xs
xsm
sm
md
lg

วาสนาพาเข้าป่าโสน

เผยแพร่:   โดย: อัญชะลี ไพรีรัก

วาสนา นาน่วม จาก Bangkok Post กับ พัชระ สารพิมพา อ.ส.ม.ท. ร่วมจัดรายการลับ ลวง พราง ทุกเช้าวันเสาร์ ทางวิทยุ 100.5 เอฟเอ็ม อ.ส.ม.ท.

สัปดาห์ที่ผ่านมา รายการนี้วางระเบิดการเมืองได้ตรงเป้า แรงสั่นสะเทือนกระเพื่ยมจากดินสู่ฟ้า จากป่าน้ำจวงถึงทำเนียบองคมนตรี

เรื่องของเรื่องจะไม่วุ่นวายบานปลายถึงสถาบันสูงสุดเลย หากไม่มีคำถามของวาสนา นาน่วม หรือ เจ้าของอักษร “ W ”-ของทักษิณ ชินวัตร และคำตอบของ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ในฐานะองคมนตรี เกี่ยวกับประเด็น การเจรจาหาทางแก้ปัญหาบ้านเมืองกับ ทักษิณ คนหนีคุก คดีโกงชาติบ้านเมือง

บทสัมภาษณ์เขย่าขวัญนี้มีขึ้นในช่วงวันพฤหัสบดีและศุกร์ ซึ่งวาสนา นาน่วม เป็นหนึ่งในทีมสื่อมวลชนคนสนิทของพล.อ.สุรยุทธ ที่ร่วมเดินทางไปสังเกตการณ์ปัญหาของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่บ้านน้ำจวง จ.พิษณุโลกด้วย

ในการนี้วาสนาได้บันทึกเสียงสัมภาษณ์พล.อ.สุรยุทธ และนำมาเปิดในรายการลับ ลวง พราง ในเช้าวันเสาร์ที่วิทยุ 100.5 อ.ส.ม.ท. โดยมีพัชระ สารพิมพา ร่วมดำเนินรายการ

ต่อมารายการได้ต่อสายโทรศัพท์ไปสัมภาษณ์ พล.อ.ท. สุเมธ์ โพธิ์มณี เพื่อนเตรียม 10 ของทักษิณซึ่งเป็นคนแรกที่ขานรับกับการเจรจาขององคมนตรีสุรยุทธ จนเป็นข่าวใหญ่โต ตามมาด้วยเสียงประสานขานรับอีกระลอกในเช้าวันจันทร์อย่างอึมมี่ของ บิ๊กจิ๋ว – พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร-ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย – นภดล ปัทมะ – ตู่-จตุพร – พรรคเพื่อไทย – พล.อ. กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร.- เพื่อนทหารเตรียม 10 ของทักษิณ – และบางสายของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะสายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ฯลฯ

ขณะที่ข่าวกำลังไหลไปสู่การเจรจาที่มีเบื้องหลัง ปรากฏว่ารายการสภาท่าพระอาทิตย์ และ เคาะข่าวริมโขงของ ASTV โดยคุณชัชวาล ชาติสุทธิชัย และ คุณโสภณ องค์การณ์ กระทุ้งเปิดประเด็นใหม่ ชี้ให้เห็นช่องว่างระหว่างความคิดในบทสัมภาษณ์ของวาสนา

บทวิเคราะห์ร้อนแรงของสื่อมวลชนรุ่นเก๋าคู่นี้แตกออกไปออกไปสองทาง คือ

1. งานนี้เบื้องบนขอเจรจาโดยผ่านทางประธานองคมนตรี ลงมาถึงองคมนตรีสุรยุทธเพื่อเจรจายอมความกับทักษิณ หลังจากสถาบันฯถูกทักษิณและพวกสั่นคลอนมาโดยตลอด ใช่หรือไม่

2. องคมนตรีสุรยุทธ ซึ่งมีความรัก-ความหลังกับทักษิณ เพราะเคยรับสายกัน 2 ครั้งตอนเป็นรัฐบาลขิงแก่ คงถูกใช้ให้มาจับมือกับวาสนา น้องนักข่าวคนสนิท โดยการประสานของทักษิณ เพื่อโยนหินถามทางหาทางเจรจา หลังจากคดียึดทรัพย์ 76000 ล้านกว่าบาทใกล้งวด เพราะพยานปากเอก คือ ดร.สุรเกียรติ เถียรไทย ขึ้นให้การมัด ทักษิณแล้ว

