ASTVผู้จัดการรายวัน - ทอท.เร่งเคลียร์เหตุสารเคมีรั่วที่ฟรีโซนสุวรรณภูมิ ส่ง 7 คนงานตรวจร่างกายที่ รพ. ตามระเบียบ ผู้เชี่ยวชาญด้านกัมตรังสี เผยเป็นสารสารอิริเดียม-192 หรือ IR192 กระดาษห่อหุ้มบรรจุภัณฑ์ฉีกขาด ตรวจวัดยังไม่มีการแพร่กระจายในคลังสินค้า ยืนยันระดับรังสีปกติ ด้านบอร์ดทอท.สั่งลุยทำมาสเตอร์แพลนหารายได้เชิงพาณิชย์ เร่งจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผน
รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงเช้า วานนี้ (25 ธ.ค.) ได้เกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลที่คลังสินค้าฟรีโซน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเบื้องต้นพบว่า เป็นสารอิริเดียม-192 หรือ IR192 ซึ่งเป็นสารกัมมันตภาพรังสี ถูกบรรจุในกล่องพัสดุภัณฑ์ ที่ถูกส่งมาจากต่างประเทศ โดยการรั่วไหลที่เกิดขึ้นทำให้มีคนงานที่ทำงานภายในคลังสินค้าสูดดมสารเคมีเข้าไป จนมีปัญหากับระบบทางเดินหายใจและได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งในเวลาต่อมา แพทย์ตรวจพบว่า สารเคมีไม่ได้ทำอันตรายกับร่างกาย และคนงานทั้ง 6 คน มีอาการดีขึ้น จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน ) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่าเกิดเหตุสารเคมีรั่วที่คลังสินค้าฟรีโซน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท บางกอกไฟล์เซอร์วิส หรือ BFS ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ทอท.ได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติเข้าตรวจสอบ พบว่า สารอิริเดียม-192 หรือ IR192 ดังกล่าวไม่เป็นสารที่ทำอันตรายต่อร่างกาย
ทั้งนี้ สารเคมีดังกล่าวได้นำเข้ามาในเที่ยวบินขนส่งสินค้าของ FedEx โดยเกิดปัญหาที่บรรจุหีบห่อชำรุดและมีสารเคมีรั่วออกมา ซึ่งเมื่อสารดังกล่าวออกมาสู่อากาศสัมผัสกับผู้ปฏิบัติงานภายในคลังสินค้า ซึ่งเมื่อเกิดเหตุ ตามระเบียบการปฎิบัติงานของทอท. จะต้องนำผู้ที่ได้สัมผัสกับสารเคมีส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ทันทีเพื่อตรวจร่างกายแม้ว่า
จะไม่มีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นก็ตาม โดยจากการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ขณะนี้พื้นที่ในคลังสินค้าสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว
นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของบริษัท BFS ซึ่งเป็นผู้ประกอบการคลังสินค้าในเขตปลอดอากร (Free Zone) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 07.05 น. วานนี้ (25ธ.ค.) ว่าพบหีบห่อที่บรรจุสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ในคลังสินค้าของ BFS มีรอยบุบ จึงเกรงว่าอาจจะเป็นอันตราย ซึ่งเมื่อได้รับทราบรายงานจึงได้แจ้งให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดในแผนฉุกเฉินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและได้แจ้งสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เข้ามาตรวจสอบ
โดยจากการตรวจสอบระดับรังสีพบว่าหีบห่อดังกล่าวได้บรรจุสารอิลิเดียม IR-192 ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรมหนัก แต่ไม่พบการแพร่กระจาย การเปรอะเปื้อน เนื่องจากมีรอยบุบของหีบห่อที่บรรจุด้านนอกเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานและประชาชนแต่อย่างใด
สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับหีบห่อดังกล่าวจำนวน 7 คน ได้มีการนำไปตรวจร่างกายจากคณะแพทย์เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และขณะนี้ได้นำหีบห่อที่บรรจุสารดังกล่าวไปเก็บไว้ที่คลังสินค้าอันตรายของ BFS และเปิดพื้นที่คลังสินค้าให้ใช้งานได้ตามปกติแล้ว
