นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มเสื้อแดง เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวดพระมหากษัตริย์ ว่า เรื่องนี้เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นมาภายหลังเมื่อไม่กี่วันนี้เอง หากถามว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับหมอเหวง นั้น หมวดพระมหากษัตริย์ เขาไม่ได้แตะเลย ทำไมจู่ๆวันนี้ถึงจะมาเสนอแก้ไข หรือต้องการพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี คำถามคือต้องการโจมตีไปที่ พล.อ.เปรมคนเดียวหรือเปล่า หรือมีอะไรลึกกว่านั้น ต้องถามว่าทำไมคิดเรื่องอะไรแบบนี้ หรือทำให้คนเชื่อใจว่าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีแนวคิดที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนคนรอบข้างของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่กำลังพูดกันในต่างประเทศ วันนี้หากพ.ต.ท.ทักษิณ สั่งให้คนเสื้อแดงหยุด พวกนี้ก็หยุด เขาคนเดียวสั่งได้หมดในกลุ่มคนเสื้อแดง
นายศุภชัย กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองจากนี้ไปหลังจากที่ ตท.10 เข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อไทย การเคลื่อนไหวจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง อาจจะรุก แรง เพื่อต้องการปิดเกมเร็ว เพื่อที่จะได้กลับมาได้เงินกว่า 7.6 หมื่นล้านบาทคืน หลังจากที่ใช้เสื้อแดงมาไม่ได้ผล วันนี้เขาคิดว่าจะทำอย่างไรที่ใช้เงินน้อย และมีประสิทธิภาพ เพราะที่ผ่านมาใช้เงินเยอะได้ผลน้อย
**"ไอ้ตู่"เหิมตีตนเสมอ"ป๋า-มาร์ค"
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ในการประชุมสภาวันนี้ ตนจะตั้งกระทู้ถามสด กรณีการแจ้งความดำเนินคดีต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในการพาดพิงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ว่าในการเข้าพรรคเพื่อไทยต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนทรยศชาติ ซึ่งแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ จ.นนทบุรี โดยให้นายกฯตอบกระทู้ดังกล่าว ถึงคีดความว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน ซึ่งกระทู้นี้ตนจะเพิ่มประเด็นเรื่องการสอบถามถึงความคืบหน้าต่อการดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และบุคคลสำคัญ ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า นายกฯจะต้องตอบคำถามในกรณีดังกล่าว อาทิ การไม่นำทหาร ตำรวจ ที่ได้รับพระราชทานยศชั้นนายพล เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และไปปาฐกถาที่ตลาดหลักทรัพย์ จนมีการแจ้งดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และการใช้เอกสารเท็จสมัครเข้าเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) ที่มีการแจ้งคดีไว้ที่กองปราบปราม กระทรวงกลาโหม และคณะกรรมการป.ป.ช. ว่าใช้เอกสารเท็จ ก็จะมีการนำไปสู่การปลดออก การถอดยศ และพ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้งนี้ ยังได้มีการแจ้งความต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในกรณีการบุกรุกป่าสงวนเขายายเที่ยง ด้วย
"นายอภิสิทธิ์ มีฐานะเท่ากับผมตามกฎหมาย พล.อ.เปรม ก็มีสิทธิ์เท่ากับผมตามกฎหมาย กฎหมายไม่ได้เว้นพล.อ.เปรม และนายอภิสิทธิ์ จึงต้องถามความคืบหน้าในการดำเนินคดี" นายจตุพรกล่าว
**ห้าม"ไอ้ตู่"กระทู้พาดพิง"ป๋า"
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่นายจตุพร ได้ตั้งกระทู้สดถึงนายกฯ เรื่องของพล.อ.เปรม จนส่งผลให้สภาฯเกิดความวุ่นวายว่า บังเอิญวันนั้นตนไม่อยู่ เนื่องจากต้องเดินทางไปรดน้ำศพ นายวินัย เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์
อย่างไรก็ตาม ถ้านายจตุพร ยังยืนยันจะยื่นกระทู้เรื่องดังกล่าวให้นายกฯ ตอบอีกครั้งในสัปดาห์นี้ เป็นการผิดข้อบังคับ143 ก็บรรจุไม่ได้ และตนยังไม่เห็นเนื้อหา จึงไม่ได้ดูว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร แต่ถ้ามีการพาดพิงพล.อ.เปรมอีก ประธานก็มีสิทธิที่จะทักท้วงและระงับการตั้งกระทู้ถามได้เพื่อความสงบเรียบร้อยของการประชุมสภาฯ
