นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในการแถลงผลงานรัฐบาล ในรอบ 1 ปี วันนี้ (23 ธ.ค.) จะใช้เวลา 30-40 นาที แต่จะไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสักถาม อาจจะให้ถามในวันอื่น เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่าดูไม่แฟร์ นายอภิสิทะ ตอบว่า จะได้มีเวลาไปคิดคำถาม
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีงานด้านใดที่พอใจ ไม่พอใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าถามตนว่า มีงานด้านไหนพอใจไม่พอใจมันต้องแยก บางเรื่อง เช่น ภาคใต้ ตนคิดว่าไม่มีใคร มีสิทธิ์ที่จะพอใจผลที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เพราะความรุนแรงยังมีอยู่ ถึงมันจะลดลง แต่ก็อยู่ในระดับที่ตนเองยังไม่พอใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าตนไม่พอใจตัวนโยบาย ตนยังมีความเชื่อว่านโยบายที่ทำอยู่เป็นนโยบายที่ถูกต้อง แต่ต้องเดินหน้าให้เร็วขึ้น เดินหน้าให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นยอ่างนี้เป็นต้น
ส่วนโครงการที่มันสะดุดไปด้วยเหตุที่มีปัญหาเรื่องการทุจริต เช่น ชุมชนพอเพียงหรือไทยเข้มแข็งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขที่ยังช้าอยู่ ก็ต้องบอก ว่าไม่พอใจ เพราะถ้าเราอยากให้มันเป็นไปตามที่เราตั้งใจไว้มันต้องเดินได้แล้ว แต่ว่าเราก็พร้อมที่จะหยุดเพื่อให้เกิดความโปร่งใสชัดเจน อันนี้เป็นสิ่งที่เราช่างน้ำหนักดูและต้องรักษาความสมดุลไว้ คือโครงการไหนเมื่อมีข้อครหาว่าทุจริต ต้องตรวจสอบ ให้โปร่งใสก่อนค่อยเดิน เราก็พร้อมที่จะทำอย่างนั้น เพราะเราต้องการรักษามาตรฐานในเรื่องความโปร่งใสด้วย
สำหรับโครงการที่น่าภูมิใจที่สุดในการทำงานนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีหลายโครงการ เช่นโครงการปรับรายได้ การผลักดันเรื่องการเรียนฟรี การทำระบบสวัสดิการซึ่งเยอะมาก ทั้งเบี้ยยังชีพคนแก่ ส่วนคนพิการจะเริ่มในเดือน เม.ย.ปีหน้า นอกจากนี้เรากำลังผลักดันกองทุนเงินออม กำลังสมทบเงินกองทุนสวัสดิการชุมชน งานเหล่านี้ถือว่าเป็นนโยบายที่หลายคนพูดกันมานาน แต่ไม่ได้ทำ และที่เราทำนั้นเราไม่ได้ทำแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่กำลังวางระบบไว้สำหรับอนาคตด้วย นี่คือตัวอย่าง ส่วนภาพรวมทางเศรษฐกิจ ตนถือว่าที่ทำงานมาเป็นสิ่งที่ได้ทำให้เรา แก้ไขปัญหาที่รุนแรงจากตอนที่ตนเองเข้ามารับหน้าที่ได้ระดับหนึ่ง
นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่าไม่พอใจเรื่องความสมานฉันท์ โดยเฉพาะในเรื่องที่มี ความขัดแย้งอยู่ แต่สิ่งที่ตนได้ยืนยันและปฏิบัติให้เห็นคือรัฐบาลแม้ว่าจะมีผู้ไม่เห็นด้วย มีผู้ที่ขัดแย้ง เราไม่ใช้ความรุนแรง เราให้โอกาส เราให้สิทธิ เราให้เสรีภาพ และเราไม่ปล่อยให้ปัญหาความขัดแย้งมาเป็นอุปสรรค์ต่อการบริหาร จะเห็นได้จากการที่เราทำงานในสภาฯที่จะขลุกขลักอย่างไรก็ผลักดันงานออกมา