ด้านนายชัยวัฒน์ ต่อสกุลแก้ว เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า สำนักงานได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านกัมตรังสี 4 คนออกไปตรวจสอบคลังสินค้าของ BFS หลังได้รับแจ้งว่า ห่อบรรจุสาร IR-192 หรืออิริเดียม ฉีกขาด เกรงว่าจะมีสารกัมมันตรังสีกระจายออกมา เป็นอันตรายต่อผู้ทำงานในบริเวณนั้น ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณห่อบรรจุพบว่า มีการฉีกขาดของพลาสติก และกระดาษที่ห่อหุ้มเท่านั้น และจากการใช้เครื่องมือตรวจวัดการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีโดยรอบพบว่า ระดับรังสีอยู่ในภาวะปกติ และไม่มีการเปื้อนเปรอะของรังสีในบริเวณคลังสินค้าแต่อย่างใด จึงขอให้ผู้ทำงานบริเวณนั้นอย่าได้หวั่นวิตก อย่างไรก็ตามได้ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีคอยตรวจวัดสังเกตการณ์อีกระยะหนึ่ง
สำหรับสาร IR-192 หรืออิริเดียม ใช้ประโยชน์ในการตรวจเช็กการรั่วไหลในตู้คอนเทนเนอร์ ในปล่องไฟ คล้ายกับรังสีเอ็กซ์ที่ใช้เอ็กซเรย์สิ่งผิดปกติในร่างกายมนุษย์
**ทอท.เร่งทำมาสเตอร์แพลน
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดทอท.เมื่อวันที่ 24 ธันวคม 2552 ที่ผ่านมา ที่ประชุมฯได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารดำเนินการจัดหาที่ปรึกษา เพื่อจัดทำแผนแม่บทในการพัฒนาธุรกิจของทอท. โดยเฉพาะการจัดหารายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบิน (Non -Aero)ให้มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่ผ่านมาทอท.มีรายได้หลักที่เกี่ยวกับการบินเพียงอย่างเดียว ทั้งที่ทอท.ยังมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมากที่สามารถนำพัฒนา เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่บริษัทฯได้
“ตอนนี้แผนหารายได้ในเชิงพาณิชย์ยังไม่เป็นรูปธรรมเท่าไหร่ ทั้งที่ทรัพย์สินของทอท.ยังมีอีกเยอะ รวมทั้งบุคลากรที่มีอยู่ ยังไม่มีเก่งพอที่จะทำแผนการสร้างรายได้ในเชิงธุรกิจ ดังนั้งจึงสั่งฝ่ายบริหารไปดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาที่เป็นมืออาชีพมาจัดทำเพื่อเพิ่มรายได้ ก่อนเอาเข้ามาเสนอบอร์ดอีกครั้ง”นายปิยะพันธ์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงเช้า วานนี้ (25 ธ.ค.) ได้เกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลที่คลังสินค้าฟรีโซน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเบื้องต้นพบว่า เป็นสารอิริเดียม-192 หรือ IR192 ซึ่งเป็นสารกัมมันตภาพรังสี ถูกบรรจุในกล่องพัสดุภัณฑ์ ที่ถูกส่งมาจากต่างประเทศ โดยการรั่วไหลที่เกิดขึ้นทำให้มีคนงานที่ทำงานภายในคลังสินค้าสูดดมสารเคมีเข้าไป จนมีปัญหากับระบบทางเดินหายใจและได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งในเวลาต่อมา แพทย์ตรวจพบว่า สารเคมีไม่ได้ทำอันตรายกับร่างกาย และคนงานทั้ง 6 คน มีอาการดีขึ้น จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน ) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่าเกิดเหตุสารเคมีรั่วที่คลังสินค้าฟรีโซน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท บางกอกไฟล์เซอร์วิส หรือ BFS ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ทอท.ได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติเข้าตรวจสอบ พบว่า สารอิริเดียม-192 หรือ IR192 ดังกล่าวไม่เป็นสารที่ทำอันตรายต่อร่างกาย
ทั้งนี้ สารเคมีดังกล่าวได้นำเข้ามาในเที่ยวบินขนส่งสินค้าของ FedEx โดยเกิดปัญหาที่บรรจุหีบห่อชำรุดและมีสารเคมีรั่วออกมา ซึ่งเมื่อสารดังกล่าวออกมาสู่อากาศสัมผัสกับผู้ปฏิบัติงานภายในคลังสินค้า ซึ่งเมื่อเกิดเหตุ ตามระเบียบการปฎิบัติงานของทอท. จะต้องนำผู้ที่ได้สัมผัสกับสารเคมีส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ทันทีเพื่อตรวจร่างกายแม้ว่า