นอกจากนี้ หากมีการนำเรื่องของบุคคลภายนอกมาโจมตีในสภาฯ ก็คงอนุมัติไม่ได้ เพราะเป็นกรณีส่วนบุคคล ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล ต้องไปพูดกันข้างนอก เพราะกระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้ว ตำรวจก็มี อัยการ และศาลก็มี ส่วนสภาฯนั้นมีหน้าที่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นของประชาชน และความเดือดร้อนของประชาชน แก้กฎหมาย เสนอกฎมหายเป็นเรื่องของสภาฯ
นายศุภชัย กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองจากนี้ไปหลังจากที่ ตท.10 เข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อไทย การเคลื่อนไหวจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง อาจจะรุก แรง เพื่อต้องการปิดเกมเร็ว เพื่อที่จะได้กลับมาได้เงินกว่า 7.6 หมื่นล้านบาทคืน หลังจากที่ใช้เสื้อแดงมาไม่ได้ผล วันนี้เขาคิดว่าจะทำอย่างไรที่ใช้เงินน้อย และมีประสิทธิภาพ เพราะที่ผ่านมาใช้เงินเยอะได้ผลน้อย
**"ไอ้ตู่"เหิมตีตนเสมอ"ป๋า-มาร์ค"
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ในการประชุมสภาวันนี้ ตนจะตั้งกระทู้ถามสด กรณีการแจ้งความดำเนินคดีต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในการพาดพิงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ว่าในการเข้าพรรคเพื่อไทยต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนทรยศชาติ ซึ่งแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ จ.นนทบุรี โดยให้นายกฯตอบกระทู้ดังกล่าว ถึงคีดความว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน ซึ่งกระทู้นี้ตนจะเพิ่มประเด็นเรื่องการสอบถามถึงความคืบหน้าต่อการดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และบุคคลสำคัญ ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า นายกฯจะต้องตอบคำถามในกรณีดังกล่าว อาทิ การไม่นำทหาร ตำรวจ ที่ได้รับพระราชทานยศชั้นนายพล เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และไปปาฐกถาที่ตลาดหลักทรัพย์ จนมีการแจ้งดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และการใช้เอกสารเท็จสมัครเข้าเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) ที่มีการแจ้งคดีไว้ที่กองปราบปราม กระทรวงกลาโหม และคณะกรรมการป.ป.ช. ว่าใช้เอกสารเท็จ ก็จะมีการนำไปสู่การปลดออก การถอดยศ และพ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้งนี้ ยังได้มีการแจ้งความต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในกรณีการบุกรุกป่าสงวนเขายายเที่ยง ด้วย
"นายอภิสิทธิ์ มีฐานะเท่ากับผมตามกฎหมาย พล.อ.เปรม ก็มีสิทธิ์เท่ากับผมตามกฎหมาย กฎหมายไม่ได้เว้นพล.อ.เปรม และนายอภิสิทธิ์ จึงต้องถามความคืบหน้าในการดำเนินคดี" นายจตุพรกล่าว
**ห้าม"ไอ้ตู่"กระทู้พาดพิง"ป๋า"
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่นายจตุพร ได้ตั้งกระทู้สดถึงนายกฯ เรื่องของพล.อ.เปรม จนส่งผลให้สภาฯเกิดความวุ่นวายว่า บังเอิญวันนั้นตนไม่อยู่ เนื่องจากต้องเดินทางไปรดน้ำศพ นายวินัย เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์
อย่างไรก็ตาม ถ้านายจตุพร ยังยืนยันจะยื่นกระทู้เรื่องดังกล่าวให้นายกฯ ตอบอีกครั้งในสัปดาห์นี้ เป็นการผิดข้อบังคับ143 ก็บรรจุไม่ได้ และตนยังไม่เห็นเนื้อหา จึงไม่ได้ดูว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร แต่ถ้ามีการพาดพิงพล.อ.เปรมอีก ประธานก็มีสิทธิที่จะทักท้วงและระงับการตั้งกระทู้ถามได้เพื่อความสงบเรียบร้อยของการประชุมสภาฯ
นอกจากนี้ หากมีการนำเรื่องของบุคคลภายนอกมาโจมตีในสภาฯ ก็คงอนุมัติไม่ได้ เพราะเป็นกรณีส่วนบุคคล ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล ต้องไปพูดกันข้างนอก เพราะกระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้ว ตำรวจก็มี อัยการ และศาลก็มี ส่วนสภาฯนั้นมีหน้าที่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นของประชาชน และความเดือดร้อนของประชาชน แก้กฎหมาย เสนอกฎมหายเป็นเรื่องของสภาฯ