เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์-กลุ่มนักโบราณคดีจีน พบสุสานของโจโฉ แม่ทัพใหญ่ผู้ฉลาดปราดเปรื่องแห่งยุคสามก๊ก ระหว่างการขุดค้นทางโบราณคดีในมณฑลเหอหนัน โดยป้ายหินแกะสลักตัวอักษร และหมอนหินที่ขุดค้นพบภายในสุสาน จารึกชื่อ “ วุ่ยอู่หวัง ” ( คือ โจโฉ) นักโบราณคดีจึงปักธงได้ว่าเจ้าของสุสานคือ โจโฉ
สืบเนื่องจากการขุดค้นสุสานยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ค.ศ.25-220) ที่หมู่บ้านซีกาวเสียว์ ตำบลอันเฟิง อำเภออันหยาง มณฑลเหอหนัน นักโบราณคดีจีนก็ได้ค้นพบทางโบราณคดีครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง ที่ยุติการถกเถียงและข้อสงสัยนับพันปี เกี่ยวกับที่ตั้งหลุมฝังศพแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่โจโฉ แห่งยุคสามก๊ก จากป้ายแกะสลักชื่อ วุ่ยอู่หวัง หรือวุ่ยอู่อ๋อง ซึ่งก็คือ พระนามของพระเจ้าโจโฉ นักโบราณคดีจีนจึงสามารถระบุชัดเจนแล้วว่า หลุมฝังศพของแม่ทัพโจโฉอยู่ ณ หมู่บ้านซีกาวเสียว์ แห่งนี้
โจโฉ หรือ ในภาษาจีนกลางเรียก เฉาเชา (ค.ศ.155-220) เป็นขุนศึก และผู้สำเร็จราชการแผ่นดินคนสุดท้ายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ต่อมา โจโฉได้สร้างนครรัฐที่รุ่งเรืองและแข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยสามก๊ก (ค.ศ.208-280) คือ แคว้นวุ่ย หรือวุ่ยก๊ก ตำนานชีวิตโจโฉเป็นที่เลื่องลือและติดตรึงใจผู้คนทั่วโลกมาถึงปัจจุบันจากวรรณกรรมคลาสิก “ สามก๊ก ” ในความเป็นผู้ปกครองที่โด่ดเด่นด้านความสามารถ และนักการทหารที่ทรงสติปัญญาฉลียวฉลาด
นอกจากนี้ โจโฉยังได้รับการยกย่องเป็นกวี อันสะท้อนถึงบุคคลิกพิเศษและแข็งแกร่งของแม่ทัพโจโฉ กระทรวงศึกษาจีนยังได้บรรจุบทกวีของโจโฉไว้ในตำราเรียนระดับชั้นมัธยม
นักโบราณคดีเผยรายละเอียดการขุดค้นครั้งนี้ ว่าเป็นสุสานขนาดใหญ่ มีโครงสร้างซับซ้อนมาก ประกอบด้วยห้องด้านหน้าและด้านหลัง และห้องอีกสี่ห้องอยู่ในภายใน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ ราว 740 ตารางเมตร อันเป็นขนาดและโครงสร้างตามประเพณีจีนโบราณในการกษัตริย์ หรือเจ้าครองนครรัฐ จากการเปิดเผยของ นายหลิว ชิงจู ผู้อำนวยคณะกรรมการสถาบันบัณฑิตสถานด้านสังคมศาสตร์ เผยแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์(27 ธ.ค.)
นักโบราณคดียังพบโบราณวัตถุมากกว่า 250 ชิ้น ที่ทำจากทองคำ เงิน ทองสำริด หยก หิน ดินเผา ฯลฯ อีกทั้งหินแกะสลักชื่อ 59 ชิ้น และจารึกหลายชิ้นภายในหลุมฝังศพ โดยมีหินแกะสลักแปดชิ้นที่มีค่ามากที่สุด ซึ่งจารึกเกี่ยวกับอาวุธต่างๆที่วุ่ยอ๋อง หรือโจโฉ ใช้ ตัวอักษรที่จารึกบนหินเหล่านี้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีหมอนหินที่วุ่ยอ๋องใช้เป็นประจำ ซึ่งอักษรเหล่านี้ เป็นข้อมูลสำคัญในการระบุตัวเจ้าของสุสาน และเป็นหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์โดยตรงที่สุด
ภายในสุสานยังมีภาพเขียนบนหินจำนวนมาก ที่ละเอียดประณีต
ในการขุดค้นสุสานฯ นักโบราณคดียังได้พบซากกระดูกส่วนศีรษะ และแขนขาของมนุษย์ในห้องฝังศพสองห้อง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้ระบุในเบื้องต้นว่าเป็น ซากกระดูกของผู้ชายหนึ่งคน และผู้หญิงอีกสองคน โดยผู้ชายเป็นเจ้าของหลุมฝังศพ อายุราว 60 ปี
ห่าว เปิ่นซิง หัวหน้าสถาบันโบราณคดีแห่งมณฑลเหอหนัน เผยว่า โจโฉได้จารึกเจตจำนงของเขาว่า ให้สร้างสถานที่ฝังศพของเขาอย่างเรียบง่าย ซึ่งก็สอดคล้องกับสุสานที่นักโบราณขุดค้นคือ กำแพงสุสานไม่มีภาพเขียน และมีสมบัติไม่กี่ชิ้น ตำแหน่งของสุสาน สอดคล้องกับบันทึกประวัติศาสตร์ และบันทึกโบราณในยุคของโจโฉ รัฐบาลมณฑลเหอหนัน และอันหยาง มีแผนที่จะเปิดสุสานให้สาธารชนเข้าชม
