xs
xsm
sm
md
lg

จับตาพิสูจน์กึ๋น“โอบามาร์ค” เกมทวงคืนเก้าอี้จาก‘คนใน’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงานพิเศษ
โดย...เซียวเล่งนึ่ง


ดูเหมือนกระแสทางลมเรื่องปรับ ครม.ในรัฐบาลมาร์ค 1 จะเบาบางลงมาพอสมควร เพราะมีหลายประเด็นร้อนๆ ทางการเมืองเข้ามาช่วยหักเหความสนใจไปได้ช่วงหนึ่ง

เลยได้เห็นผู้จัดการรัฐบาลอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง มีหน้าตาสดชื่นขึ้นมานิดหน่อย พร้อมด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่

หลังจากต้องเจอกระแสคลื่นลมการปรับ ครม.อันรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พัดกระหน่ำจนแทบตั้งตัวไม่ติด จากฝีมือของ“คนใน”ด้วยกันเองที่เล่นเอาพรรคเกือบแตก

ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล ที่น่าจะทำตัวงอแงมากกว่า กลับดูสงบนิ่ง ผิดไปจากประสบการณ์การเมืองที่ผ่านมา

จะมีเพียงก็แต่พรรคชาติไทยพัฒนา ของ "เสี่ยเติ้ง"บรรหาร ศิลปอาชา เท่านั้น ที่มี การขยับตัวของ "เสธ.หนั่น" พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เพื่อหาทางดันก้นให้ ‘ลูกยอด’ หรือ “ ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์” บุตรชายสุดเลิฟ ได้ลิ้มรองรสชาติการเป็นทั่นรัฐมนตรีกับเขาบ้าง ก่อนที่ตัวเองจะหมดแรงดันทางการเมืองไปเสียก่อน

ปรากฎการณ์การกระตุ้นเตือนความทรงจำ และทวงถามสัญญาใจ ที่แกนนำพรรคเคยให้ไว้กับกลุ่ม ส.ส.อกหัก ที่ชวดเก้าอี้รัฐมนตรีเมื่อครั้งฟอร์มรัฐบาลใหม่ๆ ว่าจะมีการสลับสับเปลี่ยนเก้าอี้เมื่อครบปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

งานนี้ สุเทพ โดนไปเต็มๆ เพราะไม่ได้เป็นการลุกมาทวงเก้าอี้อย่างเดียว แต่มีการฝากรอยเล็บ หยิกให้เจ็บเนื้อมาด้วยว่า แม่บ้านคนนี้ทำงานไม่เข้าเป้า ไม่เป็นที่พึงพอใจของคนในพรรค เท่าที่ควรจะเป็น

เปิดช่องให้บางคนที่ต้องทนเก็บกดอาการ “หมั่นไส้”ไว้นาน พอสบจังหวะเลยต้องขอร่วมวงสักดอก

เล่นเอา ท่านเทพ ถึงกับมีอาการหน้าเขียว หน้าแดง ลมแทบจะพ่นออกจากหู ต้องออกมาตบปากลูกพรรคกลางอากาศ

พร้อมเบรกจนลูกพรรคหน้าทิ่มว่า ยังไม่มีการปรับ ครม.ในตอนนี้ ไปว่ากันอีกทีหลังปีใหม่ ...! ทำเอา “ว่าที่รัฐมนตรี” หลายคนต้องกินแห้วไปหลายกิโล

ขณะที่คนมีอำนาจสูงสุดอย่าง นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำต้องสับหลีกเวลาบริหารประเทศมาสยบ"ข่าวลือ" ฝากสื่อไปถึงทุกคนที่ออกมาเคลื่อนไหวว่า จะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนเก้าอี้ในตอนนี้ เพราะยังมีหลายภาระกิจสำคัญที่รอให้ปฏิบัติอยู่

การออกมาทวงถามเก้าอี้ของคนบางกลุ่มจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์เชิงตำหนิว่า เล่น “เกมเก้าอี้ดนตรี” เพื่อแย่งชิงอำนาจบารมี บนผลประโยชน์ทางการเมืองและผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก

หลายคนมองว่า การออกมาเคลื่อนไหวให้มีการปรับ ครม.ในช่วงนี้ ดูจะเป็นการไม่เหมาะสมกับกาละเทศะเท่าที่ควร โดยเฉพาะในช่วงยามที่บ้านเมืองยังลูกผีลูกคน ยังไม่หลุดพ้นจากวิกฤตไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง

แต่ การเมืองก็คือการเมือง ใครก็ตามที่หลุดพ้นเข้ามาอยู่ในวังวลนี้ มักจะถูกครอบงำไปด้วยกิเลส ตัณหา และอำนาจ ด้วยกันทั้งสิ้น

จึงไม่แปลกที่ เก้าอี้รัฐมนตรีจะเป็นที่หมายปองของนักการเมืองหลายๆคนที่อยากจะได้มาครอบครอง

มีการมองกันว่า แรงกระเพื่อมเรื่องการปรับ ครม.ในพรรคประชาธิปัตย์ เกิดจากการเกมการช่วงชิงอำนาจของ 2 ขั้วในพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่าง กลุ่มทศวรรษใหม่ ของ บัญญัติ บรรทัดฐาน กับ กลุ่มผลัดใบ ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

