ASTVผู้จัดการรายวัน – “ตั๊น-จิตภัสร์" ทายาทสิงห์ร่อนหนังสือลาออกรับผิดชอบแจกปฏิทินฉาวกลางทำเนียบฯ ยันไม่มีใครบีบ ด้าน "ศิริโชค" ระบุรัฐบาลต้องรอบคอบกว่านี้ดึงใครมาร่วมงาน ด้านเครือข่ายศูนย์ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็ก บุกทำเนียบจี้รัฐบาลรับผิดชอบ สธ.รวบรวมข้อมูลกว่า 100 กรณีส่งให้ตำรวจเอาผิด บ.สิงห์ ผิด พ.ร.บ.น้ำเมา “ธีระ”ประสาน ICT เล็งเอาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ภาคประชาชนสุดทนจวกยับ “สิงห์-นางแบบ” ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม กมธ.การเงินฯ เรียก 6 นางแบบปฏิทินวาบหวิวสอบ 23 ธ.ค. เล็งขยายผลยี่ห้ออื่นโฆษณาส่งเสริมการขายผิดกม. ยังเชื่อบอดี้เพนต์เป็นศิลปะมากกว่าอนาจาร
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้นำหนังสือลาออกของ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่ตกเป็นข่าวนำปฏิทินวาบหวิวของเบียร์ลีโอมาแจกจ่ายภายในทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา
** “ตั๊น”โชว์สปิริตลาออก
โดยหนังสือลาออกของ น.ส.จิตภัสร์ ระบุว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะนำปฏิทินไปแจกจ่าย แต่เป็นเพราะมีสื่อมวลชนหลายคนสนใจปฏิทินนี้ ประกอบกับเห็นว่าเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงได้นำติดรถมา ระหว่างนั้นมีคนเห็นหลายคน และเข้ามาขอปฏิทินด้วย ซึ่งก็ได้ให้ไปทุกคน โดยยอมรับว่าไม่ทันได้คิดว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถือเป็นความไม่รอบคอบ จนทำให้ส่งผลกระทบตามมามากมาย รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้ตัวเองกับครอบครัวได้รับผลกระทบแล้ว ยังส่งผลให้ผู้ใหญ่หลายคนที่นับถือพลอยเสื่อมเสียไปด้วย
แม้การกระทำครั้งนี้จะเป็นความพลาดพลั้งเนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาเป็นข้ออ้างปฏิเสธความรับผิดชอบจากการกระทำของตัวเอง จึงขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว และขอน้อมรับคำวิจารณ์ทั้งหมด เพื่อนำไปปรับปรุงตัวเอง พร้อมกันนี้ กราบขอโทษไปยังประชาชนทั้งประเทศที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่เหมาะสมขึ้นในทำเนียบรัฐบาล จึงขอแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีผลนับตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.
"บทเรียนครั้งนี้เป็นสิ่งมีค่ามากและจะเป็นเครื่องเตือนสติว่า ทุก ๆ การกระทำต้องมีความระมัดระวังและรอบคอบ และหวังว่าสังคมการเมืองจะยังเปิดโอกาสให้ดิฉันได้พิสูจน์ตัวเองในภายภาคหน้า" หนังสือของ น.ส.จิตภัสร์ ระบุ
**”ศิริโชค”ยัน ปชป.ไม่ได้บีบ
ขณะที่นายศิริโชค กล่าวว่า นายกฯ ยังไม่ได้เห็นข่าวนี้ แต่ก็ได้แสดงความเป็นห่วงกับเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีการบีบบังคับหรือกดดันให้ น.ส.จิตภัสร์ ลาออกจากตำแหน่ง แต่ น.ส.จิตภัสร์ ตัดสินใจลาออกเอง และต้องยอมรับว่าแม้ไม่ใช่การกระทำของรัฐบาล แต่เกิดขึ้นในทำเนียบฯ ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้ จะปฏิเสธไม่ได้ เบื้องต้น น.ส.จิตภัสร์ ได้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ในส่วนของรัฐบาลเองก็ต้องทบทวนและต้องระมัดระวังรอบคอบ หากจะให้ใครมาทำงานก็ต้องดูให้ดีกว่านี้
ส่วนการแต่งตั้งคนใหม่เป็นเรื่องของสำนักเลขาธิการนายกฯ และการแต่งตั้งคนใหม่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่ต้องตรวจสอบประวัติให้เข้มงวด แต่เป็นเรื่องของความรอบคอบ ยอมรับว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่อาจจะดูแลน้องไม่ดีพอ ทำให้เกิดความพลาดพลั้ง ซึ่งเราไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้อยู่แล้ว ต้องขอโทษประชาชนเช่นเดียวกันที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ให้ลาออก เพราะรัฐบาลเกรงจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า การลาออกคิดว่าน่าจะมาจากจิตสำนึกที่รับผิดชอบต่อสังคมของ น.ส.จิตภัสร์เอง ไม่มีใครไปบีบ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า "จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี” หรือ ตั๊น ทายาทของ จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ได้กลายมาเป็นประเด็นขึ้นหน้าหนึ่งให้สังคมพูดถึงอย่างหนาหู หลังออกมามาแจกปฎิทินที่เป็นปัญหาให้ข้าราชการที่ทำเนียบรัฐบาล ตั๊นจบปริญาตรีจาก คณะภูมิศาสตร์ มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ประเทศอังกฤษ ด้วยอายุ 23 ปี ก่อนมาเป็นข้าราชการ ทำงานในทีมรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายปณิธาน วัฒนายากร ตั๊นเคยฝึกงานกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวจับคู่กับ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ (กึ้ง) ทายาทเนสกาแฟ
**เครือข่ายผู้หญิงบุกทำเนียบ
วานนี้ (17 ธ.ค.) นางอรุณี ศรีโต ผู้ประสานงานศูนย์ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็ก 10 จังหวัด ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านไปถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมสำเนา ส่งถึงรัฐมนตรีและข้าราชการเมืองที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เพื่อขอให้รับผิดชอบและแสดงจุดยืน จากกรณีที่ น.ส.จิตตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทายาท บริษัทสิงห์ฯ ที่นำปฏิทินเบียร์ลีโอ ที่มีภาพไม่เหมาะสมมาแจกในทำเนียบรัฐบาล จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน อย่างกว้างขวาง