เจ้าหน้าที่เผยว่า ก่อนหน้ามีการปล้นขโมยโบราณวัตถุในสุสานโจโฉหลายครั้ง จนนักโบราณคดีได้รายงานสำนักงานโบราณคดีแห่งชาติเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2551 หน่วยวิจัยโบราณคดีจึงได้เข้าทำการขุดค้นเพื่อการคุ้มครองสมบัติโบราณคดีของชาติ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ติดตามโบราณวัตถุหลายชิ้นที่ถูกขโมยไป
สำหรับบุคลิกโจโฉ พระเจ้าโจโฉ หรือ สมเด็จพระจักรพรรดิวุ่ยอู่หวัง มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 155 - ค.ศ. 220 เป็นขุนศึกและผู้สำเร็จราชการแผ่นดินคนสุดท้าย ในราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของประเทศจีน ในภายหลังโจโฉได้ก่อตั้งวุยก๊ก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามอาณาจักรของยุคสามก๊ก
ทั้งนี้ ในวรรณคดีเรื่องสามก๊กบางสำนวน โจโฉได้รับการบรรยายให้เป็นจักรพรรดิที่โหดเหี้ยมและทะเยอทยาน แต่ตามประวัติศาสตร์แล้ว โจโฉเป็นผู้ปกครองที่สามารถ นักการทหารที่ชาญฉลาด และยังเป็นกวีอีกด้วย ในสามก๊ก โจโฉแม้จะเป็นคนโหดเหี้ยม เจ้าเล่ห์ แต่ก็หาใช่ว่าเป็นคนไร้เหตุผล ตรงกันข้ามยังเป็นคนผูกใจคนเก่ง ชอบใช้คนมีความสามารถ รู้จักใช้คน บริหารจัดการเก่ง มีความเป็นผู้นำสูง และออกอุบายวางแผนได้ด้วยตนเอง ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ได้กล่าวว่า "ยิ่งอ่าน ยิ่งรักน้ำใจโจโฉ" และเป็นที่ของหนังสือที่ชื่อ โจโฉ นายกฯตลอดกาล ที่ว่าด้วยการมองโจโฉในอีกแง่ และให้ฝ่ายจ๊กก๊ก ของเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เป็นตัวร้ายแทน.
สืบเนื่องจากการขุดค้นสุสานยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ค.ศ.25-220) ที่หมู่บ้านซีกาวเสียว์ ตำบลอันเฟิง อำเภออันหยาง มณฑลเหอหนัน นักโบราณคดีจีนก็ได้ค้นพบทางโบราณคดีครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง ที่ยุติการถกเถียงและข้อสงสัยนับพันปี เกี่ยวกับที่ตั้งหลุมฝังศพแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่โจโฉ แห่งยุคสามก๊ก จากป้ายแกะสลักชื่อ วุ่ยอู่หวัง หรือวุ่ยอู่อ๋อง ซึ่งก็คือ พระนามของพระเจ้าโจโฉ นักโบราณคดีจีนจึงสามารถระบุชัดเจนแล้วว่า หลุมฝังศพของแม่ทัพโจโฉอยู่ ณ หมู่บ้านซีกาวเสียว์ แห่งนี้
โจโฉ หรือ ในภาษาจีนกลางเรียก เฉาเชา (ค.ศ.155-220) เป็นขุนศึก และผู้สำเร็จราชการแผ่นดินคนสุดท้ายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ต่อมา โจโฉได้สร้างนครรัฐที่รุ่งเรืองและแข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยสามก๊ก (ค.ศ.208-280) คือ แคว้นวุ่ย หรือวุ่ยก๊ก ตำนานชีวิตโจโฉเป็นที่เลื่องลือและติดตรึงใจผู้คนทั่วโลกมาถึงปัจจุบันจากวรรณกรรมคลาสิก “ สามก๊ก ” ในความเป็นผู้ปกครองที่โด่ดเด่นด้านความสามารถ และนักการทหารที่ทรงสติปัญญาฉลียวฉลาด
นอกจากนี้ โจโฉยังได้รับการยกย่องเป็นกวี อันสะท้อนถึงบุคคลิกพิเศษและแข็งแกร่งของแม่ทัพโจโฉ กระทรวงศึกษาจีนยังได้บรรจุบทกวีของโจโฉไว้ในตำราเรียนระดับชั้นมัธยม
นักโบราณคดีเผยรายละเอียดการขุดค้นครั้งนี้ ว่าเป็นสุสานขนาดใหญ่ มีโครงสร้างซับซ้อนมาก ประกอบด้วยห้องด้านหน้าและด้านหลัง และห้องอีกสี่ห้องอยู่ในภายใน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ ราว 740 ตารางเมตร อันเป็นขนาดและโครงสร้างตามประเพณีจีนโบราณในการกษัตริย์ หรือเจ้าครองนครรัฐ จากการเปิดเผยของ นายหลิว ชิงจู ผู้อำนวยคณะกรรมการสถาบันบัณฑิตสถานด้านสังคมศาสตร์ เผยแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์(27 ธ.ค.)
