xs
xsm
sm
md
lg

ในหลวงทรงงานได้ “องคมนตรี”แนะสื่อ อย่าหลงแก๊งอัปมงคล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"สุรยุทธ์" ขอให้สื่อตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริง จะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือพวกปล่อยข่าวอัปมงคล เผยในหลวงยังทรงงานได้ แม้จะยังประทับรักษาอาการพระประชวรที่ศิริราช ย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อลดปัญหาความแตกแยก เผยไม่ถือสา"แม้ว"ที่โจมตีเรื่อง องคมนตรีอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ ยันไม่เคยแทรกแซง ก้าวก่ายศาล

วานนี้ (18 ธ.ค.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างไปติดตามงาน การจัดสรรที่ทำกินให้กับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ที่บ้านน้ำจวง ต.บ่อภาค จ.พิษณุโลก และได้ร่วมเปิดงานปีใหม่ม้ง ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ของหมู่บ้านถึงกระแสข่าวลือในทางที่ไม่ดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า เป็นเรื่องที่ตนเองก็มีหน้าที่จะต้องช่วยเสนอสิ่งที่มีเหตุมีผล และความจริงให้ปรากฏ รวมทั้งสื่อจะต้องค้นหาความจริงให้กับประชาชนได้รับทราบ

เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ในช่วง 2-3 ปีทีผ่านมา ทำไมสถาบันกษัตริย์ ถึงถูกโจมตีอย่างหนัก พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะว่า การที่จะทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ดีนัก แต่ก็เป็นหน้าที่สื่อทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นมาเรื่องอะไรที่ไม่บังควรที่จะนำมาเป็นข่าว หรือไม่ควรที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์

" สื่อจะต้องค้นหาความจริงที่จะทำให้ประชาชนได้รับทราบว่าอะไรเป็นข่าวที่มีเหตุ มีผล แต่บางครั้งอาจจะยังไม่สามารถที่จะหาความจริงได้ แต่ก็คงจะต้องคิดวิเคราะห์ และประเมินได้ว่า อะไรน่าจะเป็นส่วนที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด"

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่าคนไทยที่มีความเคารพในสถาบันฯ ก็น่าจะรู้ตัวว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร นั่นเป็นส่วนที่เห็นว่ามีเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลังๆ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งนี้เห็นว่าเป็นคนส่วนน้อย แต่ก็เป็นสื่อที่สามารถเข้าไปดูได้ ถ้าใครที่สนใจอยากเข้าไปดูก็เข้าไปดูในเว็บ เป็นเรื่องค่อนข้างลำบากที่จะสกัดกั้น แต่ถ้าเป็นสื่อที่จะสามารถแสดงถึงเรื่องการควร ไม่ควร ก็น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ได้มาก

ส่วนพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น แม้ว่าจะยังมีพระอาการยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ทรงงานได้ ส่วนจะเสด็จออกจากโรงพยายามศิริราชเมื่อไรนั้น ก็ขึ้นอยู่แพทย์ที่รักษาพระองค์ท่าน ซึ่งทางแพทย์ก็ดูแลพระองค์ท่านยังใกล้ชิด และดูแลพระองค์อย่างเต็มที่

สำหรับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์นิตยสารไทมส์ ด้วยการกล่าวพาดพิงสถาบันฯในทางที่เสียหายนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เป็นหน้าที่ของใคร คนนั้นก็จะต้องเอาไปคิด และหาวิธีการที่จะต้องดำเนินการ ไม่ได้เป็นหน้าที่ของทางองคมนตรี ที่จะต้องเข้าไปดำเนินการ และตนไม่ทราบที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร สื่อต้องไปค้นหาความจริง ช่วยให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ชัดเจนมากที่สุด ข้อมูลที่บิดเบือน หรือคลาดเคลื่อน ออกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งต่อไปก็ควรจะต้องแก้ไขให้เกิดความชัดเจน ไม่อยางนั้นก็จะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนตลอดเวลา

**ทุกฝ่ายต้องช่วยกันลดแตกแยก

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวถึงปัญหาความแตกแยกของคนไทยที่ยังไม่สามารถสมานฉันท์ว่า ไม่ทราบว่าแต่ละคนมีความคิดเห็นอย่างไร ถ้าเป็นอย่างที่พูดกันมาโดยตลอดว่า มีความรับผิดชอบ รู้หน้าที่ของเรา และพยายามทำให้ดีที่สุด ก็น่าจะเป็นประโยชน์ได้ ตามกระแสพระราชดำรัส คือทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุข ถ้าคนส่วนใหญ่ได้คิดตามกระแสพระราชดำรัส ตนก็คิดว่าน่าจะผ่านพ้นห้วงเวลาช่วงเวลานี้ไปได้

