ลาวเปิดทางทุนจีนขุดน้ำโขงทำกระแสน้ำเปลี่ยน-ตลิ่งพัง

เชียงราย – ผู้ว่าฯสั่ง นอภ.เชียงแสน หารือลาวด่วน แก้ปัญหาขุดทรายน้ำโขงทำท่าเรือเชียงแสน 1 – ตลิ่งฝั่งไทยพัง กระแสน้ำเปลี่ยน หลัง สปป.ลาว เปิดทางทุนจีนโหมขุดทรายแถบสามเหลี่ยมทองคำทั้งกลางวัน-กลางคืนมานานกว่า 1 ปี

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า กรณีที่มีเอกชนในฝั่ง สปป.ลาว นำเครื่องจักร- รถบรรทุก ฯลฯ เข้าขุดตักทรายกลางแม่น้ำโขง บริเวณหน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน และหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ทั้งกลางวัน-กลางคืน โดยบางจุดอยู่ห่างจากฝั่งไทยเพียง 50-100 เมตร มานานกว่า 1 ปีแล้ว นับตั้งแต่โครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ของกลุ่มทุนจากจีนเข้าไปก่อตั้งที่สามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และเปิดตัวโครงการไปเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2552 ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างเฟสแรก ทั้งยังมีโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมไปยังเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ตรงกันข้ามกับ อ.เชียงของ รวมระยะทางกว่า 58 กิโลเมตรด้วย จึงอาจมีการขุดตักทรายเพื่อป้อนโครงการทั้งหมดนั้น

นอกจากจะทำให้สำนักงานขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จ.เชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ที่ท่าเรือในแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 1 แสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวมานาน ได้ทำหนังสือถึงกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี รวมทั้ง จ.เชียงราย เพื่อให้เจราจากับ สปป.ลาว แล้ว เพราะการขุดทรายกลางแม่น้ำโขงได้ทำให้แม่น้ำโขงไหลเปลี่ยนทิศทางและเกิดตะกอนทรายไหลทับถมบริเวณท่าเรือเชียงแสน ส่งผลให้เกิดความตื้นเขินและทำให้เรือบรรทุกสินค้าไม่สามารถเข้าจอดเทียบท่าในที่สุด

ล่าสุดนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จ.เชียงราย เกี่ยวกับเรื่องผลกระทบจากตะกอนทรายที่มาทับถมอยู่บริเวณหน้าท่าเรือเชียงแสนแล้ว ซึ่งตามขั้นตอนก็จะต้องหารือกันในระดับท้องถิ่นไทย-ลาวก่อน จึงได้สั่งการให้นายเสริมศักดิ์ สีสันต์ นายอำเภอเชียงแสน ประสานงานไปยังนายอำเภอต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว เพื่อนัดหมายประชุมหาวิธีการแก้ไขร่วมกัน

ทั้งนี้ หากยังไม่สามารถแก้ไขได้ ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัด ก็จะเดินทางไปเจรจากับเจ้าแขวงบ่อแก้วต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขได้ เพราะความสัมพันธ์ไทย-สปป.ลาว โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นด้าน จ.เชียงราย ถือว่าดีมากมาตลอด แต่ถ้ายังมีปัญหาอุปสรรคในระดับท้องถิ่นก็จะนำเสนอไปยังรัฐบาลหรือระดับชาติต่อไป

ด้านนายประธาน อินทรียงค์ กรรมการผู้จัดการบริษัทสยามเซาท์ไชน่า จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้โครงการฝั่ง สปป.ลาว บางจุดยังก่อสร้างเป็นเขื่อนคอนกรีตกั้นไม่ให้กระแสน้ำกัดเซาะและทำเป็นถนนตลอดแนว ซึ่งทำให้กระแสน้ำเปลี่ยน หันมาไหลแรงในฝั่งไทย ซึ่งในอนาคตมีโอกาสที่ตลิ่งท้ายสามเหลี่ยมทองคำลงไป ที่ไม่มีการกั้นด้วยคอนกรีต จะได้รับผลกระทบ ตลิ่งพังทลายได้

ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ คำภิโล หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จ.เชียงราย ได้มีหนังสือถึงหลายหน่วยงานว่าการขุดตักทรายกลางแม่น้ำโขงทั้งตลอดกลางวันและกลางคืนทำให้เห็นว่าต้องใช้ทรายเป็นจำนวนมาก จะสร้างผลกระทบต่อการไหลของแม่น้ำโขงอย่างมากโดยเฉพาะในฝั่งไทย และไม่ได้มีเฉพาะประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบ แต่อาจหมายถึงประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน 4 ชาติคือไทย สปป.ลาว พม่า และจีน ที่ได้มีการลงนามในข้อตกลงการใช้เรือในแม่น้ำโขงเชิงพาณิชย์ร่วมกัน เพราะทำให้แม่น้ำโขงบางช่วงตื้นเขิน กระแสน้ำไหลเปลี่ยนทิศทาง ในส่วนของประเทศไทยอาจจะทำให้ร่องน้ำลึก ที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการกั้นเขตแดนไทย-สปป.ลาว เปลี่ยนแปลง และตลิ่งพังทลายด้วย

รวมทั้งแจ้งถึงสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.เชียงราย ในฐานะเป็นเลขานุการคณะกรรมการเกี่ยวกับการดูดทรายในแม่น้ำโขง เพื่อให้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าการขุดทรายในแม่น้ำโขงของทาง สปป.ลาว ดังกล่าวจะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด