xs
xsm
sm
md
lg

ไร้เหตุผลเนวินจับมือพท.บี้ปชป.เร่งแก้ไขรธน.ขอถกหลังปีใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ประกาศว่าหากรัฐบาลไม่ดำเนินการก็จะไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยในการเสนอให้นำรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาใช้ว่า คิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะทำอย่างนั้น ซึ่งคงต้องคุยกันหลังปีใหม่
ส่วนคำว่า ไม่มีเหตุผลที่จะทำอย่างนั้น มีความหมายอย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แนวที่เคยคุยกันไว้ตั้งแต่ต้นคือแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เห็นว่า เป็นปัญหา โดยพูดชัดเจนมาตลอดว่าไม่สร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง เราทำมาหลายทาง ทั้งทางที่เรานึกว่าไปได้แล้วเมื่อฝ่ายค้านปฏิเสธก็มาทบทวนกันใหม่ ได้ข้อยุติเหลือ2 ประเด็น ที่จะแก้ไข คือมาตรา 190 และประเด็นเรื่องเขตเลือกตั้งจาก เขตใหญ่ เรียงเบอร์ มาเป็นเขตเดียวเบอร์เดียว โดยจะนำเสนอสภาซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากแก้ไขนอกเหนือจาก 2 ประเด็นนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คาดว่าหากนอกเหนือจาก 2 ประเด็นนี้แล้วไม่ไปทำประชามาติ ก็น่าจะเกิดความขัดแย้งในสังคม ซึ่งก็ไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล และบ้านเมือง เพราะเป็นการนำไปสู่ความขัดแย้ง บั่นทอนการทำงานของรัฐบาล พรรคการเมืองทุกพรรคก็เดือดร้อน
ส่วนถ้าพรรคร่วมรัฐบาลจะแก้มากกว่า 2 ประเด็นดังกล่าวคิดว่าจะยังทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่ามีปัญหา เดี๋ยวพูดคุยกัน เมื่อถามอีกว่า ดูเหมือนว่าตอนนี้พรรคร่วมใจร้อนอยากให้แก้รัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้บอกไปแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาของผม มันเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดปัญหาเหมือนปี 2551 ต้องเรียนรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น น่าจะช่วยกันเดินไป ในแนวทางที่จะเดินไปข้างหน้าได้ บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ การไปผลีผลาม ตัดสินใจที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายขึ้นไม่ได้ช่วยใครทั้งสิ้น ประชาชนเดือดร้อน
นายอภิสิทธิ์ มั่นใจว่าปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสามารถคุยกันแกนนำ พรรคร่วมรัฐบาลได้ เพราะมีเหุตผลชัดเจน และไม่ได้คิดว่าพรรคร่วมฯบีบพรรคประชาธิปตย์ ตนเข้าใจและเห็นใจพรรคการเมืองหลายพรรคที่ต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดพรรคภูมิใจไทยถึงไปไกลถึงขั้นจะเข้าร่วมกับ พรรคฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าคำพูดเหล่านี้เป็นคำตอบ หรือ มาจากคำถามว่าอะไร เพราะบางทีเห็นถามกันน่ากลัวเหลือเกินเช่น ไปถามว่า นายกฯ หรือพรรคประชาธิปัตย์เขาไม่เอา เขาเบี้ยวจะทำอย่างไรมันขึ้นอยู่กับคำถาม
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เบี้ยวใช่หรือไม่ เห็นนายบัญญัติ บัญทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเบี้ยว ตรงหมด ต่อข้อถามที่ว่า 2 ประเด็นแสดงว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับการให้มีส.ส. เขตเดียวเบอร์เดียว นายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธ ว่า ไม่ใช่ ตนพูดไว้ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคว่า รัฐบาลไม่ต้องเสนอให้ พรรคการเมืองที่อยากจะเสนอ สามารถเสนอให้สภาพิจารณาได้ทั้ง 2 ประเด็น ซึ่ง มาตรา 190 พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยที่จะแก้ ส่วนเรื่องเขตเลือกตั้ง จุดยืน ของพรรคไม่เห็นด้วย และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้ามีการเสนอจริงทางพรรค ก็ต้องมาพิจารณาว่าจะตัดสินใจอย่างไร