เมื่อถามว่าทำไมเราถึงเอาชนะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้สักที หรือเป็นเพราะอยู่ที่จิตสำนึกของ พ.ต.ท.ทักษิณ เองหากต้องการจะหยุดการเคลื่อนไหว พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะเป็นเรื่องของความคิด เป็นเรื่องของความเชื่อของคนที่ได้มีโอกาสที่เกี่ยวข้อง จะไปห้ามไม่ให้คนคิด ก็เป็นไปไม่ได้

ดังนั้นจะทำอย่างไรเสนอเหตุผลแนวทางที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุดซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีกว่า ทุกคนจะได้คิดกันได้ ถ้าหากว่าเรามีแต่เสนอในเรื่องของความขัดแย้ง มองดูแล้วบ้านเมืองก็มีแต่ความแตกแยก ผู้คนก็มีแต่ความหดหู่ มันก็คงไม่ใช่สิ่งที่ดี ทำอย่างไรที่เราจะมอง และหาโอกาสแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์

ส่วนในอนาคตประเทศไทยจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้หรือไม่ ก็อยู่ที่พวกเรา ไม่ได้อยู่ที่ใครอื่น ถ้าพวกเราร่วมมือกัน ก็จะมีความสามัคคีและมีความสงบเกิดขึ้น แต่ถ้าพวกเราไม่ร่วมมือกัน ก็ไม่มีโอกาส ทำอย่างไรที่จะทำให้พวกเราร่วมมือกัน ก็อยู่ที่การสร้างความคิดเสนอแนวทางที่น่าจะเป็นประโยชน์ให้พวกเราได้ช่วยกันคิด ก็จะทำให้บ้านเมืองมีความสงบ และก้าวหน้าไปได้ เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ

เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายห่วงเรื่องการจาบจ้วงสถาบันฯ ควรจะมีแนวทางแก้ไขปัญหานี้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการแสดงออกของคนไทยส่วนใหญ่ว่า พวกเรายังคงรัก และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ ก็เป็นเรื่องของคนส่วนน้อยที่จะเอาไปพูดกันหรือวิพากวิจารณ์ก็คงไม่มีผลกระทบ เพราะถ้าคนส่วนใหญ่ยังเห็นว่าสถาบันฯ มีความสำคัญต่อชาติบ้านเมืองของเราอยู่

**เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม

เมื่อถามว่าในช่วงต้นมกราคมปีหน้า จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นชนวนทำให้เกิดความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะว่าไม่ได้ติดตาม และไม่ทราบว่าการพิจารณาคดีไปถึงไหนอย่างไร แต่กระบวนการยุติธรรม คิดว่าเราทำมาอย่างดีที่สุด ให้ความเป็นธรรมให้การพิจารณาในแง่กฎหมาย และข้อเท็จจริง เป็นเรื่องสมควรที่จะยอมรับกันได้ ไม่ใช่ว่าเราดำเนินการโดยไม่มีข้อเท็จจริง หรือกฎหมายรองรับ

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มักอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ก็มาสู้กันในชั้นศาล เป็นเรื่องที่เปิดโอกาสให้มาต่อสู้ชั้นศาล แต่เมื่อมาต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรม เมื่อมาถึงขั้นสุดท้าย ก็ต้องยอมรับ

เมื่อถามว่าจะต้องมีการเจรจากันก่อนหรือไม่ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ และทางรัฐบาล ที่จะเปิดโอกาสให้เข้ามา พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร แต่กระบวนการยุติธรรมกับรัฐบาล มันควรจะแยกกัน มันไม่ควรจะเกี่ยวข้องกัน กระบวนการยุติธรรมก็พิจารณาไปตามหลักฐาน มีข้อกฎหมายรองรับ

เมื่อถามว่า สมัยที่ท่านเป็นรัฐบาล มีความพยายามจะจับคู่ขัดแย้งมาคุยกัน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า มันไม่ถึงขนาดนั้น เพราะว่าในช่วงที่ตนทำหน้าที่ ยังไม่มีความชัดเจนในด้านต่างๆ ช่วงนั้นก็เป็นเวลาแค่สั้นๆ

**ยันองคมนตรีไม่ก้าวก่ายศาล

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่า ฝ่ายตรงข้ามคือสถาบันองคมนตรี และพล.อ.เปรม และมีการวิจารณ์ว่า เข้าไปแทรกแซงขบวนการยุติธรรม พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า หน้าที่ของเราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านั้น หน้าที่ขององคมนตรี คือการถวายคำปรึกษาให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นของหน่วยงานอื่นก็ทำกันต่อไป หน้าที่ที่ชัดเจนก็มีอยู่แค่นั้น ซึ่งการถวายคำปรึกษาในเรื่องต่างๆ เราก็ต้องมีข้อมูล บางครั้งก็ต้องหาข้อมูล

