xs
xsm
sm
md
lg

บินไทยส่งแผนเพิ่มทุนให้คลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “การบินไทย” เตรียมส่งแผนเพิ่มทุนไปคลังในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อเพิ่มทุนให้เสร็จภายในปี 2553 สำหรับซื้อเครื่องบิน 15 ลำตามแผน 5ปี โดยคลังจะต้องเพิ่มทุนในสัดส่วน50% ของมูลค่าทุนที่เพิ่ม เพื่อคงความเป็นรัฐวิสาหกิจต่อไป “ปิยะสวัสดิ์”ควง”พาที” ยันเดินหน้าแผนกลยุทธ์ Two-Brand Strategy ให้นกแอร์บินเส้นทางสายรองในประเทศ เพื่อลดขาดทุน เผย 3 แนวทางเยียวยาวพนักงานที่ได้รับกระทบ เตรียมเพิ่มทุนนกแอร์อีก 10%

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายในสิ้นปีนี้จะเสนอรายละเอียดแผนการเพิ่มทุนของบริษัทไปยังกระทรวงการคลังพิจารณา ซึ่งบริษัทมีความจำเป็นในการเพิ่มทุนเพื่อนำมาลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีซึ่งจะมีการจัดหาเครื่องบินใหม่15 ลำ และจ่ายค่าเครื่องบิน A380 และ A 330โดยหลักการเพิ่มทุนนั้นกระทรวงการคลังจะเพิ่มในสัดส่วน 50% ของทุนที่จะเพิ่ม เพื่อให้บริษัทคงความเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่กระทรวงการคลังยังคงถือหุ้นที่51 %

“ตามขั้นตอนเมื่อสรุปเรื่องการเพิ่มทุนแล้วจะต้องเสนอไปที่กระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี โดยการดำเนินการเพิ่มทุนจะเรียบร้อยภายในปี 2553”นายปิยสวัสดิ์กล่าว

อย่างไรก็ตามวานนี้ (23 ธ.ค.) การบินไทยได้แถลงข่าวร่วมกับสายการบินนกแอร์ ในการให้บริการเส้นทางบินสายรองภายในประเทศ ตามแผนกลยุทธ์ Two-Brand Strategy โดยนายปิยสวัสดิ์กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2553 นกแอร์จะเข้ามาทำการบินในเส้นทาง กรุงเทพ-พิษณุโลก, กรุงเทพ-อุบลราชธานีและเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอนแทนการบินไทย เนื่องจาก 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทต้องขาดทุนในการการบินเส้นทางพิษณุโลกเฉลี่ย 86.3 ล้านบาทต่อปี อุบลราชธานีขาดทุน 74.9 ล้านบาทต่อปี และแม่ฮ่องสอนขาดทุน 49.9 ล้านบาทต่อปี

โดยเงื่อนไขที่นกแอร์จะเข้ามาบินแทนใน 3 เส้นทาง จะมีบริการเช่นเดียวกับการบินไทย โดยนกแอร์เช่าเครื่องบินของการบินไทยไปดำเนินการและนกแอร์จะมีกำไรเนื่องจากมีต้นทุนต่ำกว่าการบินไทย โดยจะประเมินผลประมาณ 3 เดือน ก่อนตัดสินใจให้นกแอร์บินแทนในเส้นทางอื่นๆ โดยยืนยันว่าเส้นทางที่เชื่อมต่อกับการบินระหว่างประเทศ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ สมุยและหาดใหญ่ แม้ว่าจะขาดทุนการบินไทยก็จะให้บริการต่อไป

“ความร่วมมือกับนกแอร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการเดินทางในรูปแบบราคาประหยัด (Low-Fare) แต่ยังคงเน้นเรื่องความปลอดภัยตามมาตรฐานของการบินไทยเช่นเดิม โดยความร่วมมือระหว่างการบินไทยกับนกแอร์จะเป็นประโยชน์ และสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งผู้โดยสารและประชาชนจะได้รับการบริการเช่นที่เคยได้รับบริการจากการบินไทย”นายปิยสวัสดิ์กล่าว

นายปิยสวัสดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาการบินไทยลงมาแข่งขันในตลาดล่าง ซึ่งเป็นต้นตอปัญหาหนึ่งที่ทำให้การบินไทยประสบปัญหาขาดทุน ดังนั้นจึงต้องปรับกลยุทธ์ ให้นกแอร์ที่บริษัทตั้งขึ้นมาจับตลาดล่างแทน ส่วนการบินไทยก็จะไปเน้นระดับพรีเมี่ยม ต่างประเทศส่วนเส้นทางในประเทศก็เน้นเส้นทางที่มีการเชื่อมต่ออย่างเช่น เชียงใหม่ ภูเก็ตเป็นต้น อย่างไรก็ตามในเร็วๆ นี้จะทำหารชี้แจงกับนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

