เวลานี้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงวุ่นวายมิใช่น้อยกับภารกิจการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ปัญหานานัปการถาโถมกันเข้ามามิได้หยุดหย่อน
ไล่กันตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ยังมะงุมมะงาหราไปไม่ถึงไหน แม้พ.ร.ก.การกู้เงิน 4 แสนล้านบาทที่ดูเหมือนจะสามารถจบลงได้ด้วยดี แต่ก็น่าจะหืดขึ้นคอทีเดียว กับสารพัดเกมการต่อรองของนักการเมืองสารเลว ที่ถือเอาอำนาจของประชาชนไปแสวงหาผลประโยชน์มาใส่ตัว
เวลานี้ตัวเลขคนว่างงานสูงขึ้น และธุรกิจเอสเอ็มอี ล้มระเนนระนาดไม่เป็นชิ้นดี!!!
ภาคธนาคารเริ่มตระหนี่กับการกู้ยืมเงิน วงจรปัญหาเริ่มรัดตัว และผู้คนเริ่มหัวหมุนติ้วกับการหมุนเงินอย่างบ้าคลั่ง!!!
เมื่อรากหญ้าไม่มีจะกิน
คนชั้นกลางตกอยู่ในภาวะเคว้งคว้าง
คนชั้นบนที่ฟุ้งเฟ้อ ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน
ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำอันเป็นผลพวงมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกยังไม่เลวร้ายมากนัก เมื่อเทียบกับปัญหาการเมืองภายในประเทศ
เรื่องของเรื่องต้องโทษ “บิ๊กสีเขียว” ที่แก้ผ้าเอาตัวรอดด้วยการจับมือพรรคประชาธิปัตย์ให้กล้ำกลืนฝืนใจ “สมสู่” กับพรรคร่วมรัฐบาลห่วยแตกด้านจริยธรรมแบบนี้
อีหรอบนี้...มีหรือจะบริหารบ้านเมืองได้สะดวกโยธิน
ยิ่งมีพรรคฝ่ายค้านเป็นฝ่ายแค้นอย่าง “เพื่อไทย” ด้วยแล้ว....อย่าได้คิด จะนอนตาหลับหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือ อีกไม่ช้าไม่นานคงได้เห็นไม่ใครก็ใคร ต้องเอาเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากแทนมือแน่นอน ลองได้ปล่อยนักการเมืองจัญไรเหิมเกริมได้ถึงขนาดนี้
ดูไปที่พรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างภูมิใจไทย ที่ยกโขยงกันมาจากพรรคเพื่อไทยภายใต้การคัดท้ายของ “เนวิน” สิ แค่เห็นหน้าค่าตาก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า อะไรจะเกิดขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย
แน่นอนโครงการสารพัดพิษเริ่มก่อร่างสร้างตัว และถูกยัดเยียดให้กับสังคมไทยชนิดที่ใครเห็น ใครก็ต้องร้อง “ไอ้หยา” ตามมาด้วย “ซี้เลี้ยว”
จะไม่ให้ร้องเสียงหลงว่า “ฉิบหายตายห่า” ได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่ตั้งรัฐบาลขึ้นมา ไม่มีโครงการอะไรเลยที่พรรคร่วมนำเสนอแล้วจะไม่ถูกชาวบ้านชาวช่องวิพากษ์วิจารณ์ว่า “จะแดกกันอีกแล้วหรือนี่” โดยเฉพาะโครงการทุเรศทุรังจากพรรคภูมิใจไทย เด็ก 4 ขวบเห็นแล้วยังร้องไห้จ้าแม่จ๋าช่วยด้วยเลย นับประสาอะไรกับคนอย่างเราๆ ที่ไม่ได้กินหญ้าแทนข้าว
ลองมาไล่กันดูตั้งแต่โครงการระบายสินค้าเกษตรในสต๊อกของรัฐบาลที่รับซื้อมาเพื่อพยุงราคาให้กับเกษตรกร พอประกาศประมูลโครมเดียว ส่อเค้าส่งกลิ่นโชยเหม็นกึก จนที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติตีกลับไปทบทวน และนายกฯ อภิสิทธิ์ต้องส่งกระบี่คู่กายอย่าง “กอร์ปศักดิ์” และ “สุเทพ” มาตรวจตรา จน “สมศักดิ์” ร้อนก้นจนต้องออกโรงมาตัดพ้อว่าประชาธิปัตย์ไม่มีผลงานดีแต่ “ดักจับโครงการเพื่อน”
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่...โดยไม่จำเป็นต้องชอบไก่ชนอย่างพวกเทพสุทิน
หนักเข้า...ก็เล่นเอาคนไทยตาเหลือก เมื่อ “ขาใหญ่” จากพรรคร่วมรัฐบาล “จะเอา” โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ให้ได้
เมื่อนายกฯ อภิสิทธิ์ติดเบรก โยนให้คณะกรรมการสภาพัฒน์พิจารณาจาก “เช่า” เป็น “ซื้อ” เท่านั้นละ “เนวิน” ก็เดือดเต้นผาง เร่งฟืนเร่งไฟ ขึ้นป้ายบิลบอร์ดไปทั่ว 4 มุมเมืองด้วยงบประมาณหลายล้านบาทที่อ้างว่า ส่วนหนึ่งมาจากพรรคภูมิใจไทย และอีกส่วนหนึ่งมาจาก “องค์การขนส่งมวลชนประเทศไทย” ที่ผู้อำนวยการลาป่วยยังไม่ยอมกลับมาทำงาน โดยทิ้งองค์กรที่เต็มไปด้วยหนี้สินบานเบิกให้ตกอยู่ภายใต้การทำงานของ “ปิยะพันธ์ จำปาสุต” ประธานกรรมการบริหาร ที่กำลังสู้สิบทิศเพื่อรถเมล์เอ็นจีวี
เชื่อสิ...งานนี้ต้องมีใคร “ได้” ไปบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อยละว้า ไม่งั้นไม่พล่านกันขนาดนี้แน่
ในเมื่อนายกฯ บอกต้อง “ซื้อ” แต่เด็กเนวินสวนกลับบอกต้อง “เช่า”
เอากะมันสิ!!! ให้รู้เสียบ้างว่าใครใหญ่...งานนี้ใครไม่เกี่ยวถอยไป งวดนี้มีตายเลือดสาด!!!
เมื่อช้างสารชนกันอย่างนี้ พวกบรรดาพรรคเล็กพรรคน้อยไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ทำอะไรกันอยู่ชาวบ้านเขาอยากรู้?
พรรคเพื่อแผ่นดินก็ท่าจะมีความเป็นอยู่ดี เห็น “เงียบเชียบเรียบร้อย” ไม่มีเสียงเล็ดลอดอยู่ในกระทรวงไอซีที และอุตสาหกรรม กับบางส่วนของกระทรวงการคลัง
เห็นแต่นายทุนของแกนนำพรรคนี้ยกโขยงไปเป็น “บอร์ด” ที่โน่นที่นี่กันคับคั่ง ยังกับผึ้งแตกรังก็ไม่ปาน ระริกระรี้ยิ่งกว่ากระดี่ได้น้ำเสียอีก...สาธุชนพึงสดับ ไม่ใช่นายทุนเข้าไปไม่ได้ เข้าได้แต่ไม่ดี คนดีๆ มียางอายเขาไม่ทำกัน
มองไปที่แผนชาติไทยพัฒนา นั่นก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับงบประมาณการท่องเที่ยว เห็นอย่างนี้ๆ เถอะ “คน” ของเสือเตี้ยเมืองสุพรรณ กระจายกันออกไปแผ่ไพศาลทั่วทุกขุมขน รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่พรรคนี้เขาจองทุกรัฐบาลไป
ส่วนรวมใจไทยชาติพัฒนา ก็ไร้บทบาทขาดวิสัยทัศน์นั่งทำงานวันต่อวันในกระทรวงพลังงานและบางส่วนของคลังอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้ว่าชาติไทยต้องการพัฒนาพลังงานไปในทิศทางไหนจึงดีจึงเหมาะ เพราะฉะนั้นอย่าได้บ่นพึมกันไปที่พลังงานทางเลือกเจอ “ตอ”
ด้านกิจสังคมของสุวิทย์ คุณกิตติ ไม่ต้องพูดถึง เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่กับความเงียบ และการตีกรรเชียงหายไปในคลื่นลมการเมือง ใครเขาทำอะไรกันที่ไหนไม่สนใจใคร่รู้ รู้อย่างเดียวคือที่ไหนมี “แพนด้า” ที่นั่นมี “สุวิทย์” ส่วนเรื่องทรัพยากรธรรมชาติสูญหาย สิ่งแวดล้อมจะสูญเสียไปเท่าไร อย่าไปสนใจใคร่รู้ รู้อย่างเดียวคือ “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” จนเป็นที่เลื่องลือไปเจ็ดคุ้งน้ำว่า หากประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อตัดสินโครงการอื้อฉาวเมื่อไร ไม่มีทางได้เห็นหัว “สุวิทย์” ที่ “หายหัว” เอาตัวรอดตลอดศก
นี่ยังไม่นับรัฐมนตรีหลายคนที่มาจากหลายก๊กในพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมทุกพรรค ต่างสาละวนกับการทำงานไป ประชาสัมพันธ์ผลงานตัวเองไป คนพวกนี้มองไกลไม่เกินหัวแม่โป้งตัวเอง และมักแย่งงานข้าราชการประจำไปทำ
เราจะเห็นคนพวกนี้ตามงานสัมมนาและตัดริบบิ้น ฮาเฮเก๋ไก๋ไร้สติปัญญาหาสาระไม่ได้
ดูๆ ไปคล้ายเมืองไทยกำลังถูก “ผีดูดเลือดเข้าสิง” เสียเป็นแน่แท้
เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปที่พรรคภูมิใจไทยกับอาการร้อนรนงอแง ที่จะต้องเอาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันให้จงได้แล้วเพลียใจกระเสือกกระสนจะเอากันให้ได้คล้ายกับว่า ถ้าไม่ได้กันในคราวนี้ เห็นทีต้องมีใครดิ้นลงแดงตายไปเป็นแน่แท้
ไม่แปลกใจเมื่อรัฐมนตรีทุกคนในพรรคเนวิน หน้ากระดานเรียงหนึ่งปกป้องโครงการนี้ดุจทารกในอุทรก็ไม่ปาน ยังไม่นับที่ก่อนหน้านี้จับมือกันสู้เพื่อเอาโครงการระบายสินค้าเกษตรของกระทรวงพาณิชย์นั่นอีก
อะไรมันจะร่วมใจไทยทำขนาดนี้หนอ
ตอนนี้ “คอการเมือง” เขาถกกันขรมว่า ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ยอมอ่อนข้อลงให้พรรคภูมิใจไทย อะไรจะเกิดขึ้นกับรัฐนาวาของ “อภิสิทธิ์”