นางอรุณี กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกกฎกระทรวง มาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเครื่อดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ. 2551 เพื่อยุติปัญหาและสร้างความชัดเจน ในการปฏิบัติของทุกฝ่าย ขอให้รัฐบาลเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้อย่างจริงจัง เพราะเวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี เพียงพอสำหรับการปรับตัวของธุรกิจ ขอเรียกร้องให้กระทรวงวัฒนธรรม เข้ามาดูแลปัญหาความถูกต้องเหมาะสมของการผลิตปฏิทินดังกล่าว รวมถึงสื่ออื่นๆที่ขัดกับศีลธรรมอันดีงามของสังคม มิใช่ลอยตัวเหมือนไม่เป็นปัญหาทางวัฒนธรรม และขอให้บริษัทสิงห์ฯหยุดเลี่ยงบาลี หยุดละเมิดกฎหมายและหยุดอาศัยเรือนร่างผู้หญิง เพศแม่ หาประโยชน์ทางธุรกิจและขอให้น.ส.จิตตภัสร์ แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำครั้งนี้ โดยขอให้พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ให้มีการทำผิดกฎหมายในทำเนียบอีก
นางอรุณี กล่าวว่า เมื่อเห็นว่าบริษัทขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาโฆษณา อย่างงี้ก็ตกใจ เพราะความจริงเรื่องอย่างนี้น่าเลิกไปนานแล้ว ปัจจุบันมีกฎหมาย ควบคุมแล้ว บริษัทขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องมีสามัญสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ขายก็ขายไปอย่าโฆษณา ให้คนไทยติดเหล้าทุกคนแล้วประเทศชาติจะอยู่ได้อย่างไร ควรมีกลยุทธ์โฆษณาอย่างอื่นที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่การที่จ้างนางแบบมาโฆษณา อย่างนี้รับไม่ได้ และยิ่งตกใจมากที่มีการนำมาแจกกันในทำเนียบฯ เสียหายหนัก เกิดอะไรขึ้น หัวหน้ารัฐบาลทำอะไรอยู่ รัฐมนตรีทำอะไรกันอยู่ทั้งที่กฎหมายบอกว่า สื่ออย่างนี้ผิดกฎหมาย ถือเป็นการตบหน้าประชาชน
"จึงขอถามรัฐบาลว่าปล่อยให้เอามาแจกในทำเนียบได้อย่างไร ไม่รู้ไม่เห็น ได้อย่างไร และการที่ลูกสาวบริษัทที่เอามาแจกบอกว่าจะไปขอโทษนายกฯนั้น ความจริง ไม่ต้องขอโทษนายกฯหรอก ต้องมาขอโทษประชาชน เพราะทำให้ประชาชนไม่สบายใจ เจตนาอะไรไม่ทราบ แต่คุณเอาใส่รถมาแจกกันในทำเนียบฯ ซึ่งเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามต้องมีคำอธิบายว่านำมาแจกในทำเนียบฯได้อย่างไร มีเจตนาอะไร จึงขอตั้งคำถามกับรัฐบาลว่าทำอะไรอยู่ ขณะที่สื่อระบุว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แล้วมาแจกในที่ทำงานนายกฯอย่างนี้ต้องมีคำอธิบาย"
ด้านนายสาทิตย์ กล่าวว่า ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยและสอบถามข้อเท็จจริงจาก น.ส.จิตตภัสร์ ซึ่ง น.ส.จิตตภัสร์ ชี้แจงว่านำปฏิทินมาแจกครั้งนี้ไม่ได้มีการคิดอะไร แต่เพราะมีคนขอเอาไว้จึงได้นำมาให้ และตนได้แนะนำไปว่า ในเมื่อขณะนี้เรื่องนี้ ปรากฎเป็นข่าวเกิดขึ้นมาแล้ว ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงไป ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ทั้งนี้ น.ส.จิตตภัสร์ ได้ยอมรับกับตนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียน เพราะไม่คิดอะไรกับเรื่องนี้ เมื่อมีคนขอเขาก็เอามาให้ และตนได้สอบถามไปว่าหลังจากมีข่าวเกิดขึ้น แล้ว มีใครนำปฏิทินมาคืนบ้างหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนคิดว่านายกรัฐมนตรีคงจะทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่ติดตามข่าวสารอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำเนียบรัฐบาลถือว่าเป็นที่ทำงานของรัฐบาล ในอนาคตจะมีมาตรการการแจกจ่ายเอกสารภายในทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหา ที่อาจจะเกิดปัญหาขึ้นอีก นายสาทิตย์ กล่าวว่า ความจริงตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง ต้องระมัดระวัง เพราะทำเนียบฯเป็นที่ทำงานฝ่ายนโยบาย ดังนั้นอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ภายในทำเนียบรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหว แต่เมื่อเกิดข่าวขึ้นมาก็ต้องชี้แจง ตามข้อเท็จจริง
**สธ.รวมกว่า 100 กรณีส่ง ตร.เอาผิดสิงห์
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลประเด็นความผิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ เบื้องต้น บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กระทำความผิดตามที่ได้รับร้องเรียนทางโทรศัพท์ 15 กรณี และมีการตรวจสอบพบว่ามีความผิด ใน 4 มาตรา ได้แก่ มาตรา 27,30 31 และ 32 ในสื่อต่างๆ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ อินเทอร์เน็ต ประมาณ 100 กรณี
