สภาป่วนเจอ ส.ส.ปชป.ผนึกกำลังขวาง กระทู้อัดป๋า หวิดวางมวยเงื้อง้าท้าตีท้าต่อยกันวุ่นวาย “สามารถ” ถือหางไอ้ตู่ แต่สู้แรงต้าน ปชป.ไม่ไหว สั่งปิดประชุมเผ่นหนีไปโลด เจ้าหน้าที่สภาเปิดเพลง “รักกันไว้เถิด” ประชด ด้าน “ปธ.ส.ส.ปชป.” หาช่องถีบพ้นเก้าอี้รองปธ.สภา จี้ ส.ส.ร่วมกดดัน
วันนี้ (22 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะเริ่มกระทู้ถามสดของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เรื่อง การแทรกแซงกระบวนการประชาธิปไตย ถามนายกรัฐมนตรี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ต่างลุกขึ้นประท้วง ว่า กระทู้ดังกล่าวไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ อาทิ นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.ทักท้วงว่า กระทู้ไม่เข้าข่ายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล แม้จะเปลี่ยนชื่อกระทู้ แต่เนื้อหายังเหมือนเดิมที่จะมีการพาดพิงถึงคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์ของบุคคลสองคนที่มีถึงกัน หากพรรคไทยรักไทย หรือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้รับความเสียหายจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.เปรม ก็สามารถใช้กระบวนการยุติธรรมฟ้องร้องได้ มิใช่ลากเข้ามาถามในที่ประชุมสภา จึงอยากให้มีมาตรฐานในการพิจารณากระทู้ถามสดด้วย
แต่ นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมและในฐานะประธานในการพิจารณากระทู้ถามสด ชี้แจงว่า หากผู้ตั้งกระทู้ถามพูดจาในลักษณะต้องห้ามตนก็จะไม่เปิดโอกาสให้มีการอภิปราย แต่ทั้งนี้ ตนได้วินิจฉัยไปแล้วว่าสามารถตั้งกระทู้ถามในเรื่องดังกล่าวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชี้แจงของ นายสามารถ ยิ่งทำให้ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์หลายคนไม่พอใจ พากันลุกขึ้นประท้วงจนเกิดความวุ่นวาย ขึ้นในสภา แต่ นายสามารถ ยังคงวินิจฉัยให้นายจตุพร กระทู้ถามโดยอ้างว่าพรรคการเมืองถือเป็นส่วนหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีการกล่าวพาดพิงถึงสถาบันการเมือง ถือว่าเป็นสิทธิ์ของสมาชิกที่จะซักถาม โดยตนจะควบคุมให้เป็นไปตามข้อบงคับเอง และในเมื่อผู้ถามยังไม่ทันได้ถาม หากมีช่วงที่พาดพิงหรือกล่าวหาคนอื่นตนก็จะห้ามพูด หรือไม่ก็สั่งปิดกระทู้ไปเลย จึงควรให้เจ้าของกระทู้ได้พูดก่อนที่จะทักท้วง
แต่พอ นายจตุพร เริ่มเกริ่นถาม เหล่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ต่างพากันตะโกนประท้วง พร้อมส่งเสียงโห่ฮากันอย่างชุลมุนวุ่นวาย แทรกกับเสียงนายจตุพรตลอดเวลา โดย นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงว่า จำได้ว่า มารดาของนายจตุพรเคยบอกว่าไม่ให้พูดพาดพิงไปให้ประธานองคมนตรี เหตุใดนายจตุพรจึงไม่เชื่อฟังมารดาบ้าง ขณะที่ก่อนที่ประชุมจะเกิดความวุ่นวาย นายสามารถ ได้สั่งพักการประชุมเป็นเวลา 10 นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยในระหว่างนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้ามายังห้องประชุมสภา เพื่อหารือกับ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ตอบกระทู้ครั้งนี้ ส่วนวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านได้แยกกลุ่มเพื่อหารือกัน ขณะที่ข้าราชการสภา ได้เชิญ นายจตุพร และ นายธนิตพล ไชยนันทน์ ส.ส.ตาก วิปรัฐบาล ได้เข้าไปร่วมหารือร่วมกับนายสามารถ ด้านหลังบัลลังก์ประธานที่ประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของวิปฝ่ายค้านได้แสดงความไม่พอใจอย่างมาก โดย นางนฤมล ธารดำรงค์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ถึงกับกล่าวว่า ทำแบบนี้เหมือนเป็นการตัดเวลาถ่ายทอดสด เพื่อไม่ให้ประชาชนรับทราบ ขณะที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล กล่าวว่า หากเป็นแบบนี้ให้มันรู้กันไปเลยว่ารัฐบาลมีเจตนาอย่างไร
