงรัฐบาลนี้กรมประชาสัมพันธ์เขาก็เสนอให้ตั้งคณะกรรมการฯ ตนคิดว่ามีความสำคัญ จึงขอดูรายละเอียดแล้วนำไปปรับแก้ให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯ และให้ลดสัดส่วนข้าราชการประจำลงแล้วให้เพิ่มผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้ามา ทั้งนี้ หลังจากผ่านการพิจารณาของครม.แล้วจะต้องไปผ่านคณะกรรมการอนุบัญญัติเพื่อบังคับใช้ และขั้นตอนต่อไปก็เสนอชื่อแต่งตั้งคณะกรรมการ โดยคาดว่าปลายเดือน พ.ย.น่าจะตั้งคณะกรรมการฯ เสร็จและจะประชุมเพื่อรองรับการจัดงานวันที่ 5 ธันวาคม ที่จะเป็นงานแรกของคณะกรรมการชุดนี้
“คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติมีหน้าที่วิเคราะห์สถานการณ์ เรื่องการประชาสัมพันธ์ภาครัฐ ผลกระทบที่เกิดขึ้น เสนอแนะแนวทางให้นายกฯ และ ครม. เพื่อเป็นแนวในการทำงานของรัฐบาลทั้งคณะ และการออกมาช่วงนี้ก็เป็นจังหวะที่มีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงกับต่างประเทศพอเหมาะพอดี จังหวะจึงพอเหมาะพอดี ไทมิ่งดี เสร็จมาพอดี ซึ่งจะต้องติดตามทั้งเรื่องในประเทศและต่างประเทศ และเชื่อว่าเหมาะกับสถานการณ์ในช่วงนี้เนื่องจากว่าเราโดนรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นการประชาสัมพันธ์จะต้องทำ” นายสาทิตย์ กล่าว
เมื่อถามว่าคณะกรรมการชุดนี้จะสามารถรองรับสภาวะการปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาได้หรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า จริงๆ กรรมการจะต้องมีการประเมินกันว่าในแง่ของข่าวสารที่ออกมากระทบกับประเทศไทยหรือไม่ ถ้ากระทบคงรจะมีแนวทางอย่างไรบ้าง ซึ่งแนวทางแก้ไขของคณะกรรมการฯ จะเสนอเข้าไปให้ ครม.พิจารณาในที่ประชุมได้หรือเสนอให้แต่ละกระทรวง ทบวงกรมควรจะเน้นเรื่องไหน ทั้งนี้ยังรวมถึงทุกเรื่องที่อยู่ในนโยบายรัฐบาลด้วย
เมื่อถามว่าในยุคที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลใช้ยุทธศาสตร์สงครามข่าวสารจากข้างนอกและข้างในเข้ามาจะมีการเพิ่มความเข้มแข็งอย่างไร นายสาทิตย์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้วเพราะว่ายุคนี้สู้ด้วยการส่งข่าวสารให้ประชาชนได้รับรู้ โดยฝ่ายรัฐบาลจะต้องมีข่าวสารที่ถูกต้องให้ประชาชน ส่วนอีกฝ่ายก็พยายามส่งข่าวที่เป็นลบของรัฐบาลแต่เป็นบวกกับเขาอยู่แล้ว ดังนั้นรัฐบาลต้องมีข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอ
“มันไม่ใช่เรื่องของการยกเครื่องหรือไม่ยกเครื่อง แต่ว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ต้องประเมินเป็นระยะว่าช่วงนี้ต้องประเมินว่าข้อมูลข่าวสารใดที่เป็นลบ ข้อมูลใดที่เป็นบวกก็ต้องพยายามสื่อสารไปยังประชาชน ส่วนกลไกก็ใช้ทุกกลไกที่จะใช้ได้” นายสาทิตย์กล่าว
เมื่อถามว่า 1 ปีรัฐบาลจะมีการแถลงผลงานหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า มี เพราะรัฐธรรมนูญระบุว่าเมื่อครบ 1 ปีจะต้องมีการแถลงผลการดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐอยู่แล้ว แต่ที่มีการแถลงผลงาน 6 เดือน เพราะรัฐบาลเห็นว่ามีความจำเป็นจึงจัดการแถลงขึ้นมา แต่ 1 ปีก็จะบวกทั้งแนวนโยบาย บวกกับงานที่รัฐบาลทำไป
“โดยนายกฯ ขอให้กรรมการชุดที่จัดแถลงผลงาน 6 เดือนที่ผมเป็นประธานได้ทำอีกครั้ง และพรุ่งนี้จะประชุมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (28 ต.ค.) โดยจะเป็นการวางกรอบกันว่าต้องรวบรวมเรื่องอะไรอย่างไร และดูว่าครบ 1 ปีมีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องรายงานประชาชน” นายสาทิตย์กล่าว
นายสาทิตย์กล่าวว่า ช่วงนี้รัฐบาลต้องชี้แจงเรื่องของโครงการประกันรายได้เกษตรกรอย่างหนัก เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ของนโยบายในช่วงนี้ ส่วนการลงพื้นที่พบประชาชนนั้นความจริงนายกฯจะเดินทางไปภาคเหนือในวันเสาร์นี้ (31 ต.ค.) แต่ติดว่าต้องเดินทางไปร่วมงานศพของนายวินัย เสนเนียม ที่จังหวัดสงขลา นายกฯ จึงต้องลงไปที่จังหวัดสงขลา แล้วในสัปดาห์ต่อไปค่อยว่ากัน