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรา 27 บริษัทสิงห์ฯ มีการจัดลานเบียร์ ในที่ห้ามขายทั้งสถานที่ราชการ และสวนสาธารณะ มาตรา 30 ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยวิธีการ หรือในลักษณะ แจก แถม ให้ หรือแลกเปลี่ยนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสินค้าอื่น หรือการให้บริการอย่างอื่นแล้วแต่กรณีเพื่อจูงใจสาธารณชนให้บริโภค ทั้งโดยตรงและอ้อม มีการจำหน่ายจ่ายแจก หรือแม้แต่การขายปฏิทินลีโอ 2010 มาตรา 31 ห้ามมิให้ผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณที่กฎหมายห้ามไว้ เช่น วัด สถานที่ราชการ สวนสาธารณเป็นต้น และ 4.มาตรา 32 ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือจูงใจให้ดื่ม ทั้งทางตรงและอ้อม ยกเว้นการโฆษณาที่ให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ที่สนับสนุนหรือร่วมกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่รับจ้างทำปฏิทิน นางแบบ พนักงาน หรือผู้ที่นำปฏิทินไปแจก รวมถึง น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ทายาทเบียร์สิงห์ ที่นำปฏิทินวาบหวิวไปแจกในทำเนียบรัฐบาล สธ. ก็จะพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน ตามหลักการถือว่ามีความผิด แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานสืบสวนที่จะเป็นผู้รวบรวมการกระทำผิดทั้งหมด และชี้ว่าใครเข้าข่ายต้องรับผิดชอบต่อการกระทำผิดที่เกิดขึ้นบ้าง ซึ่งพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าเป็นการกระทำที่จงใจท้าทายกฎหมายหรือไม่ได้เจตนา ซึ่งกระบวนการต่างๆ เป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว รวมทั้งบริษัทอื่นที่กระทำผิดในทำนองเดียวกันก็จะดำเนินการส่งเรื่องดำเนินคดีด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันข้อครหาในการเลือกปฏิบัติ
**วธ.ประสาน ICT เอาผิด พ.ร.บ.คอมพ์
ด้านนาย ธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) กล่าวว่า ได้จึงประสานไปยังศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ทำหนังสือเรียกร้องไปยัง บ.สิงห์ฯ ให้ระงับการแจกจ่ายปฏิทินดังกล่าวโดยเร็วที่สุด และขอให้ปฏิบัติตามกฏหมาย รวมถึงจะประสานไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เพื่อขอให้ตรวจสอบการเผยแพร่ปฏิทินดังกล่าวว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคมไทย และส่งผลร้ายต่อเด็กและเยาวชน
“ที่สำคัญอยากเรียกร้องให้เจ้าของผู้ผลิตปฏิทิน ควรมีคุณธรรม จริยธรรม และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะปัจจุบันเด็กและเยาวชนเป็นวัยที่น่าเป็นห่วง เพราะไม่สามารถแยกแยะอะไรได้ว่าถูก หรือ ผิด ได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามในช่วงปีใหม่ ถือเป็นวันเริ่มต้นทำเรื่องที่ดีๆ ในชีวิต จึงอยากขอให้ประชาชนเสพสิ่งที่ดีๆ เข้ามาในชีวิต ผมคิดว่าปฏิทินที่ดีและสร้างสรรค์ ยังมีอีกมาก และดีกว่าที่จะแสวงหาปฏิทินที่เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคมมาบริโภค” นายธีระ กล่าว
**เครือข่ายต้านเหล้าจี้ บ.สิงห์รับผิด
ด้านนายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายต้านภัยแอลกอฮอล์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำปฏิทินเบียร์ลีโอไปแจกในทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะปฏิทินลีโอฯ เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม อยากให้บริษัทสิงห์ฯ มีความรับผิดชอบต่อสังคมบ้าง ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้กับเจ้าหน้าที่ ประชาชน ร้านค้า เข้าใจว่า สามารถแจกปฏิทินได้ไม่ผิดอะไร
“ในวันที่ 23 ธ.ค.จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณานำมาตรการทางกฎหมายใหม่ๆ มาใช้ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งเหล้าปั่น การจัดโซนนิ่ง และการติดฉลากภาพคำเตือนบนบรรจุภัณฑ์ ดังนั้น ไม่อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งท้าทายกฎหมายเป็นการตอกย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมายของภาครัฐไม่มีประสิทธิภาพ กฎหมายลูกอื่นๆ ที่ออกตามมาก็นำมาบังคับใช้จริงไม่ได้”นายคำรณ กล่าว
นายคำรณ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เครือข่ายองค์กรต้านภัยเหล้าฯ และเครือข่ายเยาวชน ได้หารือกันเตรียมที่จะเดินทางเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้มีท่าทีที่ชัดเจนเกี่ยวกับปฏิทินวาบหวิวของลีโอฯ โดยเฉพาะขณะที่หลายฝ่ายร่วมกันรณรงค์กระเช้าปลอดเหล้า แต่บริษัทสิงห์กับให้ปฏิทินวาบหวิวเป็นของขวัญปีใหม่ จึงควรที่จะรณรงค์ปฏิเสธที่จะรับของขวัญที่เป็นอบายมุข และสร้างค่านิยมผิดๆ ให้กับสังคม
**จวกเละสิงห์ใช้เนื้อหนังหญิงหากิน
นายจะเด็ด เชาวน์วิไล ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า การที่ บ.สิงห์ฯ เป็นผู้สนับสนุนการทำปฏิทินวาบหวิวเพื่อแจก หรือจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป นอกจากจะเป็นการฝ่าฝืนไม่เคารพกฎหมายแล้ว ยังเป็นการทำปฏิทินวาบหวิว อนาจาร โดยการใช้นางแบบผู้หญิง 6 คน ไม่สวมเสื้อผ้ามาเพ้นท์สีตามร่างกาย เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม กระแสสังคมรับไม่ได้อีกด้วย โดยนางแบบทั้ง 6 คน รวมถึง ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล ที่เป็นผู้จัดทำปฏิทิน ถือว่าเป็นเหยื่อในการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อนี้อีกด้วย