ต่อมาประธานได้เปิดประชุมอีกครั้ง นายสามารถ ได้เปิดโอกาสให้ นายจตุพร ได้ชี้แจงกรณีที่ถูกพาดพิง แต่ นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งจนทำให้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจพร้อมส่งเสียงโห่ฮา ขณะที่ นายจตุพร ได้หันหน้าไปพูดกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า มารดาของตนไม่เคยพูดอย่างนี้ และไม่ควรจะด่าพ่อล่อแม่กันกลางสภา ถือเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง ถ้าจะเล่นกันอย่างนี้ตนก็มีข้อมูลเหมือนกัน
ทำให้ นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประธิปัตย์ ลุกขึ้นกล่าวสวนว่า นายจตุพรควรลุกขึ้นพูดและหันหน้าไปทางประธานที่ประชุม มิใช่หันหน้ามาทางนี้แล้วชี้หน้าพวกตน หากทำอย่างนี้อาจจะมีปัญหาได้ พร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าขึงขังว่า “ผมพร้อม” ขณะที่นายจตุพรกล่าวตอบโต้ทันทีว่า “ถ้ามีปัญหาก็ให้เดินมาทางนี้” โดยมี นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างหลังนายจตุพรพร้อมกับขยับเสื้อสูทและตะโกนท้าว่า “มาเลย” ขณะที่บรรยากาศรอบๆเป็นไปอย่างวุ่นวาย พร้อมเสียงโห่ฮากระหึ่มห้อง
ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมใช้เวลาโต้เถียงกันวุ่นวาย ในที่สุดนายสามารถได้ขอร้องให้นายจตุพร ถอนกระทู้ถามสดดังกล่าวออกไปก่อนเพื่อให้เกิดความสงบ แต่นายจตุพร ยืนยันไม่ยอมถอน และว่า แบบนี้ก็เห็นกันอยู่แล้วว่ารัฐบาลมีเจตนากันอย่างไร จะคว่ำกระทู้ก็คว่ำไปเลย เพียงแค่นี้ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า บุคคลผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ แตะต้องไม่ได้ แสดงให้เห็นว่ากำลังมีอิทธิพลเข้ามาในสภา
เมื่อประธานที่ประชุมไม่สามารถควบคุมการประชุมให้เป็นไปอย่างสงบราบรื่นได้ จึงได้สั่งปิดการประชุมทันทีเมื่อเวลา 15.10 น.โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ทุกฝ่ายกลับไปตั้งสติให้ดีกว่านี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่สภาเปิดเพลง “รักกันไว้เถิด” เหมือนจะเตือนสติให้กับ ส.ส.อันทรงเกียรติ
นายชุมพล กาญจนะ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการปิดประชุมสภา ว่า กระทู้ถามสดนี้ดูแล้วไม่สอดคล้องมที่ควรนำมาถามในสภา แต่รองประธานสภา ก็ได้รับกระทู้นี้มาบรรจุในระเบียบวาระ ซึ่ง ส.ส.ของพรรคก็ได้พยายามประท้วงและท้วงติงแล้วว่าไม่มีความเกี่ยวเนื่อง และไม่เหมาะสมเพราะใช้ถ้อยคำรุนแรง ที่คาดว่าจะมีการจาบจ้วงถึงสถาบันเบื้องสูงได้ แต่ทางเขาก็ยืนกรานที่จะนำเรื่องนี้เข้าโดยระบุว่าจะขอไปปรับเปลี่ยนคำพูด ซึ่งเมื่อดูเจตนาทราบแล้วว่าจะเกิดความขัดแย้ง หรือการวิวาทะกันในการประชุมก็ควรจะหลีกเลี่ยง ส่วนตัวเห็นว่าการทำหน้าที่ของรองประธานสภาของพรรคเพื่อไทยทั้ง 2 คนได้สร้างปัญหาหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเห็นปัญหาอย่างนี้ มีช่องทางใดบ้างที่จะปรับเปลี่ยนรองประธานสภา นายชุมพล กล่าวว่า ดูกฎหมายแล้วยังทำไม่ได้ แต่สมาชิกสภา สามารถกดดันได้ เพราะการทำงานหน้าที่ในตำแหน่งนี้ต้องมีความเป็นกลาง เมื่อมองเห็นแล้วว่าความขัดแย้งจะเกิดขึ้นในสภาต้องห้ามปราม ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างนี้ เมื่อถามว่าเมื่อพรรครัฐบาลรู้ว่าจะเกิดปัญหามีการเตรียมรับมือไว้อย่างไรบ้าง นายชุมพล กล่าวว่า หากยังปล่อยให้มีการตั้งกระทู้ถามและพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง หรือลากบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา ทั้งที่ไม่สมควรโดยเฉพาะสถาบันเบื้องสูง ก็ไม่สมควร สุดท้ายพรรครัฐบาลอาจจะวอคเอ้าท์ ซึ่งแม้ภาพที่ออกไปอาจจะไม่สวยงาม เพราะเราเป็นฝ่ายรัฐบาล แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะเป็นการไม่สมควรด้วยประการใดๆ ทั้งสิ้น ที่จะปล่อยให้สภานี้ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกล่าวพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง เรายอมไม่ได้ และคิดกว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศที่ติดตามการประชุมอยู่ก็คงจะไม่ยอมเช่นกัน