xs
xsm
sm
md
lg

จากพล.อ.สุรยุทธ์ ถึงสมานฉันท์เลือด !?

เผยแพร่:   โดย: สำราญ รอดเพชร

ไป ๆ มา ๆ ดูเหมือนว่าพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 จะเสียหายเสียรังวัดไปเยอะ กรณีตกเป็นข่าวว่า จะเปิดการเจรจากับทักษิณ ชินวัตร ทั้ง ๆที่เมื่อสืบราวราวเรื่องแล้ว ท่านเพียงตอบคำถามนักข่าวกลุ่มหนึ่งซึ่งโดยเนื้อหาก็ไม่ได้เน้นหรือตอกย้ำว่าท่านจะขอเจรจาใด ๆ

ผมย้อนไปฟังวิทยุคลื่น 100.5 รายการลับ ลวง พราง ประจำวันเสาร์ที่ 19 ธ.ค.ที่นำเทปคำสัมภาษณ์ของท่านมาออกอากาศแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น จริง ๆ ท่านเพียงบอกว่าถ้าทักษิณโทรมาก็พร้อมพูดคุยในฐานะเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นน้อง

แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่าก็คือรายการดังกล่าวนำไปขยายผลโดย สัมภาษณ์เพิ่มเติมพล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ของนักโทษชายทักษิณ

ตามด้วยฉากต่อมาก็คือ นายนพดล ปัทมะ ทนายของทักษิณฉวยโอกาสร่ายยาวขยายข่าวว่าทักษิณ ตั้ง 3 เงื่อนไขในการเจรจาราวกับว่าคนชื่อทักษิณถือไพ่เหนือกว่า ประมาณว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์และประเทศไทยเป็นลูกไก่ในกำมือจะบี้ก็ตายจะคลายก็รอด...

เท่านั้นยังไม่พอ คุณน้องตุ๊ดตู่ จตุพร พรหมพันธ์ ยังออกมารับลูกแถลงย้ำราวกับเป็นการตอกตะปูปิดฝาโลงอีกต่างหากว่า ขอให้ 4 ฝ่ายคือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย,รัฐบาล,คนเสื้อแดงหรือพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อน้ำเงินมาลงสัตยาบันตามเงื่อนไข 3 ประการ แล้วลงสู่การเลือกตั้งเดิมพัน “แผ่นดิน” กันไปเลย...

เช้า 22 ธ.ค.2552 ขณะปั่นต้นฉบับแว่ว ๆว่าพล.อ.สุรยุทธ์ จะแถลงข่าวชี้แจงข่าวเรื่องการเจรจาสมานฉันท์ ซึ่งผมเห็นด้วย ดีแล้ว ชอบแล้ว จะห่วงนิดหน่อยก็ตรงที่ว่ายิ่งแถลงจะยิ่งสับสนหรือเปล่า เพราะเป็นที่รู้ ๆกันว่าท่านเป็นคนสุภาพเรียบร้อย พูดจาถนอมน้ำใจคน ไม่ฟันธงเปรี้ยงปร้าง เดี๋ยวจะตีความไปคนละทิศคนละทางสร้างความเสียหายให้ท่านอีก...

แต่ไม่ว่าผมจะเข้าใจหรือพยายามเข้าใจท่านพล.อ.สุรยุทธ์สักแค่ไหนปานใดก็ตาม ผมต้องขอเรียนตรง ๆว่าผมไม่เห็นด้วยกับการให้สัมภาษณ์ของท่านในเรื่องการเจรจา-สมานฉันท์...

ประการแรก เนื้อหาคำสัมภาษณ์ไม่ชัดเจน ตอนนี้กลายเป็นว่าฝ่ายผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเป็นฝ่ายขอเจรจากับฝ่ายทักษิณ ซึ่งทำให้เสียดุลยภาพเป็นอย่างมาก

ประการที่สอง ฐานะของพล.อ.สุรยุทธ์คือองคมนตรีที่ใกล้ชิดกับประธานองคมนตรี (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์) ท่าทีของพล.อ.สุรยุทธ์ย่อมถูกมองถูกตีความได้ว่าเป็นท่าทีของประธานองคมนตรีด้วย อีกทั้งโดยฐานะองคมนตรีก็ไม่น่าจะมายุ่งเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองโดยตรง

ประการที่สาม โดยกาละ –เทศะไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของทักษิณและครอบครัวกำลังปิดคดีใกล้วันพิพากษา และขณะนี้มีการปล่อยข่าวประเภทลับลวงลือกันถี่ยิบ การแสดงท่าทีใด ๆ ต่อผู้ได้เสียอย่างทักษิณอาจมีผลต่อการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรมไม่มากก็น้อย ซึ่งไม่เป็นผลดี..

