“ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า”
นี่คือบทเพลง”ถอยดีกว่า”ของแม่ชีอ้อม -สุนิสา สุขบุญสังข์ ที่ใช้ได้เป็นอย่างดีกับท่าทีพลิกไปพลิกมาของ “ทัพแดง”
หลังล่าสุดต้องถอยร่นเลื่อนการนัดชุมนุมใหญ่ล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่นัดไว้สองช่วงคือ 28-2 ธ.ค. 52 และหลัง 5 ธ.ค.52 โดยแกนนำเสื้อแดงประกาศจะมีการนัดประชุมกันอีกครั้งในกลางเดือนธันวาคมเพื่อหารือกันอีกครั้งว่าจะนัดหมายชุมนุมใหญ่กันในช่วงเวลาใด
การถอยทัพแดงทำให้ทุกฝ่ายโล่งใจไปได้อีกเปราะหนึ่ง ด้วยที่สถานการณ์บ้านเมืองจะไม่สับสนวุ่นวายในช่วงวันสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย
“5 ธันวามหาราช”
เพราะเสียงส่วนใหญ่ของผู้คนในประเทศเห็นตรงกันว่า ความขัดแย้งทางการเมือง-การช่วงชิงอำนาจของกลุ่มการเมืองขั้วต่างๆ ถือเป็นเรื่องของบุคคลไม่กี่คน ที่จะใช้ประชาชนเป็นโล่กำบังและอ้างความชอบธรรมให้กับแต่ละฝ่าย ทว่าไม่สมควรจะมาทำสงครามการเมือง แล้วทำให้ประชาชนแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝาย เคียดแค้นชิงชัง สู้รบกันทางการเมืองกันในช่วงวันมหาปิติยินดีของประชาชนทั้งแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม การถอยร่นของทัพแดง หากไม่ใช่เพราะกระแสสังคมก่นประณามและต่อต้านอย่างกว้างขวาง คงไม่มีทางที่เสื้อแดงจะพับแผนการป่วนเมืองครั้งนี้
เนื่องจากประชาชนทุกคนต่างต้องการให้ช่วงเวลาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมเป็นต้นไปเป็นช่วงแห่งการส่งดวงใจไปร่วมเฉลิมฉลอง “วันพ่อของแผ่นดิน”และเป็นช่วงที่ประเทศไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม มีแต่ความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว
ส่วนการชุมนุมการเมืองจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ แต่ขอให้ผ่านพ้นช่วงเวลาสำคัญนี้ไปก่อน
ด้วยเหตุนี้เองเลย ทำให้ “นายใหญ่เสื้อแดงตัวจริง” นช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องรีบกด “ไฟแดงสั่งห้ามแดงป่วนเมือง”ผ่านวีดีโอลิงค์ในที่ประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยเมื่อ 24 พ.ย.52 สั่งให้เลื่อนการชุมนุมออกไป เพราะประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นเรื่อง “ไม่บังควร”
เสร็จจากนั้นทักษิณก็ต่อโทรศัพท์สายตรงถึง “สามเกลอ”วีระ มุกสิกพงษ์-จตุพร พรหมพันธ์-ณัฐวุฒิ ให้ทั้งสามคนรับคำสั่งนี้ไปปฏิบัติ จนแกนนำเสื้อแดงถอยทัพแทบไม่ทัน
เพราะไม่เช่นนั้น ภาพลักษณ์ทักษิณ-เสื้อแดง ที่มีชนักติดหลังว่า “ไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน”จากเหตุการณ์หลายต่อหลายเรื่องจะยิ่งกู่ไม่กลับ เพราะทุกวันนี้เรื่อง “ไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน”ทำให้ทักษิณ-เพื่อไทย ร้อนรุ่มใจมากที่สุดสำหรับการทำการเมืองต่อไป