วงพนันขันต่อเอาเขา “ยุบสภา” ถ้าขวางเนวิน
วงหวยล็อกที่สี่แยกคอกวัวเขาฟันธงว่า งานนี้หวยออกที่ “ชวรัตน์” นำทีมภูมิใจไทยกวาดเสียงการเลือกตั้งล้นหลาม นั่งแป้นเป็น “นายกฯ” คนต่อไป และมี “เนวิน” แสดงบทซูสีไทเฮาเป่านกหวีดหลังผ่านผ้าขาวม้าทอมือ...เชื่อไม่เชื่อคอยดูกันตอนต่อไปอย่าได้กะพริบตา
เพราะขณะนี้บรรดาเสือหิวและเสือโหยจากพรรคเพื่อไทยใกล้ตายเต็มที เตรียมหนีไปซบอกเนวินเป็นทิวแถว ความว่าท่อน้ำเลี้ยงดี เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากนายใหญ่แน่นิ่งไปไม่ “โฟนอิน” อีกเลยนับแต่วันเผาบ้านเผาเมืองในช่วง “สงกรานต์เลือด”
ข่าวลือจากวงการสีเขียวเกาง่ามขาแล้วย้ำหนักย้ำหนาว่า “มะเร็งขั้น 3 ที่ต่อมลูกหมาก” ไม่ใช่ข่าวลือ แต่เป็นเรื่องร้ายจะให้ใช้การได้ดีดังเดิมเห็นจะไม่ได้เสียแล้ว
งานนี้น้องนักร้องคนสวยเลยซวย ไม่ได้เรียกไปใช้งานเช็ดถูถึงดูไบหลายเพลาแล้ว ล่าสุดเห็นตัวเป็นๆ ควงแม่ไปโซ้ยข้าวต้มกลางดึกที่ร้านนิยม ย่านสีลม ท่าทางโทรมไม่เหลือเค้าเจ้าหญิงวงการเพลงเลย
แต่ในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดี เพราะเวลานี้เมียเก่าที่บ้านเกิดกลับไปครองรักกันกู้อีจู้ดู๋ดี๋เช่นที่ผ่านมา ความว่าสงสารจนน้ำตาไหลพราก คล้ายจะขาดเธอไม่ได้....ก็แหงล่ะ เงินทองกองใหญ่กว่า 7 หมื่นล้านกำลังจะลอยหายไปในอากาศ สู้อุตส่าห์ “หย่าการเมือง” เพื่อขอแบ่งสมบัติแล้วยังไม่สัมฤทธิผล หนนี้เลยต้องไปคุมถุงตังค์ด้วยตัวเอง เกรงว่า “พี่ผัวน้องผัวจะปอกลอก”
เมื่อเป็นเช่นนี้เห็นที “เนวิน –ชวรัตน์” จะฝันค้างกลางฤดูฝนเสียแล้ว
เมื่อกองทัพนักรบของหญิงอ้อ คลายห่อเหี่ยว ค่อยหายใจหายคอได้สะดวกหน่อย คราวนี้แม่ทัพหญิงตัวจริงเสียงดังลงมาบัญชาการรบด้วยตัวเอง หวังดับรัศมีเนวินที่ทุ่มไม่อั้น แต่นายหญิงใจถึงทุ่มมากกว่า
ผลคือ ข้าเก่าเฒ่าเลี้ยงไม่เชื่องกลับเข้าคอกได้ 40 ตัวในวินาทีสุดท้าย แต่ยังไม่ท้ายที่สุด เพราะสุดท้ายคนพวกนี้ไม่เห็นอะไรดีไปกว่า “เงิน”
แว่วว่า...งานนี้มีเสียงเล็ดลอดผ่านไรฟันว่า “ล้มไอ้คนอกตัญญู” ให้จงได้ สั่งเสร็จก็ไปทำบุญกับลูกชาย-หญิงทั้ง 3ให้เบิกบานใจไร้กรรมมาตามกวน
นี่เวลานี้ลูกสาว 1 ใน 2 กลับมาเรียนหนังสือที่เมืองไทยแล้วหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่พ่อมันก่อกรรมทำเข็ญไว้กับคนไทยมากมายเหลือคณานับ
โดยข่าวซุบซิบหัวเขียวลงว่า หล่อนมาพร้อมเพื่อนร่วมห้อง ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอันจะกินที่มาจากตระกูลศักดินาซึ่งเคยเรียกตัวเองว่า ผู้ดี และจงรักภักดี
คนพวกนี้อกตัญญูต่อสายเลือด และบ้านเมืองเสียจริงๆ เทียว มีอย่างที่ไหนใครเขาทำกัน เมื่อเห็นลูกของศัตรูแห่งแผ่นดิน แทนที่จะคว่ำบาตรให้เข็ดหลาบเหมือนที่บ้านอื่นเมืองอื่นที่เจริญแล้วเขาทำกัน แต่นี่ดันผ่าวิ่งกรูกันเข้าไปเคล้าแข้งเคล้าขา ประจบประแจงสอพลอ
ชั้นลูกชั้นหลานของศักดินา และมหาเศรษฐีพวกนี้ไร้ยางอาย ไม่นึกถึงเกียรติยศวงศ์ตระกูล และชาติบ้านเมืองเอาเสียเลย กลับเห็นแก่ “เงิน” มากกว่า “สายเลือด” และ “แผ่นดิน”
สมแล้วที่โดนพ่อมันดูถูกว่า ศักดินาล้าหลัง ถึงขั้นจุดม็อบจะล้มเมือง