หลังการวิเคราะห์ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ปรากฏว่า ในงานกาล่าดินเนอร์ของมูลนิธิรัฐบุรุษ สื่อมวลชนปรี่ไปรอถาม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี คับคั่งแต่ท่านก็ “ไม่พูด”

จนทำให้พล.อ.สุรยุทธ องคมนตรีที่ก่อนหน้านี้ 1 วัน ได้ปรารภกับนายทหารคนใกล้ชิดว่า “ไม่อยากตอบโต้ ต้องการเงียบ” ถึงกับออกอาการกระสับกระส่ายเห็นได้ชัด หลังจากสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ประธานองคมนตรีแ ละองคมนตรี ที่นั่งชิดกันแต่ไม่แม้แต่จะเหลียวหน้ามาคุยกัน...คนใกล้ชิดประธานองคมนตรีกระซิบกับนักข่าวในคืนวันจันทร์นั้นว่า “พรุ่งนี้องคมนตรีสุรยุทธจะแถลงข่าว”

แล้วพรุ่งนี้ก็มาถึง กับการแถลงข่าวที่แข็งกร้าว รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาจากพล.อ.สุรยุทธ ที่ตัดพ้อต่อว่า “วาสนาคนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว”

ตามมาด้วยการตอบโต้ของวาสนา นาน่วม ที่แข็งไม่แพ้กันว่า “ยอมเป็นกระโถนตอบแทนบุญคุณ หากมีบุญคุณต่อกันและกัน” โดยอ้างว่าที่ถามและนำเสนอไปจนกลายเป็นประเด็นร้อน เพราะทำข่าวสองด้านตามจรรยาบรรณที่ดีของสื่อมวลชน ...จากนั้นก็ปล่อยโฮ

ข่าวชิ้นนี้ไม่ได้มีฐานะเป็นแค่ “ข่าวปิงปอง” ตอบโต้กันไปมาระหว่าง องคมนตรีสุรยุทธ กับ ทักษิณและบริวาร อีกต่อไป แต่กลายเป็นข่าวบานปลาย “โยนหินถามทาง” แล้วไปกระทบสถาบันสูงสุดอย่างจัง ชนิดที่นักข่าวซึ่งอ้างว่าทำงานข่าวมานานกว่า 20 ปี อย่างวาสนาไม่น่าจะไร้เดียงสา- เหลวไหลเจื้อยแจ้ว-หละหลวม ถึงขั้นทำตัวเป็นแก๊งค์ปาหินได้ถึงขนาดนี้

เพราะทันทีที่ทักษิณ คนหนีคุกบังอาจถามกลับพล.อ.สุรยุทธผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “ พูดเองหรือใครอนุญาตให้มาพูด” พร้อมเสนอ 3 เงื่อนไขเพื่อนำไปสู่การเจรจาคือ 1.นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้ 2. ยุบสภา 3. เลือกตั้งใหม่ เพื่อให้สถานภาพของทุกฝ่ายหมุนกลับไปสู่บรรยากาศการเมืองก่อนมีการรัฐประหาร 19 กันยายน

เท่ากับว่าทักษิณตอกย้ำให้ทุกคนได้ยินชัดๆว่า “ในหลวงทรงทราบเรื่องรัฐประหาร”

เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดกับไฟแนนเชียล ไทมส์ เมื่อ 20 เมษายน ปีนี้ กับนายรอบิน วิกเกิลสเวอร์ธ ในนครดูไบ และ นางสาวเซรีนา ทาร์ลิงก์ ในนครลอนดอน ซึ่งทั้งสองครั้งมีเนื้อหาตอนหนึ่งเหมือนกันคือ ปรักปรำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เกี่ยวกับการรัฐประหาร 1 9กันยายน 2549

โดยทักษิณพูดกล่าวหาว่า ก่อนเกิดรัฐประหาร ทรงมีพระบรมราชวโรกาสให้พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ และองคมนตรีอีกผู้หนึ่งเข้าเฝ้า โดยบุคคลเหล่านี้ได้กราบบังคมทูลว่า จะกำจัดทักษิณถวาย เพราะทักษิณไม่จงรักภักดีต่อฝ่าละอองธุลีพระบาท โดยความเชื่อของทักษิณมีผู้ส่งเสริมคือ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่อ้างว่า ได้ยินมาจากบนโต๊ะอาหารที่บ้านสุขุมวิทของนายปีย์ มาลากุล โดนองคมนตรีพล.อ.สุรยุทธอยู่ร่วมโต๊ะด้วย (อ้างจากบทความของพล.ต.อ. วศิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนัก และอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ เรื่องเมื่อมันกำลังเผาเมืองไทย คนไทยควรช่วยกันดับไฟ จากมติชนรายวัน ฉบับวันที่ 28 เมษายน 2552)