รวมไปถึงนโยบายสำคัญๆ เอาเป็นว่าต่างประเทศที่เคยมองปลายปีที่แล้วว่ารัฐบาลไทยจะขยับไปทางไหนไม่ได้เลย ปีนี้เขาก็ยอมรับว่าเราขับเคลื่อนแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งบางด้าน เช่นปัญหาเรื่องการว่างงานทำได้ค่อนข้องดี เมื่อเทียบเคียงกับที่อื่นด้วยซ้ำ เพราะเป็นตัวเลขของการว่างงานที่ถือว่า ถึงจุดสูงสุดในระดับที่ต่ำมากเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่เจอวิกฤตและขณะนี้เริ่มลลดลงเร็วกว่าที่อื่น
1 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าการทำงานจะไม่เป็นที่พอใจของทุกคนและหลายเรื่อง ต้องปรับปรุง แต่หากมีความวุ่นวายในบ้านเมืองจากนี้ไปก็จะทำให้ประเทศสูญเสีย โอกาสอย่างมาก เพราะขณะนี้ 1 ปีที่ผ่านมาได้วางรากฐานการที่จะเดินหน้าต่อไว้แล้ว ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจคิดว่าอัตราการขยายตัวน่าจะอยู่ประมาณร้อยละ 3.5 แต่จะมีการปรับไปตามข้อมูลที่มีเข้ามามากขึ้นและยังมีปัจจัยที่ยังมีความอ่อนไหวอยู่ เช่นราคาน้ำมัน เศรษฐกิจโลกและปัญหาภายในของเราเองด้วย
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่พรรคเพื่อไทยออกมาตั้งฉายารัฐบาลว่าเป็นรัฐบาล 4 ก. กู้ โกง เก็บ กิน ตนคิดว่าฉายานี้ที่ถูกต้องต้องนำไปใช้กับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิน ชินวัตร มากกว่า เพราะกลายมาเป็นการปฏิวัติยึดอำนาจ เพราะหากไม่มีพฤติกรรมนี้คงไม่มีการปฏิวัติ 19 ก.ย. ฯ อย่างไรก็ตามอยากขอตั้งฉายาให้พรรคเพื่อไทยเหมือนกันว่า "4 หนี" คือ หนีคุก หนีคดี หนีสภา หนีประชุม
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีงานด้านใดที่พอใจ ไม่พอใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าถามตนว่า มีงานด้านไหนพอใจไม่พอใจมันต้องแยก บางเรื่อง เช่น ภาคใต้ ตนคิดว่าไม่มีใคร มีสิทธิ์ที่จะพอใจผลที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เพราะความรุนแรงยังมีอยู่ ถึงมันจะลดลง แต่ก็อยู่ในระดับที่ตนเองยังไม่พอใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าตนไม่พอใจตัวนโยบาย ตนยังมีความเชื่อว่านโยบายที่ทำอยู่เป็นนโยบายที่ถูกต้อง แต่ต้องเดินหน้าให้เร็วขึ้น เดินหน้าให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นยอ่างนี้เป็นต้น
ส่วนโครงการที่มันสะดุดไปด้วยเหตุที่มีปัญหาเรื่องการทุจริต เช่น ชุมชนพอเพียงหรือไทยเข้มแข็งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขที่ยังช้าอยู่ ก็ต้องบอก ว่าไม่พอใจ เพราะถ้าเราอยากให้มันเป็นไปตามที่เราตั้งใจไว้มันต้องเดินได้แล้ว แต่ว่าเราก็พร้อมที่จะหยุดเพื่อให้เกิดความโปร่งใสชัดเจน อันนี้เป็นสิ่งที่เราช่างน้ำหนักดูและต้องรักษาความสมดุลไว้ คือโครงการไหนเมื่อมีข้อครหาว่าทุจริต ต้องตรวจสอบ ให้โปร่งใสก่อนค่อยเดิน เราก็พร้อมที่จะทำอย่างนั้น เพราะเราต้องการรักษามาตรฐานในเรื่องความโปร่งใสด้วย
