xs
xsm
sm
md
lg

ความเสี่ยงกับ 3 ประธาน ของพรรคเพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชษฐา ฐานะจาโร
"สมการการเมือง"
โดย...พาณิชย์ ภูมิพระราม

ความผิดหวังของคนไทยกับการตกรอบแรกของทีมชาติไทยฟุตบอลซีเกมส์ ดีกรีแชมป์ 8 สมัย กลายเป็นข่าวใหญ่เพราะเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ หลังพ่ายมาเลเซีย 1-2 ที่สนามกีฬาแห่งชาติของลาว เนื่องจากไทยคาดหวังกับเหรียญทองฟุตบอลชายซีเกมส์เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

ที่สำคัญเป็นการตกรอบแรกในรอบ 36 ปี นับตั้งแต่กีฬาเซียพเกมส์ ครั้งที่ 7 เมื่อปี 2516 แต่เมื่อสาเหตุความผิดหวังถูกเปิดเผยออกมาว่า เป็นเพราะการเก็บตัวฝึกซ้อมเพียง 2 สัปดาห์ เป็นสาเหตุสำคัญที่สุด ทำให้กองเชียร์ไทยอยู่ในสภาพรับได้

แต่กระนั้นปัญหาใหญ่ที่ยังไม่ได้รีบแก้ไขก็คือ “การบริหารจัดการสมาคมฟุตบอล” ซึ่งหลายคนเชื่อว่า นั่นคือต้นตอของปัญหาที่แท้จริงมากกว่า

เช่นเดียวกับการบริหารจัดการสมาคมยิงปืนของ ปองพล อดิเรกสาร ทำให้ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม นักแม่นปืนทีมชาติไทย มีปัญหากับผู้จัดการทีม จนถูกตัดออกจากทีมชาติ และเดินทางกลับจากลาว ทั้งๆ ที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 2 รายการ

กลายเป็นข่าวอื้อฉาวที่หาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องการคะแนนด้านการบริหารจัดการแล้ว ต้องส่งคนไปแก้ไขมากกว่าปล่อยให้ “การเอาเปรียบของคนที่ได้เปรียบ” ดำเนินอยู่ต่อไป

ขณะที่การบริหารเศรษฐกิจมหภาค ยังเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล

ทั้งนี้ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจโลก ยังคงมีทั้งเชิงบวก และด้านลบ ซึ่งสะท้อนการขยายตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจ และในทางกลับกัน นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางอาจเปลี่ยนเป็นทิศทางขาขึ้นเร็วกว่าคาด

โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของ 45 ประเทศกลุ่มกำลังพัฒนาในเอเชีย มีแนวโน้มขยายตัว 4.5 % ในปี 2552 และคาดว่าจะขยายตัว 6.6 %ในปี 2553 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการคาดการณ์เมื่อ เดือนก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากข้อมูลในไตรมาสสามของปีนี้ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจในหลายประเทศของเอเชียฟื้นตัวได้ดี

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงมีความเปราะบาง ที่สำคัญรัฐบาลจีนต้องงัดนโยบายการใช้ที่ดิน และภาษี เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ หลังจากดัชนีราคาในเมืองหลักของจีนเพิ่มขึ้น 5.7 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จนเกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่

ที่สำคัญข้อมูลดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐ เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความล่าช้า สนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ ยังคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป มีโอกาสทำให้ดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง สะท้อนจากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มทรงตัว ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน เพราะความผันผวนของดอลลาร์

นอกจากนั้น ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า ธนาคารกลางเอเชีย จะไม่เร่งรีบดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดในเร็วๆนี้ ภายใต้การเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ยังคงต้องอาศัยพึ่งพิง การใช้จ่ายภาครัฐและการส่งออก เป็นตัวขับเคลื่อน

ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้ก็คือ ผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงของต้นทุนการเงินของดูไบ ทำให้มูดีส์ ต้องปรับลดเครดิตเรตติ้งของประเทศที่มีหนี้สินสาธารณะสูง เช่น เม็กซิโก (36 % ของ GDP) ซึ่งถูกลดลงมาอยู่ในระดับ BBB หรือ Junk เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจผูกติดกับสหรัฐอย่างมาก หรือแม้กระทั่ง กรีซ (99 % ของ GDP) สเปน(41 %) ไอร์แลนด์ (44 %) และโปรตุเกส (66 %) เป็นต้น