เสียงของพล.อ.สุรยุทธผ่านรายการลับ ลว ง พราง และการวิเคราะห์ของวาสนา และ พัชระ ทำให้หลายฝ่าย “น่วม”ไปตามๆกัน ไม่เกิดสมานฉันท์อย่างที่คิด

จนกระทั่งพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ มีท่าทีไม่ต้อนรับวาสนา นาน่วมเข้าแก๊งค์เดินป่าอีกต่อไป

เอาล่ะ...ลองกลับไปย้อนฟังรายการของวาสนาและพัชระ ที่นำเสียงองคมนตรีมาเผยแพร่ สลับกับฟังคำแถลงของพล.อ.สุรยุทธ และ การตอบโต้ของวาสนา สาธุชนก็จะได้เห็นอะไรต่อมิอะไรมากมายอีกครั้งหนึ่ง จากคนทุกฝ่าย

ถอดเทปมาให้อ่านคำต่อคำ...จากนั้นสาธุชนพึงสดับ...

พัชระ- มีเสียงพล.อ.สุรยุทธมาฝากด้วย

วาสนา –ใช่ มีเสียงคุยส่วนตัวสุรยุทธมาฝากแฟนรายการ 2 ส่วน 1. ชีวิตหลังเกษียน และมีเรื่องคุณทักษิณ นิดหน่อย แต่ส่วนสัมภาษณ์มีนักข่าวคุ้นเคยกลุ่มหนึ่งไปทำข่าวด้วย มีการพูดเรื่องคุณทักษิณค่อนข้างละเอียด และเป็นห่วง ท่านฝากให้มาบอก ฝากมาบอกสื่อว่า ในที่สุดไม่ว่าวันนี้หรือวันหน้า ในวันหัวเลี้ยวหัวต่อ สื่อต้องเป็นองค์กรหลักทำความเข้าใจประชาชนท่ามกลางข่าวลือมากมาย

วาสนา- ตอนนี้ฟังเสียงของพล.อ.สุรยุทธก่อน ชีวิตท่านหลังเกษียนเป็นยังไง เป็นองคมนตรีทำอะไรบ้าง มีพูดถึงคุณทักษิณนิดหนึ่ง (ย้ำอีก) เพราะเมื่อวานที่ท่านพูด เหมือนท่านเปิดกว้างให้คุณทักษิณสามารถคุยได้ พร้อมที่จะพูดคุยกับคุณทักษิณนะ ถ้าคุณทักษิณติดต่อมาหรืออะไรมา พร้อมที่จะพุดคุย เพราะยังไงท่านบอกกับเราว่า คุณทักษิณเป็นน้องคนหนึ่ง น้องซึ่งเป็นสายเลือดเตรียมทหาร แล้วอีกอย่างถือว่า คุณทักษิณเป็นคนไทยอยู่ ถ้ามีอะไรแล้วจะช่วยทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย ท่านก็พร้อมที่จะทำ แม้ว่าโดยหน้าที่ของการเป็นองคมนตรีโดยตรงไม่ใช่ทำหน้าที่ที่จะทำตรงนี้ แต่ถ้าคุณทักษิณอยากคุยก็พร้อมที่จะคุย....นี่เป็นช่วงแรก

จากนั้นทางรายการลับ ลวง พรางก็ปล่อยเสียงพล.อ.สุรยุทธ ซึ่งพอจะเห็นว่า คุยกันหลายคน ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น มีเสียงหัวเราะสลับตลอดการสัมภาษณ์

วาสนา-เกษียนมาหลายปียังไมได้พักเลย

สุรยุทธ- ไม่ได้เหนื่อยอะไร มีงานที่ทำแล้วสบายใจ มีประโยชน์
อย่างน้อยกับคนส่วนหนึ่ง ที่ถือว่า เราสบายใจมีความสุขแค่นั้น