จะไม่มีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นก็ตาม โดยจากการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ขณะนี้พื้นที่ในคลังสินค้าสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว
นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของบริษัท BFS ซึ่งเป็นผู้ประกอบการคลังสินค้าในเขตปลอดอากร (Free Zone) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 07.05 น. วานนี้ (25ธ.ค.) ว่าพบหีบห่อที่บรรจุสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ในคลังสินค้าของ BFS มีรอยบุบ จึงเกรงว่าอาจจะเป็นอันตราย ซึ่งเมื่อได้รับทราบรายงานจึงได้แจ้งให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดในแผนฉุกเฉินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและได้แจ้งสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เข้ามาตรวจสอบ
โดยจากการตรวจสอบระดับรังสีพบว่าหีบห่อดังกล่าวได้บรรจุสารอิลิเดียม IR-192 ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรมหนัก แต่ไม่พบการแพร่กระจาย การเปรอะเปื้อน เนื่องจากมีรอยบุบของหีบห่อที่บรรจุด้านนอกเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานและประชาชนแต่อย่างใด
สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับหีบห่อดังกล่าวจำนวน 7 คน ได้มีการนำไปตรวจร่างกายจากคณะแพทย์เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และขณะนี้ได้นำหีบห่อที่บรรจุสารดังกล่าวไปเก็บไว้ที่คลังสินค้าอันตรายของ BFS และเปิดพื้นที่คลังสินค้าให้ใช้งานได้ตามปกติแล้ว
ด้านนายชัยวัฒน์ ต่อสกุลแก้ว เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า สำนักงานได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านกัมตรังสี 4 คนออกไปตรวจสอบคลังสินค้าของ BFS หลังได้รับแจ้งว่า ห่อบรรจุสาร IR-192 หรืออิริเดียม ฉีกขาด เกรงว่าจะมีสารกัมมันตรังสีกระจายออกมา เป็นอันตรายต่อผู้ทำงานในบริเวณนั้น ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณห่อบรรจุพบว่า มีการฉีกขาดของพลาสติก และกระดาษที่ห่อหุ้มเท่านั้น และจากการใช้เครื่องมือตรวจวัดการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีโดยรอบพบว่า ระดับรังสีอยู่ในภาวะปกติ และไม่มีการเปื้อนเปรอะของรังสีในบริเวณคลังสินค้าแต่อย่างใด จึงขอให้ผู้ทำงานบริเวณนั้นอย่าได้หวั่นวิตก อย่างไรก็ตามได้ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีคอยตรวจวัดสังเกตการณ์อีกระยะหนึ่ง
สำหรับสาร IR-192 หรืออิริเดียม ใช้ประโยชน์ในการตรวจเช็กการรั่วไหลในตู้คอนเทนเนอร์ ในปล่องไฟ คล้ายกับรังสีเอ็กซ์ที่ใช้เอ็กซเรย์สิ่งผิดปกติในร่างกายมนุษย์
**ทอท.เร่งทำมาสเตอร์แพลน
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดทอท.เมื่อวันที่ 24 ธันวคม 2552 ที่ผ่านมา ที่ประชุมฯได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารดำเนินการจัดหาที่ปรึกษา เพื่อจัดทำแผนแม่บทในการพัฒนาธุรกิจของทอท. โดยเฉพาะการจัดหารายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบิน (Non -Aero)ให้มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่ผ่านมาทอท.มีรายได้หลักที่เกี่ยวกับการบินเพียงอย่างเดียว ทั้งที่ทอท.ยังมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมากที่สามารถนำพัฒนา เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่บริษัทฯได้
“ตอนนี้แผนหารายได้ในเชิงพาณิชย์ยังไม่เป็นรูปธรรมเท่าไหร่ ทั้งที่ทรัพย์สินของทอท.ยังมีอีกเยอะ รวมทั้งบุคลากรที่มีอยู่ ยังไม่มีเก่งพอที่จะทำแผนการสร้างรายได้ในเชิงธุรกิจ ดังนั้งจึงสั่งฝ่ายบริหารไปดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาที่เป็นมืออาชีพมาจัดทำเพื่อเพิ่มรายได้ ก่อนเอาเข้ามาเสนอบอร์ดอีกครั้ง”นายปิยะพันธ์ กล่าว