ช่างหัวมัน...ใครไม่รักชาติ เรารักของเราก็แล้วกัน มาดูปัญหาบ้านเมืองกันต่อดีกว่า
บ้านเมืองกำลังวุ่นวายทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาจริยธรรมนักการเมืองกับศักดิ์ศรีข้าราชการไทยถดถอย ผนวกกับปัญหาการรับรู้และความชาตินิยมของชนในชาติ อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ “น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว”
เพราะความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก
ภาพชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่กราดยิงเข้าไปในมัสยิดที่อำเภอเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้พี่น้องมุสลิมที่กำลังทำพิธีละหมาด ตายทันที 11 ศพ และบาดเจ็บอีกนับสิบคน
เป็นภาพความหดหู่เหลือที่จะกล่าว...แล้วจะมีนักการเมืองหน้าไหนในรัฐบาลรู้ร้อน รู้หนาว กับพี่น้องของเราในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ล้มตายกันโครมๆ บ้างไหม นี่ยังไม่นับพี่น้องตำรวจและทหารของเราอีกนะ
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนภาพประชาชนทั่วทุกภูมิภาคต่างตกเป็นเหยื่อความรุนแรงจากอาวุธสงครามได้เท่าเทียมกัน
ห่ากระสุนในมัสยิดที่เจาะไอร้องบอกอะไรกับเราได้ดี ว่านับแต่นี้ไปคนไทยจะหาความสุขเป็นรูปธรรมไม่ได้เลยจากนักการเมืองสารเลวที่กำลังกอบโกยโกงกินอย่างเมามัน
เราจะแสวงหาความสงบไม่ได้เลยจากการวางเฉยของตำรวจ ทหาร ผู้ใหญ่ที่อ่อนแอ และเอาแต่ไปทำหน้าที่รองมือรองตีนให้กับนักการเมืองเฮงซวย เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน
เราจะหาความสันติไม่ได้เลย จากข้าราชการเผ่าพันธุ์สุนัขรับใช้ที่ไม่อินังขังขอบกับความเป็นความตายของชาติบ้านเมือง
และเราจะหาบ้านเมืองที่ดีไม่ได้เลย จากกลุ่มนักธุรกิจจอมละโมบ และ นักวิชาการขี้ขลาด โหยหิว
แต่ที่สุดของปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ กลับไปตกอยู่ที่การนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น การเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ การไม่ใส่ใจในความเป็นไปของบ้านเมือง ความเห็นแก่ตัว ความขลาดกลัวอย่างโง่เขลาของ “ประชาชน” กับชนชั้น “ปัญญาชน” และ “เยาวชน”
เมื่อใดก็ตามที่ “คน” ในชาติไม่รู้จักแยกแยะผิด-ถูก ชอบ-ชั่ว-ดี และไม่มีความรับผิดชอบร่วมกันแล้วไซร้
รอไปเถอะ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ โน่นแน่ะ เมืองไทยจะหลุดพ้นบ่วงกรรมปัญหา
ถ้าวันนี้ไม่ร่วมมือกันกอบกู้จริยธรรม และความยุติธรรมขึ้นมาแล้ว ไม่มีวันที่จะได้เห็น “ไทยเจริญ”
เลือกเอา จะร่วมมือกันทำ หรือนั่งรอมันย่ำยีจนเรากระอักเลือดตายไปเอง
Do or Die ถึงเวลาประชาชน “ลุกขึ้นสู้” แล้วหรือยัง
ไล่กันตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ยังมะงุมมะงาหราไปไม่ถึงไหน แม้พ.ร.ก.การกู้เงิน 4 แสนล้านบาทที่ดูเหมือนจะสามารถจบลงได้ด้วยดี แต่ก็น่าจะหืดขึ้นคอทีเดียว กับสารพัดเกมการต่อรองของนักการเมืองสารเลว ที่ถือเอาอำนาจของประชาชนไปแสวงหาผลประโยชน์มาใส่ตัว
เวลานี้ตัวเลขคนว่างงานสูงขึ้น และธุรกิจเอสเอ็มอี ล้มระเนนระนาดไม่เป็นชิ้นดี!!!