“ที่แย่ที่สุดคือกรณี น.ส.จิตภัสร์นำปฏิทินวาบหวิวไปแจกให้กับข้าราชการ นักการเมืองที่ทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง ทำให้เสื่อมเสียอย่างมาก แม้จะแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอโทษต่อนายกรัฐมนตรีแล้วก็ตาม แต่น.ส.จิตภัสร์ ก็ควรจะขอโทษประชาชนด้วยเช่นกัน” นายจะเด็ด กล่าว
นายจะเด็ด กล่าวอีกว่า ภาคประชาชนได้ติดตามพฤติกรรมของบริษัทเหล้า เบียร์ มาตลอด ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า บ.สิงห์ฯ ยังใช้การตลาดแบบเก่า ล้าสมัยใช้ผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ ขายเนื้อหนังมังสา ก่อให้เกิดปัญหาสังคมและนำไปสู่ความรุนแรงทางเพศในที่สุด ซึ่ง บ.สิงห์ฯ ควรเปลี่ยนวิธีคิดกิจกรรมสื่อสารทางการตลาดที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมได้แล้ว
**คนเพื่อไทยบอกสวยดี
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมาธิการฯจะเชิญคณะผู้จัดทำปฏิทินวาบหวิวสไตล์บอดี้เพนต์ ที่เป็นข่าว คึกโครม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับดูแลด้านกฎหมายมาพิจารณา สอบสวนเพื่อหาทางออกและให้เกิดความชัดเจนกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขห้ามบริษัทเอกชนโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ และแจกจ่ายปฏิทินลีโอเบียร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตว่า คณะกรรมาธิการฯได้บรรจุวาระการพิจารณาเรื่องนี้แล้วในวันที่ 23 ธ.ค. โดยทำหนังสือเชิญไปถึง 6 นางแบบปฏิทิน นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มและแอลกอฮอลล์ กระทรวงสาธารณสุข อธิบดี กรมสรรพสามิต กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และกรรมการ ผู้จัดการบริษัท ฟีนาเล่ คอมพานี จำกัด ให้มาร่วมประชุมและชี้แจงเรียบร้อยแล้ว
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า หากปฏิทินดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการโฆษณาสุราหรือประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเพื่อส่งเสริมการขายสุรา และผิดกฎหมายว่าด้วยเรื่องการโฆษณา ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ พ.ศ. 2551 แล้ว โฆษณาเครื่องดื่ม แอลกอฮอลล์หลายยี่ห้อก่อนหน้านี้ที่มีการโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆก็เข้าข่ายผิดกฎหมายดังกล่าวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ตามร้านขายสินค้าปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรีก็พบว่ามีการขายสุราพ่วงกับการแจกกระเป๋า ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน การโฆษณาผ่านวารสารต่างๆก็ถือว่าผิดทั้งหมด ดังนั้นคณะกรรมาธิการฯจะเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเหล่านี้โดยเฉพาะนายมานิตมาชี้แจง เพราะเป็นรัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแลแต่กลับไม่มีการจับกุมหรือดำเนินการตามช่องทางของกฎหมาย ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
“ผมคิดว่าการจัดทำปฏิทินดังกล่าวเป็นศิลปะที่สวยงาม และประเทศไทยก็มีชื่อเสียงในเรื่องของศิลปะบนเรือนร่างอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนานาประเทศก็ให้การยอมรับในเรื่องเหล่านี้ จุดนี้อาจจะทำให้ชาวต่างชาติสนใจเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ไม่ควรไปมองมิติเดียวว่าเป็นการลามกอนาจาร เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็อยากถามว่า ทำไมรูปปั้นวีนัสจึงไม่มีใครบอกว่าเป็นรูปโป๊เปลือยบ้าง” นายสุรพงษ์กล่าว
**ขู่ ใช้ ม. 157 เล่นงาน“มาร์ค”
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ น.ส.จิตตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ข้าราชการการเมือง นำปฏิทินนู๊ดของบริษัทเบียร์ยี่ห้อหนึ่งมาแจกสื่อมวลชนและข้าราชการในทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง ไม่เคารพสถานที่ เพราะทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่สำคัญของประเทศ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ อีกทั้งผู้แจกเป็นลูกน้องของนายปณิธาน วัฒนายากร ปฎิบัติหน้าที่รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นปล่อยให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นได้อย่างไร มีการปู้ยี่ปู้ยำถึงในทำเนียบรัฐบาล โดยหน้าที่แล้วจะต้องสร้างภาพลักษณ์ประเทศในเชิงบวกแต่กลับปล่อยให้ลูกน้องในสังกัดออกมาสร้างความเสียหาย ดังนั้นขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการเอาผิดในเรื่องนี้ แต่อย่าไปกดดันให้เด็กลาออก และนายกรัฐมนตรีต้องแสดงความกล้าในการตรวจสอบ หรือว่าไม่กล้าตรวจสอบเพราะนายปณิธานและน.ส.จิตตภัสร์เป็นคนที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ทั้งๆ ที่รู้ว่ารัฐบาลกำลังมีปัญหาแต่กลับนำปฏิทินมาแจกในทำเนียบฯ เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันของคนในรัฐบาลหรือไม่เพื่อสร้างประเด็นข่าวกลบความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่มีผลงาน กลบปัญหามาบตาพุดและปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นที่มีอยู่ให้เห็นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าเรื่องเล็กๆนายกรัฐมนตรียังแก้ไม่ได้ แล้วปัญหาใหญ่ๆของประเทศจะแก้ได้อย่างไร หากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการตรวจสอบ จะมีการยื่นเรื่องดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 157 ด้วย นอกจากนี้ ขอเรียกร้องให้นายปณิธานลาออก เช่นเดียวกับนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม ไม่รู้ว่าหายหน้าไปไหน ทำไมไม่ออกมาดูแล จัดการเรื่องนี้ ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ก็ควรจะลาออกไปด้วย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้นำหนังสือลาออกของ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่ตกเป็นข่าวนำปฏิทินวาบหวิวของเบียร์ลีโอมาแจกจ่ายภายในทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา
** “ตั๊น”โชว์สปิริตลาออก
โดยหนังสือลาออกของ น.ส.จิตภัสร์ ระบุว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะนำปฏิทินไปแจกจ่าย แต่เป็นเพราะมีสื่อมวลชนหลายคนสนใจปฏิทินนี้ ประกอบกับเห็นว่าเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงได้นำติดรถมา ระหว่างนั้นมีคนเห็นหลายคน และเข้ามาขอปฏิทินด้วย ซึ่งก็ได้ให้ไปทุกคน โดยยอมรับว่าไม่ทันได้คิดว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถือเป็นความไม่รอบคอบ จนทำให้ส่งผลกระทบตามมามากมาย รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้ตัวเองกับครอบครัวได้รับผลกระทบแล้ว ยังส่งผลให้ผู้ใหญ่หลายคนที่นับถือพลอยเสื่อมเสียไปด้วย
แม้การกระทำครั้งนี้จะเป็นความพลาดพลั้งเนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาเป็นข้ออ้างปฏิเสธความรับผิดชอบจากการกระทำของตัวเอง จึงขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว และขอน้อมรับคำวิจารณ์ทั้งหมด เพื่อนำไปปรับปรุงตัวเอง พร้อมกันนี้ กราบขอโทษไปยังประชาชนทั้งประเทศที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่เหมาะสมขึ้นในทำเนียบรัฐบาล จึงขอแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีผลนับตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.
"บทเรียนครั้งนี้เป็นสิ่งมีค่ามากและจะเป็นเครื่องเตือนสติว่า ทุก ๆ การกระทำต้องมีความระมัดระวังและรอบคอบ และหวังว่าสังคมการเมืองจะยังเปิดโอกาสให้ดิฉันได้พิสูจน์ตัวเองในภายภาคหน้า" หนังสือของ น.ส.จิตภัสร์ ระบุ
**”ศิริโชค”ยัน ปชป.ไม่ได้บีบ
ขณะที่นายศิริโชค กล่าวว่า นายกฯ ยังไม่ได้เห็นข่าวนี้ แต่ก็ได้แสดงความเป็นห่วงกับเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีการบีบบังคับหรือกดดันให้ น.ส.จิตภัสร์ ลาออกจากตำแหน่ง แต่ น.ส.จิตภัสร์ ตัดสินใจลาออกเอง และต้องยอมรับว่าแม้ไม่ใช่การกระทำของรัฐบาล แต่เกิดขึ้นในทำเนียบฯ ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้ จะปฏิเสธไม่ได้ เบื้องต้น น.ส.จิตภัสร์ ได้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ในส่วนของรัฐบาลเองก็ต้องทบทวนและต้องระมัดระวังรอบคอบ หากจะให้ใครมาทำงานก็ต้องดูให้ดีกว่านี้
ส่วนการแต่งตั้งคนใหม่เป็นเรื่องของสำนักเลขาธิการนายกฯ และการแต่งตั้งคนใหม่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่ต้องตรวจสอบประวัติให้เข้มงวด แต่เป็นเรื่องของความรอบคอบ ยอมรับว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่อาจจะดูแลน้องไม่ดีพอ ทำให้เกิดความพลาดพลั้ง ซึ่งเราไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้อยู่แล้ว ต้องขอโทษประชาชนเช่นเดียวกันที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ให้ลาออก เพราะรัฐบาลเกรงจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า การลาออกคิดว่าน่าจะมาจากจิตสำนึกที่รับผิดชอบต่อสังคมของ น.ส.จิตภัสร์เอง ไม่มีใครไปบีบ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า "จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี” หรือ ตั๊น ทายาทของ จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ได้กลายมาเป็นประเด็นขึ้นหน้าหนึ่งให้สังคมพูดถึงอย่างหนาหู หลังออกมามาแจกปฎิทินที่เป็นปัญหาให้ข้าราชการที่ทำเนียบรัฐบาล ตั๊นจบปริญาตรีจาก คณะภูมิศาสตร์ มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ประเทศอังกฤษ ด้วยอายุ 23 ปี ก่อนมาเป็นข้าราชการ ทำงานในทีมรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายปณิธาน วัฒนายากร ตั๊นเคยฝึกงานกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวจับคู่กับ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ (กึ้ง) ทายาทเนสกาแฟ
**เครือข่ายผู้หญิงบุกทำเนียบ
วานนี้ (17 ธ.ค.) นางอรุณี ศรีโต ผู้ประสานงานศูนย์ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็ก 10 จังหวัด ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านไปถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมสำเนา ส่งถึงรัฐมนตรีและข้าราชการเมืองที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เพื่อขอให้รับผิดชอบและแสดงจุดยืน จากกรณีที่ น.ส.จิตตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทายาท บริษัทสิงห์ฯ ที่นำปฏิทินเบียร์ลีโอ ที่มีภาพไม่เหมาะสมมาแจกในทำเนียบรัฐบาล จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน อย่างกว้างขวาง