เพราะเดิมข้อกล่าวหานี้ก็หนักแล้ว หากเสื้อแดงยังฝืนกระแสจัดชุมนุมต่อไปโดยไม่รู้กาลเทศะ ไม่ฟังเสียงกระแสสังคมที่ไม่เห็นด้วยก็มีแต่พังกับพัง นอกจากรบไม่ชนะแล้ว อาจแพ้แบบย่อยยับยิ่งกว่าสงกรานต์เลือดด้วยซ้ำ
คำสั่งของทักษิณที่สั่งให้เลื่อนการชุมนุมออกไปก่อน จึงเป็นสาเหตุใหญ่สุดของการถอยทัพเสื้อแดงครั้งนี้
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้นัดหมายแดงป่วน เลื่อนออกไป เช่นท่าทีของส.ส.เพื่อไทยเกือบทั้งหมดโดยเฉพาะสองพื้นที่สำคัญคือภาคเหนือ-อีสาน ซึ่ง
เสียงประชาชนในพื้นที่เลือกตั้งส่งผ่านมายังตัวส.ส.เพื่อไทยว่า ต้องการให้เลื่อนการชุมนุมออกไปซึ่งนอกจากเรื่องกาลเทศะแล้วยังมีอีกหลายปัจจัย
อาทิ แดงอั้งยี่ภาคเหนือ ก็ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้ายกำลังคนที่มีระยะเวลากระชั้นชิดเกินไปเพราะส่วนหนึ่งก็มีการนัดหมายรอขับไล่แกนนำรัฐบาลในช่วงการประชุมหอการค้าทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย. 52 ทำให้ไม่สามารถเข้ากทม.ในวันนัดหมายปิดถนนรอบกรุงเทพในวันที่ 30 พ.ย.52 ที่ต้องใช้กำลังเสื้อแดงหลายหมื่นคนได้ทัน ส่วนแดงอีสานก็ประสบปัญหาหลายพื้นที่ในภาคอีสานอยู่ในช่วง เก็บเกี่ยวผลิตผลสินค้าเกษตร ทำให้ประชาชนยังไม่ต้องการเข้ากทม.ในช่วงนี้หรือหากจะขนเข้ามาจริงก็ต้อง
เงินถึง ใจถึง ที่ทำให้ต้นทุนการชุมนุมสูงขึ้น
อีกทั้งในระดับเสนาธิการ คีย์แมนเสื้อแดงระดับ “มือวางแผน”ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี มือทำงานการเมืองใต้ดินของเพื่อไทยและเสื้อแดง ซึ่งครั้งนี้ถูกประกบติดแจจนแทบขยับไม่ได้หลังเกิดระเบิดที่สนามหลวงวันพันธมิตรฯนัดชุมนุมใหญ่
รวมทั้ง เจ๊เพ็ญ-จักรภพ เพ็ญแข ที่มีข่าวว่าซุ่มเก็บตัวอยู่ที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งในกัมพูชา ก็เสนอให้นัดชุมนุมช่วงอื่น ไม่ใช่ช่วงนี้
รวมทั้ง ขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดรฯ หัวเรือใหญ่เสื้อแดงอีสาน ที่มีกำลังในมือระดับ 3-4 หมื่นอยู่ในมือก็ยังไม่เอาด้วย เพราะไม่อยากถูกมองว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน อีกทั้งก็มีอาการปีนเกลียวกับสามเกลอนปช.ในเรื่อง “เงินน้ำเลี้ยง”ที่ยังไม่เคลียร์จึงทำให้พยายามต่อรองให้เคลียร์ค่าใช้จ่ายให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาคุยกันเรื่องขนเสื้อแดงล้มเจ้า