ภาคธนาคารเริ่มตระหนี่กับการกู้ยืมเงิน วงจรปัญหาเริ่มรัดตัว และผู้คนเริ่มหัวหมุนติ้วกับการหมุนเงินอย่างบ้าคลั่ง!!!
เมื่อรากหญ้าไม่มีจะกิน
คนชั้นกลางตกอยู่ในภาวะเคว้งคว้าง
คนชั้นบนที่ฟุ้งเฟ้อ ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน
ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำอันเป็นผลพวงมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกยังไม่เลวร้ายมากนัก เมื่อเทียบกับปัญหาการเมืองภายในประเทศ
เรื่องของเรื่องต้องโทษ “บิ๊กสีเขียว” ที่แก้ผ้าเอาตัวรอดด้วยการจับมือพรรคประชาธิปัตย์ให้กล้ำกลืนฝืนใจ “สมสู่” กับพรรคร่วมรัฐบาลห่วยแตกด้านจริยธรรมแบบนี้
อีหรอบนี้...มีหรือจะบริหารบ้านเมืองได้สะดวกโยธิน
ยิ่งมีพรรคฝ่ายค้านเป็นฝ่ายแค้นอย่าง “เพื่อไทย” ด้วยแล้ว....อย่าได้คิด จะนอนตาหลับหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือ อีกไม่ช้าไม่นานคงได้เห็นไม่ใครก็ใคร ต้องเอาเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากแทนมือแน่นอน ลองได้ปล่อยนักการเมืองจัญไรเหิมเกริมได้ถึงขนาดนี้
ดูไปที่พรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างภูมิใจไทย ที่ยกโขยงกันมาจากพรรคเพื่อไทยภายใต้การคัดท้ายของ “เนวิน” สิ แค่เห็นหน้าค่าตาก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า อะไรจะเกิดขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย
แน่นอนโครงการสารพัดพิษเริ่มก่อร่างสร้างตัว และถูกยัดเยียดให้กับสังคมไทยชนิดที่ใครเห็น ใครก็ต้องร้อง “ไอ้หยา” ตามมาด้วย “ซี้เลี้ยว”
จะไม่ให้ร้องเสียงหลงว่า “ฉิบหายตายห่า” ได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่ตั้งรัฐบาลขึ้นมา ไม่มีโครงการอะไรเลยที่พรรคร่วมนำเสนอแล้วจะไม่ถูกชาวบ้านชาวช่องวิพากษ์วิจารณ์ว่า “จะแดกกันอีกแล้วหรือนี่” โดยเฉพาะโครงการทุเรศทุรังจากพรรคภูมิใจไทย เด็ก 4 ขวบเห็นแล้วยังร้องไห้จ้าแม่จ๋าช่วยด้วยเลย นับประสาอะไรกับคนอย่างเราๆ ที่ไม่ได้กินหญ้าแทนข้าว
ลองมาไล่กันดูตั้งแต่โครงการระบายสินค้าเกษตรในสต๊อกของรัฐบาลที่รับซื้อมาเพื่อพยุงราคาให้กับเกษตรกร พอประกาศประมูลโครมเดียว ส่อเค้าส่งกลิ่นโชยเหม็นกึก จนที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติตีกลับไปทบทวน และนายกฯ อภิสิทธิ์ต้องส่งกระบี่คู่กายอย่าง “กอร์ปศักดิ์” และ “สุเทพ” มาตรวจตรา จน “สมศักดิ์” ร้อนก้นจนต้องออกโรงมาตัดพ้อว่าประชาธิปัตย์ไม่มีผลงานดีแต่ “ดักจับโครงการเพื่อน”
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่...โดยไม่จำเป็นต้องชอบไก่ชนอย่างพวกเทพสุทิน
หนักเข้า...ก็เล่นเอาคนไทยตาเหลือก เมื่อ “ขาใหญ่” จากพรรคร่วมรัฐบาล “จะเอา” โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ให้ได้
เมื่อนายกฯ อภิสิทธิ์ติดเบรก โยนให้คณะกรรมการสภาพัฒน์พิจารณาจาก “เช่า” เป็น “ซื้อ” เท่านั้นละ “เนวิน” ก็เดือดเต้นผาง เร่งฟืนเร่งไฟ ขึ้นป้ายบิลบอร์ดไปทั่ว 4 มุมเมืองด้วยงบประมาณหลายล้านบาทที่อ้างว่า ส่วนหนึ่งมาจากพรรคภูมิใจไทย และอีกส่วนหนึ่งมาจาก “องค์การขนส่งมวลชนประเทศไทย” ที่ผู้อำนวยการลาป่วยยังไม่ยอมกลับมาทำงาน โดยทิ้งองค์กรที่เต็มไปด้วยหนี้สินบานเบิกให้ตกอยู่ภายใต้การทำงานของ “ปิยะพันธ์ จำปาสุต” ประธานกรรมการบริหาร ที่กำลังสู้สิบทิศเพื่อรถเมล์เอ็นจีวี
เชื่อสิ...งานนี้ต้องมีใคร “ได้” ไปบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อยละว้า ไม่งั้นไม่พล่านกันขนาดนี้แน่
ในเมื่อนายกฯ บอกต้อง “ซื้อ” แต่เด็กเนวินสวนกลับบอกต้อง “เช่า”
เอากะมันสิ!!! ให้รู้เสียบ้างว่าใครใหญ่...งานนี้ใครไม่เกี่ยวถอยไป งวดนี้มีตายเลือดสาด!!!
