ASTVผู้จัดการรายวัน - จับตาผลสอบบิ๊กบินไทย ”วัลลภ พุกกะณะสุต” แค่ปาหี่ส่อเค้ามวยล้มต้มคนดู ไม่สะเทือนเก้าอี้บอร์ดการบินไทย เหตุเป็นเด็กเส้นบิ๊กการเมืองกุมอำนาจต่อรองเหนือ ปชป. อุ้มฝ่าแหกด่านจริยธรรม สุดท้ายกลับมาทำหน้าที่สานผลประโยชน์ ให้ฝ่ายการเมืองต่อ จับตาสัญญาวางระบบอัลเทียแทนรอยัลการบินไทย 3,000 ล้าน
จากกรณีที่คณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีมติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2552 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่นายวัลลภ พุกกะณะสุต กรรมการและประธานกรรมการบริหารบริษัท เดินทางในชั้น First Class เที่ยวบิน TG 677 จากญี่ปุ่นมาประเทศไทยและมีการขนสัมภาระเกินพิกัดกำหนดตามสิทธิ์ของ ผู้โดยสารและให้เวลาดำเนินการ 3 สัปดาห์นั้น
แหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทยเปิดเผยว่า พฤติกรรมดังกล่าวของนายวัลลภผิดหลักจริยธรรมและธรรมภิบาลในฐานะที่เป็นบอร์ดบริษัทอย่างชัดแจ้ง ซึ่งการที่บอร์ดตั้งกรรมการสอบสวนให้สรุปอีก 3 สัปดาห์เหมือนเป็นการซื้อเวลา และเป็นที่น่าสังเกตุว่า นายวัลลภได้รับการปกป้องจากฝ่ายการเมือง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่านายวัลลภมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจในขณะนี้
ทั้งนี้มีการประเมินว่า การสอบสวนจะไม่มีข้อสรุปถึงขั้นที่ให้นายวัลลภออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา นายวัลลภ เป็นผู้ประสานผลประโยชน์ให้กลุ่มการเมือง โดยเฉพาะช่วงที่ได้รับแต่งตั้งเป็นบอร์ดบริษัท ได้มีการความพยายามในการผลักดันให้บริษัทยกเลิกระบบ รอยัล และนำะบบของอะมาดิอุส อัลเทีย มาปรับใช้แทน ซึ่งบริษัทจะต้องลงทุนเป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ในขณะที่ระบบรอยัลของการบินไทยยังใช้งานได้ดี และหากต้องการพัฒนาเทคโนโลยีก็สามารถใช้การพัฒนาซอตฟ์แวร์ได้ ซึ่งลงทุนน้อยกว่าการเปลี่ยนระบบ
โดย เมื่อเร็วๆ นี้ การบินไทยได้ ลงนามในบันทึกข้อตกลง หรือ Memorandum Of Understanding ( MOU ) กับ บริษัท อะมาดิอุส เอเชียแปซิฟิคเพื่อดำเนินการร่างแผนงานเบื้องต้น ในโครงการที่จะนำระบบของอะมาดิอุส อัลเทีย มาปรับใช้แทนระบบรอยัลของการบินไทย โดยระบุว่า ระบบเดิมมีการใช้งานมานาน ส่วนระบบอัลเทียจะครอบคลุมระบบสำรองที่นั่งผู้โดยสาร ระบบจัดการที่นั่ง ผู้โดยสารและระบบให้บริการผู้โดยสารได้มากกว่า ระบบรอยัล ซึ่งคาดกันว่า จะมีการลงนามสัญญาการวางระบบอัลเทียช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. 53 ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของนายวัลลภที่ต้องดำเนินการให้เรียบร้อย
แหล่งข่าวกล่าวว่า บริษัทต้องประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ดังนั้นจึงควรเลือกแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ลงทุนน้อยกว่า การพยายามลงทุนระบบอัลเทีย เนื่องจากการลงทุนในเม็ดเงินที่มากจะมีผลประโยชน์เกิดขึ้นจากโครงการเช่น ค่านายหน้า 10-20 % ในขณะที่ปัจจุบัน การบินไทยการขายตั๋ว E-TICKET ผ่านระบบอามาดิอุส แบบผูกขาดอยู่แล้วโดยมีค่าใช้จ่ายเชื่อมจากอามาดิอุสเข้าระบบรอยัลประมาณ 250 บาทต่อใบ
