xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาณอันตรายระบอบทักษิณกับรหัส “10-01-10”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

การชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2552 ได้มาถึงจุดเปลี่ยนที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

เพราะสำหรับนักโทษชายทักษิณ การชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2552 เป็นบทพิสูจน์ที่ได้แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาไม่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐได้

นักโทษชายทักษิณกำลังเสื่อมลงเรื่อยๆ ทรัพย์สินเงินทองลดน้อยลงเพราะวิกฤติเศรษฐกิจที่ดูไบ การยอมรับและความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ลดน้อยลง พื้นที่ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็ลดน้อยลง

แม้แต่การชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมาก็มีคนเสื้อแดงมาชุมนุมบางตาลงอย่างชัดเจนโดยมีคนเข้าร่วมเหลือเพียงแค่ไม่เกิน 12,000 คนเท่านั้น

เสน่ห์มนต์ขลังของนักโทษชายทักษิณเสื่อมถึงขนาดเดินทางมาลงทุนลงแรงสร้างภาพและการจัดฉากเรื่อง วีรบุรุษกำมะลอเข้ามาช่วยนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ นักจารกรรมข้อมูลการบินก็กลายเป็นเรื่องที่สังคมไทยจับได้ว่าเป็นเกมการเมืองและการจัดฉากอย่างไม่แนบเนียน

ความน่าเชื่อถือและความนิยมเสื่อมลงเช่นนี้ทำให้นักโทษชายทักษิณกำลังถูกบีบรัดด้วยเงื่อนไขเวลา เพราะคดีการยึดทรัพย์ในเงินจำนวน 76,000 ล้านบาท กำลังจะถูกพิพากษาในประมาณกลางเดือน หรืออย่างช้าก็ประมาณปลายเดือนมกราคม 2553

หากนักโทษชายทักษิณเชื่อว่าทรัพย์สินของตัวเองจะถูกยึดตกเป็นของแผ่นดิน โอกาสที่จะเคลื่อนไหวล้มกระดานเพื่อหยุดยั้งคำตัดสินได้จำต้องดำเนินการก่อนกลางเดือนมกราคม 2553

สัญญาณที่เห็นได้ชัดก็คือนายวีระ มุสิกพงศ์ หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2552 ว่าได้เป็นแกนนำในดำเนินการชุมนุมมาเป็นเวลานานแล้วด้วยแนวทางสงบและสันติวิธี เมื่อไม่สามารถนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ได้สำเร็จก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยในปีหน้าจะขอลาออกไปลงเวทีข้างล่างเหมือนประชาชนทั่วไปและจะเข้าร่วมและปฏิบัติตามแกนนำโดยจะไม่ยับยั้งใดๆ ทั้งสิ้น

ต้องไม่ลืมว่าจะดีหรือเลวอย่างไร สำหรับนายวีระ มุสิกพงศ์ ถือเป็นคนที่ยังมีความรับผิดชอบต่อผู้ชุมนุม ช่วงเวลาวัดใจในการก่อจราจลในเดือนเมษายนของคนเสื้อแดง โดยที่แกนนำเชื่อว่าทหารกำลังฆ่าประชาชน นายวีระ มุสิกพงศ์ก็ยังได้ตัดสินใจยุติการชุมนุมและมอบตัวเพื่อรักษาชีวิตผู้ชุมนุม ซึ่งแตกต่างจากแกนนำหลายคนคนหนีเอาตัวรอดออกจากที่ชุมนุม

แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงบางกลุ่มมองว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงแบบไร้เป้าหมายเช้าไปเย็นกลับ มีแต่ทำให้กลุ่ม “แดงสู้แล้วรวย” เก็บเงินเก็บทองหลอกจากกระเป๋าของนักโทษชายทักษิณเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆได้ จึงย่อมต้องการเปลี่ยนตัวผู้นำเสียใหม่ที่จะสามารถเผด็จศึกให้ได้ในเร็ววัน

ท่ามกลางกระแสของคนเสื้อแดงที่กำลังตกต่ำลง แต่ในอีกด้านหนึ่งวันนี้กลุ่มคนเสื้อแดงได้จัดตั้งและติดอาวุธทางความคิดแบบคนเสื้อแดงขยายออกไปให้กับประชาชนเป็นจำนวนที่มากขึ้น จนเกิดลักษณะของแกนกลุ่มต่างๆ นับเป็นพันกลุ่ม

ในขณะที่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือมีกลุ่มคนเสื้อแดงบางกลุ่มพยายามจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อดำ และกองกำลังอีกหลายชุด ทั้งอดีตทหาร อดีตอาสาสมัคร ขึ้นมาพร้อมการสั่งสมอาวุธที่เพิ่มมากขึ้น

เมื่อบวกการตัดสินใจเข้ามาในประเทศกัมพูชา ย่อมแสดงให้เห็นว่านักโทษชายทักษิณและนายฮุน เซน กำลังคิดเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐให้เร็วขึ้น ก่อนที่จะเสียประโยชน์และเสียเปรียบไปมากกว่านี้


อัตราเร่งของการจัดตั้งประชาชนและกองกำลังนั้น เป็นอัตราส่วนผกผันกับเวลาในการตัดสินคดี 76,000 ล้านบาทที่กำลังลดน้อยลง และจะต้องกระทำการให้สำเร็จก่อนกลางเดือนหรือปลายเดือนมกราคม 2553ซึ่งเป็นเวลาการตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท

กระแสข่าวที่ไม่มีใครยืนยันได้ว่านักโทษชายทักษิณ ชินวัตร กำลังบ้าไสยศาสตร์คลั่งไคล้หลงใหลตัวเลข 10 ว่าจะนำโชคให้กับตัวเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ลำดับที่ 10 นั้นจริงหรือไม่ ?