เมื่อช้างสารชนกันอย่างนี้ พวกบรรดาพรรคเล็กพรรคน้อยไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ทำอะไรกันอยู่ชาวบ้านเขาอยากรู้?
พรรคเพื่อแผ่นดินก็ท่าจะมีความเป็นอยู่ดี เห็น “เงียบเชียบเรียบร้อย” ไม่มีเสียงเล็ดลอดอยู่ในกระทรวงไอซีที และอุตสาหกรรม กับบางส่วนของกระทรวงการคลัง
เห็นแต่นายทุนของแกนนำพรรคนี้ยกโขยงไปเป็น “บอร์ด” ที่โน่นที่นี่กันคับคั่ง ยังกับผึ้งแตกรังก็ไม่ปาน ระริกระรี้ยิ่งกว่ากระดี่ได้น้ำเสียอีก...สาธุชนพึงสดับ ไม่ใช่นายทุนเข้าไปไม่ได้ เข้าได้แต่ไม่ดี คนดีๆ มียางอายเขาไม่ทำกัน
มองไปที่แผนชาติไทยพัฒนา นั่นก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับงบประมาณการท่องเที่ยว เห็นอย่างนี้ๆ เถอะ “คน” ของเสือเตี้ยเมืองสุพรรณ กระจายกันออกไปแผ่ไพศาลทั่วทุกขุมขน รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่พรรคนี้เขาจองทุกรัฐบาลไป
ส่วนรวมใจไทยชาติพัฒนา ก็ไร้บทบาทขาดวิสัยทัศน์นั่งทำงานวันต่อวันในกระทรวงพลังงานและบางส่วนของคลังอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้ว่าชาติไทยต้องการพัฒนาพลังงานไปในทิศทางไหนจึงดีจึงเหมาะ เพราะฉะนั้นอย่าได้บ่นพึมกันไปที่พลังงานทางเลือกเจอ “ตอ”
ด้านกิจสังคมของสุวิทย์ คุณกิตติ ไม่ต้องพูดถึง เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่กับความเงียบ และการตีกรรเชียงหายไปในคลื่นลมการเมือง ใครเขาทำอะไรกันที่ไหนไม่สนใจใคร่รู้ รู้อย่างเดียวคือที่ไหนมี “แพนด้า” ที่นั่นมี “สุวิทย์” ส่วนเรื่องทรัพยากรธรรมชาติสูญหาย สิ่งแวดล้อมจะสูญเสียไปเท่าไร อย่าไปสนใจใคร่รู้ รู้อย่างเดียวคือ “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” จนเป็นที่เลื่องลือไปเจ็ดคุ้งน้ำว่า หากประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อตัดสินโครงการอื้อฉาวเมื่อไร ไม่มีทางได้เห็นหัว “สุวิทย์” ที่ “หายหัว” เอาตัวรอดตลอดศก
นี่ยังไม่นับรัฐมนตรีหลายคนที่มาจากหลายก๊กในพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมทุกพรรค ต่างสาละวนกับการทำงานไป ประชาสัมพันธ์ผลงานตัวเองไป คนพวกนี้มองไกลไม่เกินหัวแม่โป้งตัวเอง และมักแย่งงานข้าราชการประจำไปทำ
เราจะเห็นคนพวกนี้ตามงานสัมมนาและตัดริบบิ้น ฮาเฮเก๋ไก๋ไร้สติปัญญาหาสาระไม่ได้
ดูๆ ไปคล้ายเมืองไทยกำลังถูก “ผีดูดเลือดเข้าสิง” เสียเป็นแน่แท้
เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปที่พรรคภูมิใจไทยกับอาการร้อนรนงอแง ที่จะต้องเอาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันให้จงได้แล้วเพลียใจกระเสือกกระสนจะเอากันให้ได้คล้ายกับว่า ถ้าไม่ได้กันในคราวนี้ เห็นทีต้องมีใครดิ้นลงแดงตายไปเป็นแน่แท้
ไม่แปลกใจเมื่อรัฐมนตรีทุกคนในพรรคเนวิน หน้ากระดานเรียงหนึ่งปกป้องโครงการนี้ดุจทารกในอุทรก็ไม่ปาน ยังไม่นับที่ก่อนหน้านี้จับมือกันสู้เพื่อเอาโครงการระบายสินค้าเกษตรของกระทรวงพาณิชย์นั่นอีก
อะไรมันจะร่วมใจไทยทำขนาดนี้หนอ