นางอรุณี กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกกฎกระทรวง มาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเครื่อดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ. 2551 เพื่อยุติปัญหาและสร้างความชัดเจน ในการปฏิบัติของทุกฝ่าย ขอให้รัฐบาลเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้อย่างจริงจัง เพราะเวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี เพียงพอสำหรับการปรับตัวของธุรกิจ ขอเรียกร้องให้กระทรวงวัฒนธรรม เข้ามาดูแลปัญหาความถูกต้องเหมาะสมของการผลิตปฏิทินดังกล่าว รวมถึงสื่ออื่นๆที่ขัดกับศีลธรรมอันดีงามของสังคม มิใช่ลอยตัวเหมือนไม่เป็นปัญหาทางวัฒนธรรม และขอให้บริษัทสิงห์ฯหยุดเลี่ยงบาลี หยุดละเมิดกฎหมายและหยุดอาศัยเรือนร่างผู้หญิง เพศแม่ หาประโยชน์ทางธุรกิจและขอให้น.ส.จิตตภัสร์ แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำครั้งนี้ โดยขอให้พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ให้มีการทำผิดกฎหมายในทำเนียบอีก
นางอรุณี กล่าวว่า เมื่อเห็นว่าบริษัทขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาโฆษณา อย่างงี้ก็ตกใจ เพราะความจริงเรื่องอย่างนี้น่าเลิกไปนานแล้ว ปัจจุบันมีกฎหมาย ควบคุมแล้ว บริษัทขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องมีสามัญสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ขายก็ขายไปอย่าโฆษณา ให้คนไทยติดเหล้าทุกคนแล้วประเทศชาติจะอยู่ได้อย่างไร ควรมีกลยุทธ์โฆษณาอย่างอื่นที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่การที่จ้างนางแบบมาโฆษณา อย่างนี้รับไม่ได้ และยิ่งตกใจมากที่มีการนำมาแจกกันในทำเนียบฯ เสียหายหนัก เกิดอะไรขึ้น หัวหน้ารัฐบาลทำอะไรอยู่ รัฐมนตรีทำอะไรกันอยู่ทั้งที่กฎหมายบอกว่า สื่ออย่างนี้ผิดกฎหมาย ถือเป็นการตบหน้าประชาชน
"จึงขอถามรัฐบาลว่าปล่อยให้เอามาแจกในทำเนียบได้อย่างไร ไม่รู้ไม่เห็น ได้อย่างไร และการที่ลูกสาวบริษัทที่เอามาแจกบอกว่าจะไปขอโทษนายกฯนั้น ความจริง ไม่ต้องขอโทษนายกฯหรอก ต้องมาขอโทษประชาชน เพราะทำให้ประชาชนไม่สบายใจ เจตนาอะไรไม่ทราบ แต่คุณเอาใส่รถมาแจกกันในทำเนียบฯ ซึ่งเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามต้องมีคำอธิบายว่านำมาแจกในทำเนียบฯได้อย่างไร มีเจตนาอะไร จึงขอตั้งคำถามกับรัฐบาลว่าทำอะไรอยู่ ขณะที่สื่อระบุว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แล้วมาแจกในที่ทำงานนายกฯอย่างนี้ต้องมีคำอธิบาย"
ด้านนายสาทิตย์ กล่าวว่า ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยและสอบถามข้อเท็จจริงจาก น.ส.จิตตภัสร์ ซึ่ง น.ส.จิตตภัสร์ ชี้แจงว่านำปฏิทินมาแจกครั้งนี้ไม่ได้มีการคิดอะไร แต่เพราะมีคนขอเอาไว้จึงได้นำมาให้ และตนได้แนะนำไปว่า ในเมื่อขณะนี้เรื่องนี้ ปรากฎเป็นข่าวเกิดขึ้นมาแล้ว ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงไป ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ทั้งนี้ น.ส.จิตตภัสร์ ได้ยอมรับกับตนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียน เพราะไม่คิดอะไรกับเรื่องนี้ เมื่อมีคนขอเขาก็เอามาให้ และตนได้สอบถามไปว่าหลังจากมีข่าวเกิดขึ้น แล้ว มีใครนำปฏิทินมาคืนบ้างหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนคิดว่านายกรัฐมนตรีคงจะทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่ติดตามข่าวสารอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำเนียบรัฐบาลถือว่าเป็นที่ทำงานของรัฐบาล ในอนาคตจะมีมาตรการการแจกจ่ายเอกสารภายในทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหา ที่อาจจะเกิดปัญหาขึ้นอีก นายสาทิตย์ กล่าวว่า ความจริงตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง ต้องระมัดระวัง เพราะทำเนียบฯเป็นที่ทำงานฝ่ายนโยบาย ดังนั้นอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ภายในทำเนียบรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหว แต่เมื่อเกิดข่าวขึ้นมาก็ต้องชี้แจง ตามข้อเท็จจริง
**สธ.รวมกว่า 100 กรณีส่ง ตร.เอาผิดสิงห์
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลประเด็นความผิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ เบื้องต้น บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กระทำความผิดตามที่ได้รับร้องเรียนทางโทรศัพท์ 15 กรณี และมีการตรวจสอบพบว่ามีความผิด ใน 4 มาตรา ได้แก่ มาตรา 27,30 31 และ 32 ในสื่อต่างๆ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ อินเทอร์เน็ต ประมาณ 100 กรณี