แม้แกนนำผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนจะออกมาปฏิเสธว่า ทั้งสองกลุ่มได้ย่อยสลายออกไปหมดสิ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงครุกรุ่น พร้อมที่จะผูดขึ้นมาเป็นเสมอที่มีโอกาส ตามธรรมชาติของพรรคเก่าแก่แห่งนี้

หลายๆ คน ที่ถูกเอ่ยอ้างชื่อในการเคลื่อนไหว อย่าง จุติ ไกรกฤษ์ องอาจ คล้ามไพบูลย์ นิพนธ์ บุญญามณี หรือ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ล้วนเป็นผู้ที่เคยร่วมอยู่ในชมรมคนอกหัก เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังถูกมือดีแย่งชิงตำแหน่งไปต่อหน้าต่อหน้า ได้แต่มองตาปริบๆ

แต่ถ้าจะอ่านใจคนอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ เชื่อว่าแรงกดดันครั้งนี้เป็นเรื่องจิ๊บๆ สามารถจัดการได้ไม่ยาก และไม่กระเพื่อมรุนแรงจนส่งผลเสียหายต่อพรรคประชาธิปัตย์ได้

เหตุเพราะบุคคลเหล่านี้ไม่มีพลังต่อรองมากเพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใดในพรรคได้ อีกทั้งองค์กร ยังมีความเข้มแข็งในความเป็นระเบียบวินัยที่คอยควบคุมสมาชิกให้อยู่หมัด

อีกทั้งอำนาจทั้งหมดในพรรคประชาธิปัตย์ในยามนี้ ยังตกเป็นของกลุ่มผลัดใบของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีขาใหญ่อย่าง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่นับวันบารมียิ่งเพิ่มพูนจากการได้เป็นรัฐบาล คอยกุมบังเหียนอยู่

ส.ส.บางคนเกิดอาการคันปาก อยากเตือนไปยังเพื่อนๆ ในพรรคด้วยกันว่า ออกมาเคลื่อนไหวอย่างไร ก็เหนื่อยเปล่า ยิ่งดิ้นรนไป อาจจะทำให้ ขาใหญ่ เกิดอาการหมั่นไส้ และพาลชวดเก้าอี้เอาได้ง่าย ๆ

แต่อย่างที่รู้ๆ กันดีกว่า ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับการเมืองไทย

แม้จะมีการยืนยันว่ายังไม่มีการปรับ ครม.ในช่วงนี้ แต่นัยที่ สุเทพ เปรยๆ ว่า หลังปีใหม่ อาจจะมีการหรือกันอีกที อาจจะสร้างความหวังให้กับกลุ่มชมรมคนอกหักได้บ้าง

โดยเฉพาะศึกซักฟอกของฝ่ายค้าน ที่จ่อคิวไว้แต่หัววันว่า เปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราฏร เมื่อไร เจอยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันที

อีกทั้งตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา รัฐมนตรีของพรรคหลายคนต้องเจอกันข้อครหามากมาย ที่ล้วนสร้างความฉาวโฉ่ และบั่นทอนความเชื่อมั่น และศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลให้ลดน้อยลงไป และอีกหลายกระทรวงที่รัฐมนตรีไม่มีผลงานปรากฎให้เห็นเท่าที่ควร

ทำให้กลุ่มคนอกหักเริ่มจะมีหวังและพากันจ้องตาเป็นมันไปยัง เก้าอี้หลายตัว อย่าง รมว.ศึกษาธิการ ของ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รมว.สาธารณสุข ของ "วิทยา แก้วภราดัย" รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของ "คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช" รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ของ "อิสระ สมชัย" รมว.วัฒนธรรม ของ “ธีระ สลักเพชร” หรือ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ของน้องเดียว “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” และเก้าอี้ของเขยซีพี “วีระชัย วีระเมธีกุล”

เล่นเอาคนเหล่านี้ออกอาการหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน ว่าตัวเองจะกระเด็นไปจากเก้าอี้เมื่อไร

ว่ากันว่าถ้ากระแสการเมืองรุนแรงจนเกินจะต่อต้าน ที่สุด อภิสิทธิ์ อาจจะต้องยอม ปรับ ครม.เพื่อลดกระแสที่โหมกระหน่ำรัฐบาลในเรื่องต่างๆ

แต่เชื่อว่า เกมนี้ อภิสิทธิ์ กับ สุเทพ ไม่อยากจะเข้ามาเล่นสักเท่าไร

เพราะทุกครั้งที่มีการปรับ ครม.มักจะมีแรงกระเพื่อมตามมาอีกหลายเรื่องที่เกินกว่าจะควบคุมได้

เช่น การเปิดช่องให้มีการต่อรองของกลุ่มก้อนต่างๆ การเสื่อมถอยศรัทธาของประชาชน ที่เบื่อหน่ายต่อเกมช่วงชิงผลประโยชน์ทางการเมือง หรือการทำให้งานบริหารแผ่นดินในแต่ละกระทรวงต้องมาสะดุด เริ่มต้นใหม่

ซึ่งล้วนแต่สุ่มเสี่ยงต่อสถียรภาพของรัฐบาล และอาจลุกลามจนทำให้อายุขัยสั้นลงไปเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก็เป็นได้ โดยเฉพาะการกระทำของ ‘คนใน’ ด้วยกันเองนี่แหละ

ถือว่าเป็นโจทย์ทางการเมืองอีกตัวหนึ่ง ที่รอพิสูจน์กึ๋น ของนักการเมืองหนุ่มที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ !
กำลังโหลดความคิดเห็น