ตอนนี้ “คอการเมือง” เขาถกกันขรมว่า ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ยอมอ่อนข้อลงให้พรรคภูมิใจไทย อะไรจะเกิดขึ้นกับรัฐนาวาของ “อภิสิทธิ์”
วงพนันขันต่อเอาเขา “ยุบสภา” ถ้าขวางเนวิน
วงหวยล็อกที่สี่แยกคอกวัวเขาฟันธงว่า งานนี้หวยออกที่ “ชวรัตน์” นำทีมภูมิใจไทยกวาดเสียงการเลือกตั้งล้นหลาม นั่งแป้นเป็น “นายกฯ” คนต่อไป และมี “เนวิน” แสดงบทซูสีไทเฮาเป่านกหวีดหลังผ่านผ้าขาวม้าทอมือ...เชื่อไม่เชื่อคอยดูกันตอนต่อไปอย่าได้กะพริบตา
เพราะขณะนี้บรรดาเสือหิวและเสือโหยจากพรรคเพื่อไทยใกล้ตายเต็มที เตรียมหนีไปซบอกเนวินเป็นทิวแถว ความว่าท่อน้ำเลี้ยงดี เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากนายใหญ่แน่นิ่งไปไม่ “โฟนอิน” อีกเลยนับแต่วันเผาบ้านเผาเมืองในช่วง “สงกรานต์เลือด”
ข่าวลือจากวงการสีเขียวเกาง่ามขาแล้วย้ำหนักย้ำหนาว่า “มะเร็งขั้น 3 ที่ต่อมลูกหมาก” ไม่ใช่ข่าวลือ แต่เป็นเรื่องร้ายจะให้ใช้การได้ดีดังเดิมเห็นจะไม่ได้เสียแล้ว
งานนี้น้องนักร้องคนสวยเลยซวย ไม่ได้เรียกไปใช้งานเช็ดถูถึงดูไบหลายเพลาแล้ว ล่าสุดเห็นตัวเป็นๆ ควงแม่ไปโซ้ยข้าวต้มกลางดึกที่ร้านนิยม ย่านสีลม ท่าทางโทรมไม่เหลือเค้าเจ้าหญิงวงการเพลงเลย
แต่ในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดี เพราะเวลานี้เมียเก่าที่บ้านเกิดกลับไปครองรักกันกู้อีจู้ดู๋ดี๋เช่นที่ผ่านมา ความว่าสงสารจนน้ำตาไหลพราก คล้ายจะขาดเธอไม่ได้....ก็แหงล่ะ เงินทองกองใหญ่กว่า 7 หมื่นล้านกำลังจะลอยหายไปในอากาศ สู้อุตส่าห์ “หย่าการเมือง” เพื่อขอแบ่งสมบัติแล้วยังไม่สัมฤทธิผล หนนี้เลยต้องไปคุมถุงตังค์ด้วยตัวเอง เกรงว่า “พี่ผัวน้องผัวจะปอกลอก”
เมื่อเป็นเช่นนี้เห็นที “เนวิน –ชวรัตน์” จะฝันค้างกลางฤดูฝนเสียแล้ว
เมื่อกองทัพนักรบของหญิงอ้อ คลายห่อเหี่ยว ค่อยหายใจหายคอได้สะดวกหน่อย คราวนี้แม่ทัพหญิงตัวจริงเสียงดังลงมาบัญชาการรบด้วยตัวเอง หวังดับรัศมีเนวินที่ทุ่มไม่อั้น แต่นายหญิงใจถึงทุ่มมากกว่า
ผลคือ ข้าเก่าเฒ่าเลี้ยงไม่เชื่องกลับเข้าคอกได้ 40 ตัวในวินาทีสุดท้าย แต่ยังไม่ท้ายที่สุด เพราะสุดท้ายคนพวกนี้ไม่เห็นอะไรดีไปกว่า “เงิน”
แว่วว่า...งานนี้มีเสียงเล็ดลอดผ่านไรฟันว่า “ล้มไอ้คนอกตัญญู” ให้จงได้ สั่งเสร็จก็ไปทำบุญกับลูกชาย-หญิงทั้ง 3ให้เบิกบานใจไร้กรรมมาตามกวน
นี่เวลานี้ลูกสาว 1 ใน 2 กลับมาเรียนหนังสือที่เมืองไทยแล้วหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่พ่อมันก่อกรรมทำเข็ญไว้กับคนไทยมากมายเหลือคณานับ
โดยข่าวซุบซิบหัวเขียวลงว่า หล่อนมาพร้อมเพื่อนร่วมห้อง ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอันจะกินที่มาจากตระกูลศักดินาซึ่งเคยเรียกตัวเองว่า ผู้ดี และจงรักภักดี
คนพวกนี้อกตัญญูต่อสายเลือด และบ้านเมืองเสียจริงๆ เทียว มีอย่างที่ไหนใครเขาทำกัน เมื่อเห็นลูกของศัตรูแห่งแผ่นดิน แทนที่จะคว่ำบาตรให้เข็ดหลาบเหมือนที่บ้านอื่นเมืองอื่นที่เจริญแล้วเขาทำกัน แต่นี่ดันผ่าวิ่งกรูกันเข้าไปเคล้าแข้งเคล้าขา ประจบประแจงสอพลอ