สำหรับโครงการที่น่าภูมิใจที่สุดในการทำงานนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีหลายโครงการ เช่นโครงการปรับรายได้ การผลักดันเรื่องการเรียนฟรี การทำระบบสวัสดิการซึ่งเยอะมาก ทั้งเบี้ยยังชีพคนแก่ ส่วนคนพิการจะเริ่มในเดือน เม.ย.ปีหน้า นอกจากนี้เรากำลังผลักดันกองทุนเงินออม กำลังสมทบเงินกองทุนสวัสดิการชุมชน งานเหล่านี้ถือว่าเป็นนโยบายที่หลายคนพูดกันมานาน แต่ไม่ได้ทำ และที่เราทำนั้นเราไม่ได้ทำแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่กำลังวางระบบไว้สำหรับอนาคตด้วย นี่คือตัวอย่าง ส่วนภาพรวมทางเศรษฐกิจ ตนถือว่าที่ทำงานมาเป็นสิ่งที่ได้ทำให้เรา แก้ไขปัญหาที่รุนแรงจากตอนที่ตนเองเข้ามารับหน้าที่ได้ระดับหนึ่ง
นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่าไม่พอใจเรื่องความสมานฉันท์ โดยเฉพาะในเรื่องที่มี ความขัดแย้งอยู่ แต่สิ่งที่ตนได้ยืนยันและปฏิบัติให้เห็นคือรัฐบาลแม้ว่าจะมีผู้ไม่เห็นด้วย มีผู้ที่ขัดแย้ง เราไม่ใช้ความรุนแรง เราให้โอกาส เราให้สิทธิ เราให้เสรีภาพ และเราไม่ปล่อยให้ปัญหาความขัดแย้งมาเป็นอุปสรรค์ต่อการบริหาร จะเห็นได้จากการที่เราทำงานในสภาฯที่จะขลุกขลักอย่างไรก็ผลักดันงานออกมา รวมไปถึงนโยบายสำคัญๆ เอาเป็นว่าต่างประเทศที่เคยมองปลายปีที่แล้วว่ารัฐบาลไทยจะขยับไปทางไหนไม่ได้เลย ปีนี้เขาก็ยอมรับว่าเราขับเคลื่อนแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งบางด้าน เช่นปัญหาเรื่องการว่างงานทำได้ค่อนข้องดี เมื่อเทียบเคียงกับที่อื่นด้วยซ้ำ เพราะเป็นตัวเลขของการว่างงานที่ถือว่า ถึงจุดสูงสุดในระดับที่ต่ำมากเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่เจอวิกฤตและขณะนี้เริ่มลลดลงเร็วกว่าที่อื่น
1 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าการทำงานจะไม่เป็นที่พอใจของทุกคนและหลายเรื่อง ต้องปรับปรุง แต่หากมีความวุ่นวายในบ้านเมืองจากนี้ไปก็จะทำให้ประเทศสูญเสีย โอกาสอย่างมาก เพราะขณะนี้ 1 ปีที่ผ่านมาได้วางรากฐานการที่จะเดินหน้าต่อไว้แล้ว ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจคิดว่าอัตราการขยายตัวน่าจะอยู่ประมาณร้อยละ 3.5 แต่จะมีการปรับไปตามข้อมูลที่มีเข้ามามากขึ้นและยังมีปัจจัยที่ยังมีความอ่อนไหวอยู่ เช่นราคาน้ำมัน เศรษฐกิจโลกและปัญหาภายในของเราเองด้วย
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่พรรคเพื่อไทยออกมาตั้งฉายารัฐบาลว่าเป็นรัฐบาล 4 ก. กู้ โกง เก็บ กิน ตนคิดว่าฉายานี้ที่ถูกต้องต้องนำไปใช้กับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิน ชินวัตร มากกว่า เพราะกลายมาเป็นการปฏิวัติยึดอำนาจ เพราะหากไม่มีพฤติกรรมนี้คงไม่มีการปฏิวัติ 19 ก.ย. ฯ อย่างไรก็ตามอยากขอตั้งฉายาให้พรรคเพื่อไทยเหมือนกันว่า "4 หนี" คือ หนีคุก หนีคดี หนีสภา หนีประชุม