“ตามหลักจริยธรรม ทั้งข่าวและข้อมูลที่ออกมา มีเหตุผลเพียงพอที่นายวัลลภสามารถจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ลาออก เพียงแค่ขอหยุดปฏิบัติงานเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นายวัลลภมั่นใจว่าจะไม่หลุดจากบอร์ดแน่นอน”แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากผลการสอบสวนที่ออกมาไม่ได้แสดงให้สังคมเห็นว่า การกระทำผิดหลักจริยธรรม ขาดธรรมาภิบาล ได้รับการลงโทษอย่างหนัก เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทในระยะยาวโดยเฉพาะการผู้มีอำนาจในการใช้สิทธิพิเศษต่างๆเพราะไม่สามารถเอาผิดได้ และใครๆ ก็ทำกัน เหมือนที่นายวัลลภเคยกล่าว
ทั้งนี้ก่อนหน้าพนักงานการบินไทยกว่า 100 คนได้แสดงจุดยืนในการแต่งชุดดำเพื่อแสดงพลังต่อต้านการใช้อำนาจในการเป็นบอร์ดเพื่อขนกระเป๋าเกินน้ำหนัก โดยพนักงานต่างยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นการขาดจริยธรรมในการบริหารงาน โดยนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสากิจบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย เพื่อเรียกร้องให้นายวัลลภ ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
“ สหภาพฯ ต้องการให้ นายวัลลภ แสดงความรับผิดชอบ โดยการลาออกจากการเป็นบอร์ดโดยเร็วที่สุด เนื่องจากถือเป็นการกระทำที่ขาดจริยธรรมอย่างรุนแรง หากตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบพฤติกรรมของ นายวัลลภ แล้วมีผลสรุปออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ และนายวัลลภ ไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก ทางสหภาพฯ จะมีมาตรการบางออกมาอย่างแน่นอน เพราะต่อไปจะกลายเป็นเยี่ยงอย่างให้กับพนักงานคนอื่น แต่หากบอร์ดไม่ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ สหภาพฯ การบินไทย จะมีมาตรการบางอย่างออกมาด้วยเช่นกัน”นางแจ่มศรีกล่าว
จากกรณีที่คณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีมติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2552 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่นายวัลลภ พุกกะณะสุต กรรมการและประธานกรรมการบริหารบริษัท เดินทางในชั้น First Class เที่ยวบิน TG 677 จากญี่ปุ่นมาประเทศไทยและมีการขนสัมภาระเกินพิกัดกำหนดตามสิทธิ์ของ ผู้โดยสารและให้เวลาดำเนินการ 3 สัปดาห์นั้น
แหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทยเปิดเผยว่า พฤติกรรมดังกล่าวของนายวัลลภผิดหลักจริยธรรมและธรรมภิบาลในฐานะที่เป็นบอร์ดบริษัทอย่างชัดแจ้ง ซึ่งการที่บอร์ดตั้งกรรมการสอบสวนให้สรุปอีก 3 สัปดาห์เหมือนเป็นการซื้อเวลา และเป็นที่น่าสังเกตุว่า นายวัลลภได้รับการปกป้องจากฝ่ายการเมือง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่านายวัลลภมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจในขณะนี้
ทั้งนี้มีการประเมินว่า การสอบสวนจะไม่มีข้อสรุปถึงขั้นที่ให้นายวัลลภออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา นายวัลลภ เป็นผู้ประสานผลประโยชน์ให้กลุ่มการเมือง โดยเฉพาะช่วงที่ได้รับแต่งตั้งเป็นบอร์ดบริษัท ได้มีการความพยายามในการผลักดันให้บริษัทยกเลิกระบบ รอยัล และนำะบบของอะมาดิอุส อัลเทีย มาปรับใช้แทน ซึ่งบริษัทจะต้องลงทุนเป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ในขณะที่ระบบรอยัลของการบินไทยยังใช้งานได้ดี และหากต้องการพัฒนาเทคโนโลยีก็สามารถใช้การพัฒนาซอตฟ์แวร์ได้ ซึ่งลงทุนน้อยกว่าการเปลี่ยนระบบ