เมื่อถามว่า องคมนตรี สามารถสั่งศาลได้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า จะไปสั่งได้อย่างไร เรายังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นองค์คณะผู้พิพากษาบ้าง จะไปสั่งได้อย่างไร มันสั่งไม่ได้ เพราะเขาก็มีวิธีการขั้นตอนต่างๆ แม้กระทั้งในศาลเอง ก็ไม่รู้ว่าใครจะขึ้นเป็นคณะผู้พิพากษา ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบอ้างว่า ข้อมูลของคตส. มาจากฝ่ายตรงข้าม และมาจากการแต่งตั้งของ คมช. ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต่อสู้กันได้ในชั้นศาล มีข้อมูลอะไรก็มาหักล้างก็ได้ ศาลเปิดโอกาสให้อยู่แล้ว ถ้าศาลวิเคราะห์ได้ว่า ข้อมูลใดน่าเชื่อถือมากกว่า ก็จะเป็นไปตามนั้น ไม่ใช่ศาลจะฟังข้อมูลฝ่ายเดียว

**ไม่อยากเห็นคนไทยฆ่ากันเอง

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ไม่ถือสา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มักจะโจมตีว่า องคมนตรี โดยเฉพาะตน อยู่เบื้องหลังการปฎิวัติ เพราะว่าความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ถือว่าผู้พูดเข้าใจผิดได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และมองบุคคลอื่นในแง่ร้าย แต่ตนไม่เคยมองคนอื่นในแง่ร้าย และไม่คิดฟ้องร้องใคร

"ไม่เคยใช้วิธีการนอกกฎหมาย และได้เคยพูดกับบรรดาผู้ที่เคยเข้ามาพบตนตลอดเวลาว่า ไม่อยากเห็นคนไทยจับอาวุธมาเข่นฆ่ากันเอง ไม่ว่าจะเป็นคนไทยในภาคใต้ หรือคนไทยในภาคไหนก็ตาม อยากให้มาหาวิธีแก้ไขปัญหา และช่วยกัน นั้นคือสิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่า และที่ถูกเรียกว่า อำมาตย์ ก็แล้วแต่จะเรียก หน้าที่ขององคมนตรีก็มีแค่นั้น ทำตามหน้าที่ที่เขียนไว้ว่า เป็นผู้ที่ถวายคำปรึกษา และข้อคิดเห็นแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”พล.อ.สุรยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า การจาบจ้วงองคมนตรี ถือเป็นการก้าวล่วงไปถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า องคมนตรีม่ได้คิดอะไร อยู่ที่ท่านทั้งหลายจะคิดกันว่าอะไร ตนคิดว่าคงไม่ได้เป็นเรื่องที่เป็นผลกระทบอะไรมากมาย แต่คนบางส่วนอาจจะคิดว่า มีผลกระทบ แต่ตนไม่ได้คิดว่ามีผลกระทบ

เมื่อถามว่าพระองค์ท่านทรงเป็นห่วงที่องคมนตรีถูกจาบจ้วงหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมือง จะไม่มีพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ก็เป็นเรื่องที่พวกเราต้องหาทางแก้ไข ท่านทรงยึดมั่นอยู่ในรัฐธรรมนูญ อย่างเคร่งครัด ส่วนจะรู้สึกเบื่อ รำคาญ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ก็ไม่ได้เบื่อหรือรำคาญอะไร แต่หากช่วยกันทำให้สถานการณ์บ้านเมืองสงบได้ก็จะดี แต่ตนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อสายไปคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะจะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง

เมื่อถามว่าหากอดีตนายกฯต่อสายคุย พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไม่มีปัญหา ตนคุยทุกครั้งที่พบกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะคุยกันเรื่องอะไร เพราะตนไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร ทุกครั้งที่พบ ตนก็ไม่เคยปฎิเสธ แม้ตอนเจอกันที่งานศพมารดาของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็พูดคุยกัน ส่วนโอกาสให้เหลืองกับแดงสมานฉันท์กันได้หรือไม่ขึ้นอยู่ที่พวกเราจะช่วยกันอย่างไร ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกอยากแก้ไขปัญหาชาติได้ และการที่จะแก้คือ การทำให้บ้านเมืองสงบสุข ไม่เกิดความขัดแย้งจนถึงขั้นทำให้คนเกิดความกังวล เรื่องนี้ไม่มีปัญหา แต่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น