xs
xsm
sm
md
lg

วิสุทธิ์เปรี้ยวต่อหน้ามาร์คžซัดแบ่งเค้กพรรคร่วมโยกตร.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (24 ธ.ค.) กระทรวงยุติธรรมและเครือข่ายภาคประชาชนเป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง กระบวนการยุติธรรมเพื่อประชาชาน โดยมี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการ ผบ.ตร. นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมในการเสวนา และจากนั้นเวลา 11.50 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาร่วมรับฟังการสัมมนาฯ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รอง ผบก.ภ.9 กำลังแสดงความคิดเห็นในเรื่องกระบวนการยุติธรรมอยู่พอดี
โดยพล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวว่า ผบ.ตร.รู้หน้าที่และสิทธิเป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถ ใช้หน้าที่และสิทธิได้ เพราะมีอำนาจลึกลับ ลี้ลับ มีการบังคับขู่เข็ญจากรัฐบาลทุกยุค ถามว่าในประเทศไทยนายกรัฐมนตรีติดไฟแดงมีด้วยหรือ ดังนั้นก่อนที่ประชาชนจะได้รับความยุติธรรม ข้าราชการต้องได้รับความยุติธรรมก่อน เพราะการแต่งตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลก็มีการแบ่งเค้กตามสัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อเป็นรัฐบาล การแต่งตั้งก็มีการแบ่งเค้กตำแหน่งนายพล นายพันให้พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อข้าราชการไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ผู้กำกับ ที่ต้องวิ่งเข้าหานักการเมือง แสดงว่าการเติบโตไม่ได้มาจากผลงาน ความดีความชอบ ทุกส่วนราชการจะมี 2 อย่างคือ เรื่องผลประโยชน์และเส้นสายนักการเมือง เมื่อตำรวจได้แต่งตั้งมาโดยมิชอบ ทำงานให้ตายก็ไม่ได้ตำแหน่ง เมื่อมาเป็นผู้บังคับบัญชา รุ่นน้องก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม ประชาชนจึงไม่ได้รับความเป็นธรรม
ผมขอเสนอให้สตช.เป็นองค์กรอิสระไม่ขึ้นกับนักการเมือง เหมือนศาลและอัยการ เรียนตามตรงว่า ตอนที่ผมเป็นผู้บังคับการอยู่ที่ จ.อ่างทอง มีปัญหาเรื่อง ปาปลาร้า ปาขี้ไหม ไม่มี ผมจัดการให้หมด ผมดูแลรัฐบาล ก็อยากให้รัฐบาลดูแล สตช. และข้าราชการทั่วไปบ้าง อย่าไปแทรกแซงมากนัก ต่อไปการแต่งตั้งควรมีหลักเกณฑ์ว่า ดูจากผลงาน 40 % คะแนนสอบ 60 % อย่างนี้ตำรวจก็มีความสุข เมื่อมีความสุข ก็ไปดูแลประชาชนให้เกิดความเป็นธรรม สตช.มีคนดี คนเก่งเยอะ แต่ถูกนักการเมือง โดยเฉพาะรัฐบาลทุกยุค กดไม่ให้แสดงออก แต่สำหรับผมกดไม่ได้ ยืนยันว่า สตช.ไม่มีสีแดง สีเหลือง มีสีเดียวคือสีกากี และสีแผ่นดิน
ด้านพล.ต.อ.วิศิษฐ เดชกุญชร อดีตรอง อ.ตร.กล่าวว่า เรื่องกระบวนการ ยุติธรรมนี้พูดกันมานานแล้วแต่ขาดสิ่งเดียวที่ไม่ได้ผลักดันและสิ่งที่สัมมนาในวันนี้และตนอยากให้รัฐบาลดำเนินการให้เป็นรูปธรรมคือแนวทางปฏิรูปตำรวจ ที่ตนเคยเสนอไว้ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติมาปฏิบัติ
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวแสดงความคิดเห็นตอนหนึ่งว่า ตนอยู่ในการเมือง 17 ปี เป็นฝ่ายค้านเสียส่วนใหญ่ จึงบอกได้ว่ายุคใดที่เครื่องมือของราชการถูกนำไปใช้ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง และไม่มีใครรู้ถึงความเจ็บปวดเท่ากับฝ่ายค้าน ที่มีการใช้ตำรวจละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง ตนตั้งใจว่ารัฐบาลนี้ต้องไม่มีเรื่องแบบนี้ ยืนยันว่าการทำงานกับหน่วยงานความมั่นคง กระบวนการยุติธรรมนั้น ตนย้ำไปว่าจะไม่นำบุคลากรเหล่านี้มาทำงานเพื่อประโยชน์ทางการเมืองเด็ดขาด สภาพปัญหาบ้านเมืองในตอนนี้แยกกันแทบไม่ออกว่าเรื่องใดคือการเมือง เรื่องใดคือความมั่นคง ตนยืนยันว่าต้องขีดเส้นแบ่งเพราะไม่ประสงค์ให้เครื่องมือของรัฐมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะการเมืองนั้นนักการเมืองต้องว่ากันเอง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการนั้น คนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม 6-7 ปี ก็รู้สึกว่าควรได้รับการชดเชย แต่เมื่อชดเชยก็มีคนแย้งว่า เลือกปฏิบัติและเข้าทำนองทีใครทีมัน มันจึงเป็นเรื่องยาก แต่ตนยืนยันว่า ใช้อำนาจหน้าที่เท่าที่มีในกฎหมาย
ส่วนสิ่งที่พล.ต.ต.วิสุทธิ์พูดถึงนั้นตนไม่ทราบว่าเกิดขึ้นที่ใดบ้างแต่ทั้งหมดอยู่ ใน ก.ตร.ที่มีกฎหมายรองรับ แต่การทำงาน ก.ตร.นั้นตนไม่เคยแทรกแซงต่างกับหลายยุคที่ผ่านมา ทำให้กองเชียร์ของตนส่งเสียงตำหนิเสมอๆ ว่าทำไมอยู่ในอำนาจ ไม่ใช่อำนาจ ตนบอกไปว่าไม่มีประโยชน์หากใช้อำนาจเกินขอบเขตของตัวเองก็ไม่มีวันจบ หลายปัญหาในทุกวันนี้ที่ต้องตามแก้ไข เช่น ภาคใต้ที่มีการละเมิดสิทธิประชาชนมันคือจุดที่แก้ไขยากที่สุด เวลาที่ผ่านไปนั้นคดีความมันคลี่คลายได้ยาก หากมีเงื่อนไขใหม่ๆ มันก็เหนื่อย
1ปีที่ผ่านมาในภาคใต้นั้นผมพยายามไม่ให้เกิดเงื่อนไขแต่ก็เกิดคือกรณีมัสยิดไอปาแยที่ยังจับคนร้ายไม่ได้ จนพูดกันต่อว่าประชาชนโดนทำร้ายแต่จับใครไม่ได้ แม้ระดับนโยบายได้สั่งไปว่าต้องจับคนร้ายให้สำเร็จ เมื่อไม่สำเร็จก็โดนหยิบยก ไปเป็นเงื่อนไขและเกิดเหตุได้ตลอดที่โยงไปมา จนแก้ปัญหาในภาพกว้างได้ยาก ตนอยากเห็นประสิทธิภาพในเรื่องนี้มากที่สุดมาดำเนินการตรงนี้ให้ได้
นายอภิสิทธิ์ เชื่อว่าสังคมจะเริ่มเห็นชัดว่าความยุติธรรมจะนำไปสู่ความสงบสุข และอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยโดยที่ทุกหน่วยงานต้องปรับปรุงกัน ศาลมีความเป็นอิสระ อัยการก็ขยับไปเรื่อยๆ และกำลังแยกให้ชัดคือความเป็นอิสระและงานที่เกี่ยวกับรัฐบาล ส่วน สตช.นั้นตนไม่ขัดข้องเลยหากจะเป็นองค์กรอิสระแต่ต้องปฏิรูปอย่างจริงจังและทำให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา เวลาที่มีการสำรวจอาชีพ ที่ประชาชนไม่ชอบมากที่สุดคือตำรวจและนักการเมืองที่แข่งกันเป็นแชมป์ ตรงนี้ เราต้องปรับปรุงตัวเองให้ขึ้นมาเป็นที่เชื่อมั่นและศรัทธา องค์กรใดที่มีปัญหา ด้านภาพลักษณ์นั้นต้องล้างตรงนี้ให้ได้คือตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์สุจริต ยึดประโยชน์ของส่วนรวม และต้องกล้าขจัดคนไม่ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น