ครับ ผมเชื่อว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์หนนี้ไปแล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ หรือ “ลุงแอ้ด” ของนักข่าวกลุ่มหนึ่งคงจะเข็ดขี้อ่อนขี้แก่ไปนาน เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่มิตรรักแฟนเพลงที่ผิดหวังในตัวท่านตอนเป็นนายกฯ นาน 16 เดือนและปล่อยให้ระบอบทักษิณฟื้นคืนชีพจะพากันโจมตีท่านเท่านั้น แม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่จำนวนมากก็พากันตำหนิว่าทำไมต้องออกมาพูดเรื่องนี้....ซึ่งประการหลังนี่เองที่ผมเชื่อว่าเป็นเหตุให้ท่านต้องออกมาแถลงข่าวเพื่อแก้ข่าว...

.......................................

คราวนี้มาดูเงื่อนไขการเจรจา 3 ประการของลิ่วล้อทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ทีขี่แพะไล่เสนอออกมาดังๆ …

1)ต้องนำรัฐธรรมนูญ 2540 หรือใกล้เคียงนำมาใช้

ใคร ๆ ก็รู้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐสภา มิใช่จู่ ๆ จะหยิบยกรัฐธรรมนูญฉบับไหนมาใช้ หรือแก้ไขมาตราไหนด้วยอำนาจนายกฯหรือรัฐบาล ยกเว้นถ้ามีการรัฐประหาร ยึดอำนาจ จะใช้รัฐธรรมนูญฉบับไหน แบบไหนก็ว่าไปได้ตามใจปรารถนา

2)ต้องยุบสภา

อำนาจอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ตั้งเงื่อนไขไว้ 3 ประการคือ 1)ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวเดินหน้าไปได้ 2)แก้กติกา –รัฐธรรมนูญบางมาตรา และ 3) กลุ่มต่าง ๆโดยเฉพาะคนเสื้อแดงต้องส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะไม่ป่วนตอนเลือกตั้ง

ล่าสุดนายกฯบอกว่าข้อแรกผ่านแล้ว เหลืออีก 2 ข้อ ประมาณว่าถ้าคนเสื้อแดง –พรรคเพื่อไทยเอาด้วยก็ใช้เวลาดำเนินการสัก 6 – 7 เดือน ยุบสภาได้เลย

3)ต้องเลือกตั้งและเคารพผลการเลือกตั้ง

นั่นคือเงื่อนไข 3 ประการที่นายนพดลอ้างว่า “ทักษิณ” เสนอมา ซึ่งผมดูแล้วชาติหน้าตอนบ่าย ๆ อาจจะเป็นไปได้ เพราะเอาแค่ข้อแรกข้อเดียวก็จอดป้ายชั่วนิรันดร์ไม่ต้องไปไหนกันแล้ว...และเป็นที่รู้ ๆกันว่า การเรียกร้องรัฐธรรมนูญปี 2540 คนพรรคเพื่อไทย –คนเสื้อแดง เป็นเพียงข้ออ้างอำพรางเท่านั้น เพราะความต้องการจริง ๆคือ การขอให้ยกโทษให้กับทักษิณ ชินวัตร...ในทุก ๆคดี แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ คือถอยหลังไปก่อนการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ที่รัฐธรรมนูญปี 2540 ยังบังคับใช้และทักษิณยังมีอำนาจ..

แท้จริงแล้วพรรคเพื่อไทย – คนเสื้อแดง ชิงชังรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ต่อยอดมาจากรัฐธรรมนูญ 2540 ก็เพราะทักษิณถูกยึดอำนาจ สมมุติว่าพรุ่งนี้มะรืนนี้ทักษิณหลุดจากทุกคดีข้อเรียกร้องรัฐธรรมนูญ 2540 จะกลายเป็นเรื่องเล็กขี้หมูราขี้มาแห้งไปทันที..

ครับ ถึงวันนี้ผมยังมองไม่เห็นหนทางการเจรจา –สมานฉันท์ใด ๆ ที่จะเป็นไปได้เพราะจุดเริ่มต้นของการสมานฉันท์จริง ๆ อยู่ที่ทักษิณต้องกลับมารับโทษทัณฑ์ หรือไม่ก็ประกาศที่จะขอลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ เลิกบงการป่วนบ้านป่วนเมือง....

เห็นทีว่า...ตั้งแต่กลางเดือนม.ค.2553 เป็นต้นไป การเจรจาสมานฉันท์กันด้วยเลือดจะเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ

                            samr_rod@hotmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น