ยิ่งเมื่อรัฐบาลเตรียมพร้อมรับมือเป็นอย่างดี มีการสนธิกำลังกันของทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผ่านพรบ.มั่นคง ในพื้นที่กรุงเทพฯ 17 วัน อันเป็นการกระชับอำนาจของทุกหน่วยในการป้องกันและควบคุมสถานการณ์ ผ่านการจัดทัพใหญ่วางขุมกำลังคนใกล้ชิดที่พร้อมสู้ตายให้รัฐบาล ทั้งฝ่ายปกครอง-ทหาร-ตำรวจ ในช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ปลายปีที่ผ่านมา เช่นการตั้ง พล.ต.ท.สันฐาน ชยานนท์ นายตำรวจ ที่สุเทพ เทือกสุบรรณ ไว้วางใจสูงยิ่งมาเป็นผบช.น. เพื่อทำหน้าที่หลักคือดูแลม็อบการเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ แถมรัฐบาลมีบทเรียนความผิดพลาดมาแล้วในช่วงสงกรานต์เลือดที่พลาดเรื่องการข่าวและการป้องกันพื้นที่ไม่ให้เสื้อแดงยึด จึงเตรียมการทุกอย่างไว้แน่นหนา
ส่งผลให้การขยับของเสื้อแดง แม้จะท้าทายบอกไม่กลัวพรบ.มั่นคง แต่ก็ทำอะไรได้ไม่เต็มที่ ขณะเดียวกันการยุติชุมนุมไปก่อน โดยอ้างเรื่องรัฐบาลจำกัดสิทธิเสรีภาพการชุมนุมด้วยการออกพรบ.มั่นคง ทางแกนนำก็เชื่อว่า ทันทีเมื่อเป่านกหวีดนัดชุมนุมใหญ่มันจะทำให้คนเสื้อแดงที่อัดอั้นเต็มที่พร้อมจะออกมาร่วมชุมนุมทันที ด้วยแรงโกรธแค้นในปริมาณที่มากกว่าเดิม
ผสมกับแรงกดันที่ทักษิณมีเดิมพันสูงคือ “ถ้าสู้แล้วต้องเอาชนะ” เพราะหากแพ้ครั้งนี้ ก็ยากแล้วที่จะปลุกม็อบการเมืองครั้งใหญ่ๆ พร่ำเพรื่อ แต่เมื่อสถานการณ์ก็เห็นแล้วว่าตอนนี้อยู่ในสภาพเสียเปรียบ ทักษิณที่ย่อมรู้ด้วยสัญชาติญาณว่าทางเลือกที่ดีที่สุดคือ
ถ้าจะรบ ก็ต้องมีโอกาสล้มกระดาน
เพราะหากทำศึกโดยไม่มั่นใจ ก็เสียการศึกและกำลังพลโดยใช่เหตุ
ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของการสั่งถอยคนเสื้อแดงครั้งนี้ ที่ทำให้สุดท้าย แม้แกนนำเสื้อแดงบางคน เช่น จตุพร พรหมพันธ์,พ.ต.ท. ไวพจน์ อาภรรัตน์ ,สุภรณ์ อัตถาวงศ์,พายัพ ปั้นเกตุ,อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง,นิสิต สินธุไพร ในตอนแรกจะไม่ตอบรับกับการเสนอให้เลื่อนการชุมนุมออกไปจาก ส.ส.เพื่อไทยและตัวทักษิณ ชินวัตร เพราะได้เตรียมแผนการยึดกรุงเทพฯ ทุกอย่างไว้พร้อมแล้วหลังจากเดินสายพบปะแกนนำเสื้อแดงในหลายจังหวัดโดยเฉพาะในภาคอีสาน-เหนืออย่างต่อเนื่องเพื่ออธิบายเป้าหมายการเคลื่อนไหว และวิธีการว่าจะต้องขนคนเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯอย่างไร
แต่สรุปสุดท้ายเมื่อทักษิณ เจ้าของเงินและผู้นำเสื้อแดงตัวจริง ไม่เอาด้วยก็ทำให้แกนนำนปช.ที่ไม่เห็นด้วยก็จำต้องยอมรับแบบน้ำท่วมปาก เอะอะโวยวายไม่ได้ต้องรับสภาพโดยขุ่นเคืองกันไปพอสมควร
อย่างไรก็ตาม นี่มันแค่ “การพักยก”เพื่อรอจุดไฟสงครามกลางเมืองที่ทักษิณกำลังดูลาดเลาอยู่ หลังประกาศชัดหลายครั้งว่า หากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ไม่ยอมหันหน้ามาเจรจา ก็แตกหักกันไปข้างหนึ่ง
“นับวันก็ยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงทุกวันๆ นักการเมืองเป็นอะไรไม่เท่าไหร่ แต่ประชาชนเป็นยังไง มันน่ากลัว”
คำขู่ของทักษิณที่ประกาศผ่านรายการวิทยุเมื่อคืนวันก่อนถอยทัพแดง จะเกิดขึ้นหรือไม่ รอให้ถึงกลางเดือนธันวาคม เมื่อทัพแดง ประกาศรบ ก็รู้แล้วว่าใครชนะ ใครแพ้