วาสนา- แม้ว่าจะโดนคนการเมืองพาดพิงบ่อยๆ ยึดหลักอะไร

สุรยุทธ- ไม่มีอะไรมาก แม้องค์พระศาสดายังมีราคิน พระพุทธเจ้ายังโดนใส่ร้ายแม้ในช่วงสั่งสอนคนอื่น เราคนธรรมดา ต้องมีปัญหาแน่ๆ

วาสนา- คนที่พาดพิงบ่อยๆคือคุณทักษิณ (หัวเราะ)

สุรยุทธ- ไม่มีปัญหา เรื่องธรรมดา ยอมรับ เราคงไม่พ้นคำติฉินนินทา ยอมรับ

วาสนา – เคยคิดไหมว่าเราไปทำอะไรคุณทักษิณถึงพาดพิงบ่อยๆ หรือ เข้าใจผิด

สุรยุทธ- ยอมรับว่าเข้าใจคลาดเคลื่อน ผมเป็นรุ่นพี่คนหนึ่ง เราได้รับการอบรมมาว่าจะดูแลรุ่นน้องๆให้ดีเสมอ

วาสนา – สายเลือดเตรียมทหารของคุณทักษิณเจือจางไปไหม (หัวเราะ)

สุรยุทธ-ไม่รู้ เราก็ไม่รู้ (หัวเราะ) จากหลักการอบรมของพวกเราก็มีมากบ้าง น้อยบ้าง ที่มาทำปัจจุบันมองกว้างในส่วนการศึกษา เรามองในฐานะเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่ว่า เชื้อชาติใด ศาสนาใด ถ้าเป็นคนไทยช่วยกันเต็มที่ อยากบอกว่า มันขยายวงกว้างออกไป ทำแล้วสบายใจ

วาสนา- ถ้าสมมุติคุณทักษิณมายืนข้างหน้าทำยังไง (หัวเราะ)

สุรยุทธ-ไม่มีปัญหาอะไรคุยกันได้

วาสนา-บอกว่าหยุดเถอะโยม (หัวเราะ)

สุรยุทธ-ไม่รู้ ...จะเป็นยังไง เป็นไปแล้ว เรา มาหาทางช่วยกันแก้ยังไง เอาอย่างนี้ดีกว่า เราต้องยอมรับความจริงว่ามีปัญหาแล้ว จะหาทางแก้ยังไง ต้องมีทางแก้จนได้ ถ้าเราร่วมมือกัน ไม่มีปัญหาใดแก้ไมได้ ต้องค่อยๆปรับ ให้เขาคิดด้วยเหตุด้วยผล

วาสนา-ผู้นำแต่ละฝ่าย อย่างเหลืองก็ศรัทธาสนธิมากจนโอ้โฮ

สุรยุทธ-ต้องค่อยๆปรับ อย่างกระแสพระราชดำรัส ที่นำมาคิดให้ดี อยากให้ท่านทรงสบายพระราชหฤทัยอย่างไร อยู่ที่เราทุกคนอยากช่วยกันไหม

วาสนา-เป็นบทเรียนให้คนไทยได้

สุรยุทธ-เป็นบทเรียนแน่ๆ ถ้าเราฟัง แล้วไม่ตรวจสอบไม่คิดด้วยเหตุด้วยผล สมัยพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน หลักกาลมสูตร อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ ถ้าอาไปคิดได้ก็ดี ท่านพยายามสั่งสอนคนให้มีเหตุผลอย่าเชื่ออะไรง่ายๆ 2500 กว่าปีแล้วยังใช้ประโยชน์ได้”

พัชระ- ตกลงไม่บอกว่าถ้าทักษิณมาอยู่ตรงหน้าแล้วจะทำยังไง

วาสนา -ไม่ยอมบอก แต่จะคุย แต่ยังไม่ยอมบอก

พัชระ- ถ้าโทรมาจะรับไหม

วาสนา- รับ ใช่บอกแล้ว มีเสียงอีกอันว่า ถ้าให้ท่านโทรไป ปักธงไม่ทำ แต่ถ้าคุณทักษิณโทรมา พร้อมคุย ถ้าคุณทักษิณโทรมา แสดงว่าคุณทักษิณพร้อมที่จะคุย แต่ถ้าอยู่ดีๆโทรไป ก็ไม่รู้ว่าคุณทักษิณพร้อมคุยหรือเปล่า