ส่วนประเทศอื่นๆ ในกลุ่มยุโรป ที่มีหนี้สินสูง และมีโอกาสจะถูกลดเครดิตเช่นกันคือ อิตาลี (106 %), ฝรั่งเศส (68 %) ขณะที่ไทยมีสัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ 45 % ของจีดีพี

ด้านสถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปรากฏว่า โบรกเกอร์ต่างชาติรายสำคัญ คือ เจพี มอร์แกน ลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทย เช่นเดียวกับโนมูระ ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจผู้จัดการกองทุนต่างชาติเมื่อปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา

ด้านปัจจัยด้านบวก คือ รายงานการบริโภคในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์ของไทยเดือนพ.ย.จะเติบโตสูงกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะปรับขึ้นต่อเนื่องจากการโอนรถจากงานมอเตอร์โชว์ ที่ทำสถิติสูงสุด 2.5 หมื่นคัน

นั่นทำให้ทิศทางการลงทุนจะย้ายออกจากภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนลดลง เพราะภาระต้นทุนที่สูงขึ้นจากผลของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงมีทิศทางติดลบ

ทำให้ความไม่แน่นอนในปีหน้ายิ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ขณะที่สถานการณ์ทางด้านการเมือง คดียึดทรัพย์ทักษิณ 76,000 ล้านบาท เป็นตัวเร่งสถานการณ์ให้การชุมนุมของคนเสื้อแดงเกิดความรุนแรง ที่ไม่พึงปรารถนาขึ้นได้

แต่ก่อนจะถึงการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เพื่อรองรับเป้าหมายในอนาคต

โดยเฉพาะการหาตัวผู้นำฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทยที่อยู่ภายใต้การคอนโทรลของทักษิณ

ว่ากันว่า 3 ประธาน ของเพื่อไทย ก็ยังไม่ใช่คนที่ทักษิณ คาดหวังจะให้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรค เพราะยากแก่การควบคุม

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย

พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ประธานที่ปรึกษาพรรค

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย


ทั้งสาม “อยากเหลือเกิน” กับตำแหน่ง “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง เพราะโอกาสนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมีสูง หากมีการเลือกตั้งใหม่

แต่ต้องชิมลางกับตำแหน่ง “ผู้นำฝ่ายค้าน” ในช่วงแรก ไปก่อน

พล.อ.ชวลิต สร้างวีรกรรม จนประทับใจทักษิณ ด้วยการเดินทางไปกัมพูชา กลายเป็นที่มาของความสัมพันธ์ทางทูตที่ก้าวร้าว เพราะสมเด็จฮุนเซ็น ดันไปตั้งนักโทษคดีอาญาเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี

แสดงออกถึงการแทรกแซงกิจการภายในของไทยอย่างชัดเจน

ก่อนที่ พล.อ.ชวลิต จะเสนอข่าวกัมพูชา สั่งปิดน่านน้ำไม่ให้เรือประมงไทยผ่านเข้าไปในเขตน่านน้ำกัมพูชา ซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อเรือประมงไทยกว่า 1,000 ลำ

หลังจากนั้นก็มีการจับกุมวิศวกรชาวไทย-ศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ด้วยข้อหาจารกรรมตารางการเดินทางของทักษิณ และถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ปรับ 10 ล้านเรียล แต่ท้ายที่สุดก็ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำเพรย์ซอ หลังจากกษัตริย์สีหมุนี พระราชทานอภัยโทษ

จนเป็นที่มาของความคิดดังๆ ในใจคนไทยว่า “จัดฉาก”

เสมือนหนึ่งว่า ทักษิณกำลังถูกปองร้ายจากรัฐบาลไทย แต่กลับแสดงความใจกว้างขอพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์สีหมุนี โดยเป็นผลงานของพรรคเพื่อไทย และ พล.อ.ชวลิต