สำหรับพนักงานของบริษัทที่ทำงานอยู่ใน 3 จังหวัดดังกล่าว ประมาณ 90 คนนั้น บริษัทได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้ว พร้อมทั้งได้เสนอ ทางเลือกในการชดเชยให้ 1.ให้เข้ามาทำงานที่กรุงเทพโดยการบินไทยจะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่าย เช่น ค่าปรับสภาพ/ค่าที่พักอาศัยเหมาจ่าย 12 เดือน /ค่าขนย้ายรวมทุกรายการแล้วคิดเป็นมูลค่า61,000 บาท,2.ออกจากการบินไทยไปทำงานที่นกแอร์แทน แต่เงินเดือนน้อยกว่าซึ่งการบินไทยจะจ่ายค่าชดเชยให้คือ 30% ของเงินเดือน 30 เดือน และ 3. กรณีออกจ่ายชดเชยให้ 30 เดือนพร้อมทั้งค่าชดเยตามกฎหมายที่ให้ออกจากงานอีก 6เดือน โดยฝ่ายบริหารจะเดินสายชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับพนักงานที่ทำง่านอยู่ทั้ง 3 สนามบิน ส่วนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย นั้นที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยและสหภาพฯก็รับรู้มาโดย

นายปิยสวัสดิ์กล่าวถึงกรณีที่มีการร้องเรียนจาก สส.และให้การบินไทยบินใน 3 เส้นทางต่อไปนั้น เห็นว่า ความจริง การซื้อตั๋วสส.ไม่ได้ใช้เงินส่วนตัวแต่เป็นเงินของราชการ การที่ใช้นกแอร์และทำให้ตั๋วราคาถูกลงเท่ากับเป็นการทำประโยชน์ให้กับประเทศ ช่วยลดค่าใช้จ่าย อยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงส่วนนี้มากกว่าเรื่องส่วนตัว

“ขอให้ผู้ใช้บริการมั่นใจในมาตรฐานของเครื่องบิน การซ่อมบำรุง และการบริการของสายการบินนกแอร์ที่ได้รับความร่วมมือจากการบินไทย ซึ่งมีมาตรฐานการบินเป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศ และผู้โดยสารยังคงได้รับการบริการที่สม่ำเสมอเช่นเดิมเหมือนที่เคยได้รับบริการจากการบินไทย “นายปิยสวัสดิ์กล่าว

******“เพื่อไทย” ขู่ฟ้องศาลปกครอง

นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่การบินไทยจะยกเลิกเที่ยวบินในจ.อุดรธานี อุบลราชธานี และพิษณุโลกว่า การอ้างว่าจะยกเลิกเที่ยวบินเพราะประสบภาวะขาดทุนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เนื่องจากทุกเทียวบินที่ผ่านมานั้นมีผู้โดยสารเต็มทุกเที่ยว จึงขอฝากบอกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า การบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ ได้รับเงินภาษีจากประชาชน ไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไรก็ต้องดำเนินการต่อไป ไม่ใช่หลีกทางให้สายการบินอื่นเข้ามาแสวงกำไร การบินไทยต้องทำเหมือนการรถไฟแห่งประเทศไทยที่แม้จะขาดทุนแต่ก็ไม่เคยหยุดวิ่ง หากรัฐบาลยอมให้มีการหยุดบินในเที่ยวบินดังกล่าวเราจะยื่ยเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อฟ้องร้องรมว.คลัง รมว.คมนาคม ประธานบอร์ดการบินไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

อย่างไรก็ตาม นกแอร์จะเช่าเครื่อง โบอิ้ง 737 –400 จากการบินไทยเพิ่ม 1 ลำ เพื่อบริการใน 3 เส้นทางดังกล่าว ค่าเช่า125 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 3 ปี จากที่ก่อนหน้านี้ นกแอร์เช่าเครื่องการบินไทยอยู่แล้ว 5 ลำ รวม 6 ลำ เป็นค่าเช่าประมาณ 600 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในการเพิ่มทุนในนกแอร์อีกประมาณ 10 % จากปัจจุบันที่การบินไทยถืออยู่ 39 % นั้นคาดว่าจะใช้เครื่องบินที่นกแอร์เช่าจากการบินไทยเป็นทรัพย์สินในการเพิ่มทุน ซึ่งจะต้องมีการประเมินมูลค่าหุ้นของนกแอร์อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้การบินไทยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่จาก 39% เป็น 49%

นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ กล่าวว่า นกแอร์สามารถบริหารจัดการและกำหนดค่าโดยสารใน 3 เส้นทางได้ต่ำกว่าการบินไทย เช่น พิษณุโลก ราคาของการบินไทย 2,700-4,360 บาท แต่นกแอร์จะทำราคาได้ที่ 1,350-2,050 บาทเท่านั้น โดยยังมีกำไร ที่ อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) ที่ 70% เพราะต้นทุนรวมต่ำกว่า ส่วนผลประกอบการของนกแอร์ในปี 52 มีกำไร 330 ล้านบาท มีกระแสดเงินสด กว่า 400 ล้านบาท ซึ่งถือว่าดีมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น