ส่วนการโยนให้เป็นกลไกของสภาทั้งที่พรรคร่วมไม่มีทิศทางเดียวกันในการเสนอ ถือเป็นการยื้อหรือซื้อเวลาหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่ใช่ หลักเป็นอย่างนี้ คือ ประเด็นแรก เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายบริหาร เพราะฝ่ายบริหารไม่มีเสียงข้างมากในสภา บางครั้งนักเขียนนักวิเคราะห์ไม่เข้าใจหลักจะอธิบายให้ทราบประเด็นที่สองเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ให้สภาฯ พิจารณาเพราะ ไม่ใช่เรื่องการบริหารนโยบาย จริงๆ แล้วเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญ คือ ไม่ต้องการให้รัฐบาลเปลี่ยนกติกาของบ้านเมือง การเปลี่ยนกติกาของบ้านเมือง ต้องอาศัยเสียงข้างมาก ฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล ขณะใดขณะหนึ่ง ถือเป็นหลักที่เขียนในรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องนโยบายรัฐบาล แต่สิ่งที่รัฐบาลคุยกันและเป็นแนวปฏิบัติคือ เราจะทำอย่างไรไม่ให้ ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้นตนจึงไม่สนใจในบทบาทรัฐบาลตรงนี้ เดิมที่เห็นว่ารัฐบาลเสนอได้คือ นโยบายสมานฉันท์
แต่วันนี้นโยบายสมานฉันท์ไม่อาจทำได้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกต่อไป เนื่องจากไม่ครบทุกพรรค รัฐบาลดูเพียงว่า อย่าให้เรื่องนี้เป็นปัญหากับบ้านเมือง ในเรื่องความขัดแย้ง สมานฉันท์
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนายกฯไม่ได้ตีสองหน้า ยังยืนยันว่ารัฐธรรมนูญแก้ไขได้ แต่อยากให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากหลายๆ ฝ่าย เพราะไม่อยากให้กลายเป็นความขัดแย้งในสังคม ทั้งนี้มีความเห็นใจที่พรรคการเมือง บางพรรค ไม่อยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งทางสังคม
นายเทพไท กล่าวว่า ที่พรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่า ควรแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 94 เกี่ยวกับเขตเลือกตั้งและมาตรา 190 แต่มีกระแสข่าวว่ามีการพูดถึงการหยิบยกรัฐธรรมนูญ ปี 40 ขึ้นมาใช้ ตามแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเคลื่อนไหว ตนเห็นว่าเป็นการหยิบยกมาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการเมืองมากกว่า ทั้งนี้เพื่อให้การบังคับใช้มาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญปี 50 ตกไป ถือว่าเป็นการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่สิ่งที่ติดอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 40 คือ เรื่องเขตเลือกตั้งที่ต้องการ เปลี่ยนมาใช้ แบบเดิมคือ เขตเดียวเบอร์เดียว ซึ่งคิดว่า พรรคเพื่อไทยเองก็ไม่อยากได้ ซึ่งจากการ สอบถาม ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่พบว่า ต่างก็อยากได้การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มากกว่า ส่วนผู้ที่อยากได้แบบ เขตเเดียวเบอร์เดียวตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540 อาจจะเป็นการตกหลุมทางการเมือง ให้กับพรรคเพื่อไทยได้
นายเทพไท กล่าวว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ หากมีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญตามกรอบที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯได้กำหนดไว้ ก็คิดว่าคงไม่มีใครขัดข้อง เพียงแต่ว่ามติใดๆ หรือท่าทีใดๆ ของพรรคส่วนใหญ่ควรมาจากที่ประชุม ส.ส. แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมยังไม่มีการประชุม ส.ส.ของพรรค จึงทำให้ประเด็นนี้ยังไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการและเชื่อว่าการประชุมส.ส.พรรคในวันที่ 22-24 ม.ค. ที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งกำหนดหัวข้อยุทธศาสตร์พรรคในปี 2553 คงจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้
ดังนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ อย่าวู่วามต้องคิดให้รอบคอบ เพราะเข้าใจว่า การกำหนดเขตเลือกตั้ง อาจจะกระทบต่ออนาคตของพรรคการเมืองหลายพรรค ซึ่งอาจจะมีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งต้องหาข้อสรุป แม้แต่ในพรรคประชาธิปัตย์ หากฟังความเห็นจากหลายฝ่าย ก็มีความเห็นแตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีความจำเป็น ที่ต้องหาข้อสรุปว่า จะตกลงเลือกเขตเลือกตั้งในรูปแบบใด
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่าในการประชุมวิปรัฐบาลได้วิเคราะห์ถึงแนวทางของฝ่ายค้านว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายฯ ก่อนกลางเดือนกุมภาพันธ์ และจะอภิปรายไม่ไว้วางใจต้นเดือนมีนาคม โดยไปยึดโยงกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญและหวังเสี้ยมให้พรรคร่วมรัฐบาลเกิดความแตกแยก แต่อยากบอกฝ่ายค้านว่าเสียใจด้วย เพราะรัฐบาลรู้ทัน ถ้าหวังจะเสี้ยมไม่มีแน่นอน สิ่งที่เรากังวลอย่างเดียวคือเราจะต่อสู้ด้านข้อมูลเพื่อให้ประชาชนให้ความศรัทธากับฝ่ายใดเท่านั้นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น