ภาพการเดินทางไปรับศิวรักษ์ ของ 4 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่บ้านวิมารเอกราชของสมเด็จฮุนเซ็นอย่างสมเกียรติ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการบันทึกการถ่ายทำฉากก่อนจบของเรื่อง ซึ่งถือเป็นครั้งในประวัติศาสตร์การปล่อยตัวนักโทษของกัมพูชา

แม้ว่าศิวรักษ์จะรู้ตัวกับฉากนี้หรือไม่ก็ตาม แต่สวนดุสิตโพล  สำรวจความเห็นของประชาชนต่อการขอพระราชทานอภัยโทษวิศวกรไทย พบว่า   ประชาชน  67.42%  มองว่าเป็นเกมการเมือง  เพราะเป็นเรื่องที่มี  พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย   และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วจนน่าสงสัย 

ไพจิต  ศรีวรขาน  ส.ส.นครพนม ส.ส.ในสังกัดของพล.อ.ชวลิต ถึงกับยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวและญาติๆ ของศิวรักษ์ โดยเฉพาะมารดาของศิวรักษ์-นางสิมารักษ์ นั้น มีความสนิทสนมกับ พล.อ.ชวลิตและเขาเป็นอย่างดี เพราะเคยมาช่วยทำงานการเมือง

นอกจากนี้ สุวิทย์ ชุติพงษ์ บิดาของศิวรักษ์ ก็ใกล้ชิดและเคยเกื้อกูล ทักษิณ ในการทำธุรกิจภาพยนตร์ ขณะที่ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ผู้อยากจะเป็น “นายกรัฐมนตรี” สัก 6 เดือนเพื่อนำ ทักษิณกลับประเทศ โดยไม่ต้องลงทุนมากนัก ก็หันกลับมาแสดงบทบาททางการเมืองอีกครั้ง หลังจากหลบเข้ากลีบเมฆไปตั้งแต่มีความขัดแย้งกับ ส.ส.ในพรรค เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ ส.ส.สายน้องสาวทักษิณ

กลับมาคราวนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง วัย 61 ปีหันไปดูแลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.มหาสารคาม หลังจากพรรคเพื่อไทยมีมติส่ง ประยุทธ์ ศิริพานิช ลงรับสมัครเลือกตั้ง

เฉลิม กลับมาพร้อมกับการเป็นหัวหน้าทีมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งที่สอง หลังจากเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับเงินบริจาคพรรคการเมือง

นั่นทำให้ วิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน เริ่มส่งสัญญานตีกันอีกครั้ง เมื่อเขาระบุว่า “ผู้นำฝ่ายค้าน” จะมาพร้อมกับผลการเลือกตั้งซ่อม ปราจีนบุรี

ตัวเลือกผู้นำฝ่ายค้านของทักษิณ ที่เปิดเผยผ่านสื่อมวลชนกับเป็น “พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร” อดีตหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา แต่ปัจจุบันอยู่ในฐานะประธานที่ปรึกษา พรรคเพื่อไทย

บิ๊กเหวียง สร้างวีรกรรมครั้งสำคัญเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยการยอมรับว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแถลงยุติเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของหัวหน้ากลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย และหัวหน้าทหารกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย โดยการแพร่ภาพของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อ 17 ก.ค. 51

แต่ก็กลายเป็น “ละครลวงโลก” อีกฉากหนึ่ง

ที่สำคัญ บิ๊กเหวียง วัย 71 ปี ถูกตั้งคำถามถึงความสามารถในการควบคุมดูแล ส.ส.หลังจากผิดหวังกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรครวมใจไทยชาติพัฒนามาแล้ว

ดูเหมือนว่า ทั้งสามประธาน ของพรรคเพื่อไทย-ประธานพรรค ประธาน ส.ส. ประธานที่ปรึกษา-คงต้องแข่งกันสร้างคะแนนให้เข้าตาทักษิณ

แล้วโยนความเสี่ยงทางการเมือง ไปให้ตลาดหุ้นรับเคราะห์ตามปกติวิสัยเช่นเคย !!
ชวลิต ยงใจยุทธ
เฉลิม อยู่บำรุง
กำลังโหลดความคิดเห็น