ความบังเอิญที่นำเสนอผ่านหลายบทความในหนังสือพิมพ์ ASTV-ผู้จัดการเกี่ยวกับเลข 10 นั้นมีหลายประการ เช่น นักโทษชายทักษิณเป็นเตรียมทหารรุ่นที่ 10 ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ดูไบพักอยู่คฤหาสน์หมายเลข E 46 (โปรดสังเกตว่า 4+6 =10) และอยู่ซอยแยกที่ 10 จากถนนเมน มีเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ตบเท้าเข้าพรรคเพื่อไทย, คนเสื้อแดงชุมนุมมาแล้ววันที่ 19 กันยายน (โปรดสังเกตุว่า 1+9 = 10) ในขณะที่นักโทษชายทักษิณเลือกเข้าประเทศกัมพูชาในวันที่ 10 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 10 นาฬิกาเศษ และจัดชุมนุมคนเสื้อแดงซ้ำอีกในวันที่ 10 ธันวาคม

หรือถ้าจะย้อนรอยไปให้ไกลกว่านั้นก็ตรงที่นักโทษชายทักษิณได้ทำบุญในอุโบสถวันพระแก้วมรกตในวันที่ 10 เมษายน และหลังจากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งนักโทษชายทักษิณก็ตัดสินใจกลับมากรุงเทพในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ (2+8 = 10)

ถ้าสมมุติว่านักโทษชายทักษิณบ้าในไสยศาสตร์และต้องการเป็นผู้ยิ่งใหญ่ลำดับที่ 10 จริง ก็เชื่อว่าสัญญาณการแตกหักในปีหน้าน่าจะอยู่วันที่ 10 มกราคม 2010

เขียนเป็นภาษาตัวเลขได้ว่าเป็นรหัส 10 01 2010 หรือเขียน ค.ศ.ได้อย่างย่อก็จะเป็น “10 01 10” หรือหากจะหลบเลี่ยงกลัวคนจะจับได้ก็อาจจะย้ายวันเป็นไม่วันที่ 19 มกราคม หรือไม่ก็ 28 มกราคม ซึ่งทั้งสองวันหลังอาจไม่ทันการตัดสินคดี 76,000 ล้านบาท

ที่น่าสนใจก็ตรงที่ว่าเลข 10 ที่ว่านั้นดีกับนักโทษชายทักษิณจริงหรือเปล่า?

โหราศาสตร์ไทยเชื่อว่าถ้านับตามดวงดาวแล้ว เลข 1 หมายถึง ดาวอาทิตย์ หมายถึงความเป็นผู้นำ ชื่อเสียง เกียรติยศ ในขณะที่เลข 0 หมายถึงดาวมฤตยู ซึ่งหมายถึงความตาย นอกจากนี้ดาวอาทิตย์และมฤตยูหากมารวมตัวกันเมื่อใดอาจแปลความได้ว่าหมายถึงการจุดระเบิดประกายไฟได้ด้วย เช่น ดินระเบิด, การยิงปืน

ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมหรือไม่ เพราะนับตั้งแต่นักโทษชายทักษิณมีความบังเอิญอย่างร้ายกาจกับ เลข 10 นั้นกลับพบว่าพบแต่ความตกต่ำลงเรื่อยๆ ทั้งการถูกรัฐประหารตกจากตำแหน่งก็วันที่ 19 กันยายน (1 + 9 = 10) การทำบุญในอุโบสถวัดพระแก้วในวันที่ 10 เมษายน ก็กลายเป็นภาพจุดชนวนที่ทำให้ประชาชนไม่พอใจจำนวนมาก เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 เข้าสู่จุดตกต่ำไม่ก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ การกลับเข้าประเทศจูบดินอาคารสุวรรณภูมิในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ก็อยู่ได้ไม่นานก็ต้องหนีไปต่างประเทศและถูกศาลตัดสินให้จำคุก นักโทษชายทักษิณไปเยือนกัมพูชาในวันที่ 10 พฤศจิกายนความนิยมก็ตกลงอย่างรวดเร็ว 10 ธันวาคมจัดชุมนุมคนเสื้อแดงกระแสความนิยมก็ตกต่ำลงจนประชาชนไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก

จึงไม่รู้ว่าหากมีหมอดูไปแนะนำให้ทักษิณยึดมั่นเลข 10 แล้ว หมอดูที่ว่านั้นตกลงแล้วเป็นฝ่ายไหนกันแน่ น่าสนใจจริงๆ!
กำลังโหลดความคิดเห็น