ชั้นลูกชั้นหลานของศักดินา และมหาเศรษฐีพวกนี้ไร้ยางอาย ไม่นึกถึงเกียรติยศวงศ์ตระกูล และชาติบ้านเมืองเอาเสียเลย กลับเห็นแก่ “เงิน” มากกว่า “สายเลือด” และ “แผ่นดิน”
สมแล้วที่โดนพ่อมันดูถูกว่า ศักดินาล้าหลัง ถึงขั้นจุดม็อบจะล้มเมือง
ช่างหัวมัน...ใครไม่รักชาติ เรารักของเราก็แล้วกัน มาดูปัญหาบ้านเมืองกันต่อดีกว่า
บ้านเมืองกำลังวุ่นวายทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาจริยธรรมนักการเมืองกับศักดิ์ศรีข้าราชการไทยถดถอย ผนวกกับปัญหาการรับรู้และความชาตินิยมของชนในชาติ อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ “น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว”
เพราะความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก
ภาพชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่กราดยิงเข้าไปในมัสยิดที่อำเภอเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้พี่น้องมุสลิมที่กำลังทำพิธีละหมาด ตายทันที 11 ศพ และบาดเจ็บอีกนับสิบคน
เป็นภาพความหดหู่เหลือที่จะกล่าว...แล้วจะมีนักการเมืองหน้าไหนในรัฐบาลรู้ร้อน รู้หนาว กับพี่น้องของเราในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ล้มตายกันโครมๆ บ้างไหม นี่ยังไม่นับพี่น้องตำรวจและทหารของเราอีกนะ
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนภาพประชาชนทั่วทุกภูมิภาคต่างตกเป็นเหยื่อความรุนแรงจากอาวุธสงครามได้เท่าเทียมกัน
ห่ากระสุนในมัสยิดที่เจาะไอร้องบอกอะไรกับเราได้ดี ว่านับแต่นี้ไปคนไทยจะหาความสุขเป็นรูปธรรมไม่ได้เลยจากนักการเมืองสารเลวที่กำลังกอบโกยโกงกินอย่างเมามัน
เราจะแสวงหาความสงบไม่ได้เลยจากการวางเฉยของตำรวจ ทหาร ผู้ใหญ่ที่อ่อนแอ และเอาแต่ไปทำหน้าที่รองมือรองตีนให้กับนักการเมืองเฮงซวย เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน
เราจะหาความสันติไม่ได้เลย จากข้าราชการเผ่าพันธุ์สุนัขรับใช้ที่ไม่อินังขังขอบกับความเป็นความตายของชาติบ้านเมือง
และเราจะหาบ้านเมืองที่ดีไม่ได้เลย จากกลุ่มนักธุรกิจจอมละโมบ และ นักวิชาการขี้ขลาด โหยหิว
แต่ที่สุดของปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ กลับไปตกอยู่ที่การนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น การเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ การไม่ใส่ใจในความเป็นไปของบ้านเมือง ความเห็นแก่ตัว ความขลาดกลัวอย่างโง่เขลาของ “ประชาชน” กับชนชั้น “ปัญญาชน” และ “เยาวชน”
เมื่อใดก็ตามที่ “คน” ในชาติไม่รู้จักแยกแยะผิด-ถูก ชอบ-ชั่ว-ดี และไม่มีความรับผิดชอบร่วมกันแล้วไซร้
รอไปเถอะ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ โน่นแน่ะ เมืองไทยจะหลุดพ้นบ่วงกรรมปัญหา
ถ้าวันนี้ไม่ร่วมมือกันกอบกู้จริยธรรม และความยุติธรรมขึ้นมาแล้ว ไม่มีวันที่จะได้เห็น “ไทยเจริญ”
เลือกเอา จะร่วมมือกันทำ หรือนั่งรอมันย่ำยีจนเรากระอักเลือดตายไปเอง
Do or Die ถึงเวลาประชาชน “ลุกขึ้นสู้” แล้วหรือยัง