พัชระ- แปลว่า พล.อ.สุรยุทธ พร้อมพูดคุย รอเพียงคุณทักษิณโทรมา

วาสนา -ใช่ ถ้าไม่คุย เหมือนว่า เป็นหนทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ตอนนี้แตกแยกจนไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว อันไหนทำให้บ้านเมืองสงบได้ก็ทำ แม้อาจโดนมองว่าใช่หน้าที่ของท่านไหม แต่มีการมองลึกไปกว่านั้นว่า การที่พลอ.สุรยุทธออกมาพูดอย่างนี้ ได้ไฟเขียว หรือสัญญาณอะไรมาหรือไม่ น่าจับตามอง ถ้าให้เดาคุณทักษิณนะ ก็เรื่องอะไรผมจะคุย ก็ปฏิวัติผมมา เพราะคุณทักษิณโจมตีว่า พล.อ.สุรยุทธ อยู่เบื่องหลังปฏิวัติฯ แต่ท่านยืนยันว่า ไม่ถือสาคุณทักษิณ อาจฟังข้อมูลผิดเพี้ยนไปบ้าง ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

พัชระ – ความหมายที่คุณทักษิณเคยพูด พร้อมอีกหลายคนในหมู่คุณทักษิณที่พูดถึง สอเสือ สอเสือ หมายถึง

วาสนา- ใช่น่าจะหมายถึงพล.อ.สุรยุทธ และ พล.อ.สนธิ

พัชระ- คุณทักษิณก่อนหน้านี้ก็ทวิต ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะสมานฉันท์ ปรองดอง สรุปว่า ทุกคนบอกว่าถึงเวลาแล้วแต่ไม่ยกหูหากัน

วาสนา -เหมือนรอให้อีกฝ่ายติดต่อมา เหมือนที่เราคิดจะเอาคุณทักษิณ คุยกับสุเทพทางอากาศ แต่เกรงจะโดนตำหนิ ถ้าทำได้จะเอาคุณสุเทพมาคุยกับคุณทักษิณ หรือคุณทักษิณกับคุณอภิสิทธิ์ แต่คงไม่ยอม แต่เคยประสานกับคนของคุณทักษิณเขาก็ พร้อมที่จะคุยกับสุทพ ออกอากาศนะ แต่เราจะเป็นแบบพี่จอมไหม? แต่ถ้าคุยสามสายเอาพล.อ.สุรยุทธด้วย (หัวเราะ)

หลังจากนั้นก็ตัดไปที่บทสรุปของวาสนา ถึงที่ทักษิณวางแผนการย้ายฐานจากดูไบมาพนมเปญที่จะทำเป็นระลอกๆ พร้อมพูดถึงการหลบหนีของจักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมฯด้วยน้ำเสียงคิกคักน่าเอ็นดู และต่อมาเขาสองคนก็ต่อสายสัมภาษณ์ไปยังพล.อ.ท.สุเมธ โพธิ์ มณี เพื่อนเตรียม 10 ของทักษิณที่รับลูกการเจรจาทันควัน ทำให้เช้าวันต่อมามีเสียงรับลูกอีกหลายๆคนของทักษิณ

จนเป็นที่มาของเสียงตำหนิจากองคมนตรีหลายท่านต่อพล.อ.สุรยุทธ และสุดท้ายท่านเปิดแถลงข่าวหักวาสนาและวาสนาก็ตัดไมตรีกับท่าน...

แตกแยกไปอีกคู่หนึ่ง.. แต่ที่เราต้องจับตามอง คือ การทำหน้าที่ผู้บริหารของ “ธนวัฒน์ วันสม” ผู้อำนวยการอ.ส.ม.ท. ที่ระดับบิ๊กในซีกประชาธิปัตย์เปรยออกมาดังๆว่า “เป็นค่าโง่ราคาแพง” กับการใช้สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนที่เต็มไปด้วย ลับ ลวง พราง และ กับนักข่าวคนหนึ่งที่ปากบอกว่า ไม่ชอบการปฏิวัติรัฐประหาร รักชาติ บ้านเมือง และ ทำข่าวมานานกว่า 20 ปี แต่จับโน่นชนนี่จนบ้านเมืองเสียหาย ผู้ใหญ่เสียผู้เสียคน

อ่านดูกันเอาเองเถิดว่า ใครกันแน่ที่พูดถึงการเจรจา...ใช่พล.อ.สุรยุทธหรือไม่? และ ถ้าใครมาถามว่า คิดอย่างไรกับวาสนา นาน่วม ...โบ้ยให้ไปถาม พล.อ.สนธิ บุญญรัตนกลิน...คนนี้รู้จักลึกซึ้งดี
กำลังโหลดความคิดเห็น