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรา 27 บริษัทสิงห์ฯ มีการจัดลานเบียร์ ในที่ห้ามขายทั้งสถานที่ราชการ และสวนสาธารณะ มาตรา 30 ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยวิธีการ หรือในลักษณะ แจก แถม ให้ หรือแลกเปลี่ยนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสินค้าอื่น หรือการให้บริการอย่างอื่นแล้วแต่กรณีเพื่อจูงใจสาธารณชนให้บริโภค ทั้งโดยตรงและอ้อม มีการจำหน่ายจ่ายแจก หรือแม้แต่การขายปฏิทินลีโอ 2010 มาตรา 31 ห้ามมิให้ผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณที่กฎหมายห้ามไว้ เช่น วัด สถานที่ราชการ สวนสาธารณเป็นต้น และ 4.มาตรา 32 ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือจูงใจให้ดื่ม ทั้งทางตรงและอ้อม ยกเว้นการโฆษณาที่ให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ที่สนับสนุนหรือร่วมกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่รับจ้างทำปฏิทิน นางแบบ พนักงาน หรือผู้ที่นำปฏิทินไปแจก รวมถึง น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ทายาทเบียร์สิงห์ ที่นำปฏิทินวาบหวิวไปแจกในทำเนียบรัฐบาล สธ. ก็จะพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน ตามหลักการถือว่ามีความผิด แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานสืบสวนที่จะเป็นผู้รวบรวมการกระทำผิดทั้งหมด และชี้ว่าใครเข้าข่ายต้องรับผิดชอบต่อการกระทำผิดที่เกิดขึ้นบ้าง ซึ่งพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าเป็นการกระทำที่จงใจท้าทายกฎหมายหรือไม่ได้เจตนา ซึ่งกระบวนการต่างๆ เป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว รวมทั้งบริษัทอื่นที่กระทำผิดในทำนองเดียวกันก็จะดำเนินการส่งเรื่องดำเนินคดีด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันข้อครหาในการเลือกปฏิบัติ
**วธ.ประสาน ICT เอาผิด พ.ร.บ.คอมพ์
ด้านนาย ธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) กล่าวว่า ได้จึงประสานไปยังศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ทำหนังสือเรียกร้องไปยัง บ.สิงห์ฯ ให้ระงับการแจกจ่ายปฏิทินดังกล่าวโดยเร็วที่สุด และขอให้ปฏิบัติตามกฏหมาย รวมถึงจะประสานไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เพื่อขอให้ตรวจสอบการเผยแพร่ปฏิทินดังกล่าวว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคมไทย และส่งผลร้ายต่อเด็กและเยาวชน
“ที่สำคัญอยากเรียกร้องให้เจ้าของผู้ผลิตปฏิทิน ควรมีคุณธรรม จริยธรรม และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะปัจจุบันเด็กและเยาวชนเป็นวัยที่น่าเป็นห่วง เพราะไม่สามารถแยกแยะอะไรได้ว่าถูก หรือ ผิด ได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามในช่วงปีใหม่ ถือเป็นวันเริ่มต้นทำเรื่องที่ดีๆ ในชีวิต จึงอยากขอให้ประชาชนเสพสิ่งที่ดีๆ เข้ามาในชีวิต ผมคิดว่าปฏิทินที่ดีและสร้างสรรค์ ยังมีอีกมาก และดีกว่าที่จะแสวงหาปฏิทินที่เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคมมาบริโภค” นายธีระ กล่าว
**เครือข่ายต้านเหล้าจี้ บ.สิงห์รับผิด
ด้านนายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายต้านภัยแอลกอฮอล์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำปฏิทินเบียร์ลีโอไปแจกในทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะปฏิทินลีโอฯ เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม อยากให้บริษัทสิงห์ฯ มีความรับผิดชอบต่อสังคมบ้าง ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้กับเจ้าหน้าที่ ประชาชน ร้านค้า เข้าใจว่า สามารถแจกปฏิทินได้ไม่ผิดอะไร
“ในวันที่ 23 ธ.ค.จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณานำมาตรการทางกฎหมายใหม่ๆ มาใช้ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งเหล้าปั่น การจัดโซนนิ่ง และการติดฉลากภาพคำเตือนบนบรรจุภัณฑ์ ดังนั้น ไม่อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งท้าทายกฎหมายเป็นการตอกย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมายของภาครัฐไม่มีประสิทธิภาพ กฎหมายลูกอื่นๆ ที่ออกตามมาก็นำมาบังคับใช้จริงไม่ได้”นายคำรณ กล่าว
นายคำรณ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เครือข่ายองค์กรต้านภัยเหล้าฯ และเครือข่ายเยาวชน ได้หารือกันเตรียมที่จะเดินทางเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้มีท่าทีที่ชัดเจนเกี่ยวกับปฏิทินวาบหวิวของลีโอฯ โดยเฉพาะขณะที่หลายฝ่ายร่วมกันรณรงค์กระเช้าปลอดเหล้า แต่บริษัทสิงห์กับให้ปฏิทินวาบหวิวเป็นของขวัญปีใหม่ จึงควรที่จะรณรงค์ปฏิเสธที่จะรับของขวัญที่เป็นอบายมุข และสร้างค่านิยมผิดๆ ให้กับสังคม
**จวกเละสิงห์ใช้เนื้อหนังหญิงหากิน
นายจะเด็ด เชาวน์วิไล ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า การที่ บ.สิงห์ฯ เป็นผู้สนับสนุนการทำปฏิทินวาบหวิวเพื่อแจก หรือจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป นอกจากจะเป็นการฝ่าฝืนไม่เคารพกฎหมายแล้ว ยังเป็นการทำปฏิทินวาบหวิว อนาจาร โดยการใช้นางแบบผู้หญิง 6 คน ไม่สวมเสื้อผ้ามาเพ้นท์สีตามร่างกาย เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม กระแสสังคมรับไม่ได้อีกด้วย โดยนางแบบทั้ง 6 คน รวมถึง ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล ที่เป็นผู้จัดทำปฏิทิน ถือว่าเป็นเหยื่อในการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อนี้อีกด้วย
“ที่แย่ที่สุดคือกรณี น.ส.จิตภัสร์นำปฏิทินวาบหวิวไปแจกให้กับข้าราชการ นักการเมืองที่ทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง ทำให้เสื่อมเสียอย่างมาก แม้จะแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอโทษต่อนายกรัฐมนตรีแล้วก็ตาม แต่น.ส.จิตภัสร์ ก็ควรจะขอโทษประชาชนด้วยเช่นกัน” นายจะเด็ด กล่าว
นายจะเด็ด กล่าวอีกว่า ภาคประชาชนได้ติดตามพฤติกรรมของบริษัทเหล้า เบียร์ มาตลอด ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า บ.สิงห์ฯ ยังใช้การตลาดแบบเก่า ล้าสมัยใช้ผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ ขายเนื้อหนังมังสา ก่อให้เกิดปัญหาสังคมและนำไปสู่ความรุนแรงทางเพศในที่สุด ซึ่ง บ.สิงห์ฯ ควรเปลี่ยนวิธีคิดกิจกรรมสื่อสารทางการตลาดที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมได้แล้ว
**คนเพื่อไทยบอกสวยดี
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมาธิการฯจะเชิญคณะผู้จัดทำปฏิทินวาบหวิวสไตล์บอดี้เพนต์ ที่เป็นข่าว คึกโครม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับดูแลด้านกฎหมายมาพิจารณา สอบสวนเพื่อหาทางออกและให้เกิดความชัดเจนกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขห้ามบริษัทเอกชนโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ และแจกจ่ายปฏิทินลีโอเบียร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตว่า คณะกรรมาธิการฯได้บรรจุวาระการพิจารณาเรื่องนี้แล้วในวันที่ 23 ธ.ค. โดยทำหนังสือเชิญไปถึง 6 นางแบบปฏิทิน นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มและแอลกอฮอลล์ กระทรวงสาธารณสุข อธิบดี กรมสรรพสามิต กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และกรรมการ ผู้จัดการบริษัท ฟีนาเล่ คอมพานี จำกัด ให้มาร่วมประชุมและชี้แจงเรียบร้อยแล้ว
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า หากปฏิทินดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการโฆษณาสุราหรือประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเพื่อส่งเสริมการขายสุรา และผิดกฎหมายว่าด้วยเรื่องการโฆษณา ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ พ.ศ. 2551 แล้ว โฆษณาเครื่องดื่ม แอลกอฮอลล์หลายยี่ห้อก่อนหน้านี้ที่มีการโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆก็เข้าข่ายผิดกฎหมายดังกล่าวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ตามร้านขายสินค้าปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรีก็พบว่ามีการขายสุราพ่วงกับการแจกกระเป๋า ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน การโฆษณาผ่านวารสารต่างๆก็ถือว่าผิดทั้งหมด ดังนั้นคณะกรรมาธิการฯจะเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเหล่านี้โดยเฉพาะนายมานิตมาชี้แจง เพราะเป็นรัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแลแต่กลับไม่มีการจับกุมหรือดำเนินการตามช่องทางของกฎหมาย ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
“ผมคิดว่าการจัดทำปฏิทินดังกล่าวเป็นศิลปะที่สวยงาม และประเทศไทยก็มีชื่อเสียงในเรื่องของศิลปะบนเรือนร่างอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนานาประเทศก็ให้การยอมรับในเรื่องเหล่านี้ จุดนี้อาจจะทำให้ชาวต่างชาติสนใจเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ไม่ควรไปมองมิติเดียวว่าเป็นการลามกอนาจาร เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็อยากถามว่า ทำไมรูปปั้นวีนัสจึงไม่มีใครบอกว่าเป็นรูปโป๊เปลือยบ้าง” นายสุรพงษ์กล่าว
**ขู่ ใช้ ม. 157 เล่นงาน“มาร์ค”
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ น.ส.จิตตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ข้าราชการการเมือง นำปฏิทินนู๊ดของบริษัทเบียร์ยี่ห้อหนึ่งมาแจกสื่อมวลชนและข้าราชการในทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง ไม่เคารพสถานที่ เพราะทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่สำคัญของประเทศ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ อีกทั้งผู้แจกเป็นลูกน้องของนายปณิธาน วัฒนายากร ปฎิบัติหน้าที่รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นปล่อยให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นได้อย่างไร มีการปู้ยี่ปู้ยำถึงในทำเนียบรัฐบาล โดยหน้าที่แล้วจะต้องสร้างภาพลักษณ์ประเทศในเชิงบวกแต่กลับปล่อยให้ลูกน้องในสังกัดออกมาสร้างความเสียหาย ดังนั้นขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการเอาผิดในเรื่องนี้ แต่อย่าไปกดดันให้เด็กลาออก และนายกรัฐมนตรีต้องแสดงความกล้าในการตรวจสอบ หรือว่าไม่กล้าตรวจสอบเพราะนายปณิธานและน.ส.จิตตภัสร์เป็นคนที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ทั้งๆ ที่รู้ว่ารัฐบาลกำลังมีปัญหาแต่กลับนำปฏิทินมาแจกในทำเนียบฯ เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันของคนในรัฐบาลหรือไม่เพื่อสร้างประเด็นข่าวกลบความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่มีผลงาน กลบปัญหามาบตาพุดและปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นที่มีอยู่ให้เห็นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าเรื่องเล็กๆนายกรัฐมนตรียังแก้ไม่ได้ แล้วปัญหาใหญ่ๆของประเทศจะแก้ได้อย่างไร หากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการตรวจสอบ จะมีการยื่นเรื่องดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 157 ด้วย นอกจากนี้ ขอเรียกร้องให้นายปณิธานลาออก เช่นเดียวกับนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม ไม่รู้ว่าหายหน้าไปไหน ทำไมไม่ออกมาดูแล จัดการเรื่องนี้ ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ก็ควรจะลาออกไปด้วย