โดย เมื่อเร็วๆ นี้ การบินไทยได้ ลงนามในบันทึกข้อตกลง หรือ Memorandum Of Understanding ( MOU ) กับ บริษัท อะมาดิอุส เอเชียแปซิฟิคเพื่อดำเนินการร่างแผนงานเบื้องต้น ในโครงการที่จะนำระบบของอะมาดิอุส อัลเทีย มาปรับใช้แทนระบบรอยัลของการบินไทย โดยระบุว่า ระบบเดิมมีการใช้งานมานาน ส่วนระบบอัลเทียจะครอบคลุมระบบสำรองที่นั่งผู้โดยสาร ระบบจัดการที่นั่ง ผู้โดยสารและระบบให้บริการผู้โดยสารได้มากกว่า ระบบรอยัล ซึ่งคาดกันว่า จะมีการลงนามสัญญาการวางระบบอัลเทียช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. 53 ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของนายวัลลภที่ต้องดำเนินการให้เรียบร้อย
แหล่งข่าวกล่าวว่า บริษัทต้องประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ดังนั้นจึงควรเลือกแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ลงทุนน้อยกว่า การพยายามลงทุนระบบอัลเทีย เนื่องจากการลงทุนในเม็ดเงินที่มากจะมีผลประโยชน์เกิดขึ้นจากโครงการเช่น ค่านายหน้า 10-20 % ในขณะที่ปัจจุบัน การบินไทยการขายตั๋ว E-TICKET ผ่านระบบอามาดิอุส แบบผูกขาดอยู่แล้วโดยมีค่าใช้จ่ายเชื่อมจากอามาดิอุสเข้าระบบรอยัลประมาณ 250 บาทต่อใบ
“ตามหลักจริยธรรม ทั้งข่าวและข้อมูลที่ออกมา มีเหตุผลเพียงพอที่นายวัลลภสามารถจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ลาออก เพียงแค่ขอหยุดปฏิบัติงานเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นายวัลลภมั่นใจว่าจะไม่หลุดจากบอร์ดแน่นอน”แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากผลการสอบสวนที่ออกมาไม่ได้แสดงให้สังคมเห็นว่า การกระทำผิดหลักจริยธรรม ขาดธรรมาภิบาล ได้รับการลงโทษอย่างหนัก เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทในระยะยาวโดยเฉพาะการผู้มีอำนาจในการใช้สิทธิพิเศษต่างๆเพราะไม่สามารถเอาผิดได้ และใครๆ ก็ทำกัน เหมือนที่นายวัลลภเคยกล่าว
ทั้งนี้ก่อนหน้าพนักงานการบินไทยกว่า 100 คนได้แสดงจุดยืนในการแต่งชุดดำเพื่อแสดงพลังต่อต้านการใช้อำนาจในการเป็นบอร์ดเพื่อขนกระเป๋าเกินน้ำหนัก โดยพนักงานต่างยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นการขาดจริยธรรมในการบริหารงาน โดยนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสากิจบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย เพื่อเรียกร้องให้นายวัลลภ ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
“ สหภาพฯ ต้องการให้ นายวัลลภ แสดงความรับผิดชอบ โดยการลาออกจากการเป็นบอร์ดโดยเร็วที่สุด เนื่องจากถือเป็นการกระทำที่ขาดจริยธรรมอย่างรุนแรง หากตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบพฤติกรรมของ นายวัลลภ แล้วมีผลสรุปออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ และนายวัลลภ ไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก ทางสหภาพฯ จะมีมาตรการบางออกมาอย่างแน่นอน เพราะต่อไปจะกลายเป็นเยี่ยงอย่างให้กับพนักงานคนอื่น แต่หากบอร์ดไม่ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ สหภาพฯ การบินไทย จะมีมาตรการบางอย่างออกมาด้วยเช่นกัน”นางแจ่มศรีกล่าว