นักโบราณคดียังพบโบราณวัตถุมากกว่า 250 ชิ้น ที่ทำจากทองคำ เงิน ทองสำริด หยก หิน ดินเผา ฯลฯ อีกทั้งหินแกะสลักชื่อ 59 ชิ้น และจารึกหลายชิ้นภายในหลุมฝังศพ โดยมีหินแกะสลักแปดชิ้นที่มีค่ามากที่สุด ซึ่งจารึกเกี่ยวกับอาวุธต่างๆที่วุ่ยอ๋อง หรือโจโฉ ใช้ ตัวอักษรที่จารึกบนหินเหล่านี้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีหมอนหินที่วุ่ยอ๋องใช้เป็นประจำ ซึ่งอักษรเหล่านี้ เป็นข้อมูลสำคัญในการระบุตัวเจ้าของสุสาน และเป็นหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์โดยตรงที่สุด
ภายในสุสานยังมีภาพเขียนบนหินจำนวนมาก ที่ละเอียดประณีต
ในการขุดค้นสุสานฯ นักโบราณคดียังได้พบซากกระดูกส่วนศีรษะ และแขนขาของมนุษย์ในห้องฝังศพสองห้อง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้ระบุในเบื้องต้นว่าเป็น ซากกระดูกของผู้ชายหนึ่งคน และผู้หญิงอีกสองคน โดยผู้ชายเป็นเจ้าของหลุมฝังศพ อายุราว 60 ปี
ห่าว เปิ่นซิง หัวหน้าสถาบันโบราณคดีแห่งมณฑลเหอหนัน เผยว่า โจโฉได้จารึกเจตจำนงของเขาว่า ให้สร้างสถานที่ฝังศพของเขาอย่างเรียบง่าย ซึ่งก็สอดคล้องกับสุสานที่นักโบราณขุดค้นคือ กำแพงสุสานไม่มีภาพเขียน และมีสมบัติไม่กี่ชิ้น ตำแหน่งของสุสาน สอดคล้องกับบันทึกประวัติศาสตร์ และบันทึกโบราณในยุคของโจโฉ รัฐบาลมณฑลเหอหนัน และอันหยาง มีแผนที่จะเปิดสุสานให้สาธารชนเข้าชม
เจ้าหน้าที่เผยว่า ก่อนหน้ามีการปล้นขโมยโบราณวัตถุในสุสานโจโฉหลายครั้ง จนนักโบราณคดีได้รายงานสำนักงานโบราณคดีแห่งชาติเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2551 หน่วยวิจัยโบราณคดีจึงได้เข้าทำการขุดค้นเพื่อการคุ้มครองสมบัติโบราณคดีของชาติ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ติดตามโบราณวัตถุหลายชิ้นที่ถูกขโมยไป
สำหรับบุคลิกโจโฉ พระเจ้าโจโฉ หรือ สมเด็จพระจักรพรรดิวุ่ยอู่หวัง มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 155 - ค.ศ. 220 เป็นขุนศึกและผู้สำเร็จราชการแผ่นดินคนสุดท้าย ในราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของประเทศจีน ในภายหลังโจโฉได้ก่อตั้งวุยก๊ก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามอาณาจักรของยุคสามก๊ก
ทั้งนี้ ในวรรณคดีเรื่องสามก๊กบางสำนวน โจโฉได้รับการบรรยายให้เป็นจักรพรรดิที่โหดเหี้ยมและทะเยอทยาน แต่ตามประวัติศาสตร์แล้ว โจโฉเป็นผู้ปกครองที่สามารถ นักการทหารที่ชาญฉลาด และยังเป็นกวีอีกด้วย ในสามก๊ก โจโฉแม้จะเป็นคนโหดเหี้ยม เจ้าเล่ห์ แต่ก็หาใช่ว่าเป็นคนไร้เหตุผล ตรงกันข้ามยังเป็นคนผูกใจคนเก่ง ชอบใช้คนมีความสามารถ รู้จักใช้คน บริหารจัดการเก่ง มีความเป็นผู้นำสูง และออกอุบายวางแผนได้ด้วยตนเอง ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ได้กล่าวว่า "ยิ่งอ่าน ยิ่งรักน้ำใจโจโฉ" และเป็นที่ของหนังสือที่ชื่อ โจโฉ นายกฯตลอดกาล ที่ว่าด้วยการมองโจโฉในอีกแง่ และให้ฝ่ายจ๊กก๊ก ของเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เป็นตัวร้ายแทน.