ASTVผู้จัดการรายวัน-พบหมูฟาร์มสระบุรีติดหวัด 09 เป็นกรณีแรกในไทย เร่งเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิด 132 คน ต่อเนื่อง 15 วัน ระบุขณะนี้ทุกคนยังปกติดี ออกคำแนะนำกลุ่มเกษตรกรผู้เสี้ยงสุกร หากเป็นไข้หวัดห้ามเข้าฟร์มหรือสัมผัสสุกรอย่างเด็ดขาด ยันเนื้อสุกรกินได้แต่ต้องทำให้สุกทั่วถึง นักระบาดระบุไทยพบหวัด 2009 ในสุกรไม่แปลกเพราะพบใน ตปท.มาก่อนแล้ว แต่ปศุสัตว์ต้องคุมการแพร่ระบาดในสัตว์ให้ดี
วานนี้ (17 ธ.ค.) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าวร่วมกับ นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบสุกรที่สถานีวิจัยทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 เมื่อ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสถานีวิจัยดังกล่าวเป็นสถานีปรับปรุงพันธุ์สุกร และเป็นที่ฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษาสัตวบาลของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.)
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ในสุกรครั้งนี้ เป็นไปตามที่นักวิชาการทั้งกระทรวงเกษตรฯ และ สธ. คาดคะเนไว้ ซึ่งได้เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดทั้งในคนและสัตว์ควบคู่กัน เนื่องจากสถานการณ์การระบาดในคน ล่าสุดมีคนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ไปแล้วกว่า 8.5 ล้านคน หลังพบสุกรติดเชื้อ
“สธ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่สอบสวนควบคุมโรคจากสำนักระบาดวิทยา ลงควบคุมการแพร่ระบาดและสอบสวนโรค ร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2552 พบผู้สัมผัสทั้งหมด 132 คน ประกอบด้วย กลุ่มเจ้าหน้าที่ประจำสถานีวิจัย 37 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ในสำนักงานและเจ้าหน้าที่แปรรูปผลิตภัณฑ์ 30 คน ผู้เลี้ยงสุกรในฟาร์ม 7 คน และกลุ่มนิสิต นักศึกษา เจ้าหน้าที่ที่มาฝึกงานในฟาร์ม 95 คน ทุกรายมีชื่อที่อยู่ชัดเจน ติดต่อได้ โดยเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 15 วัน เพื่อดูว่าจะมีการติดเชื้อจากสุกรที่ป่วยไปสู่คนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกยังไม่มีรายงานคนติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จากสัตว์”
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ผลการเฝ้าระวังจนถึงวันนี้รวม 6 วัน ทุกคนสบายดี จะเฝ้าระวังไปจนถึงวันที่ 26 ธ.ค. หากพบรายใดมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด เช่น มีอาการไอ มีน้ำมูก หรือเจ็บคอ จะรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลทันที
ทั้งนี้ ในส่วนสถานการณ์ไข้หวัด 2009 ของ จ.สระบุรี จากการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ยังไม่พบสถานการณ์ผิดปกติ ส่วนยอดสะสมตั้งแต่ พ.ค. - 13 ธ.ค. 2552 มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 29,741 ราย เสียชีวิต 190 ราย
นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แม้มีรายงานการติดเชื้อของสัตว์หลายชนิดจากคนแต่ยังไม่พบการติดเชื้อจากสัตว์มาสู่คน เพื่อความไม่ประมาท กรมควบคุมโรคได้ออกคำแนะนำการป้องกันการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ระหว่างคนและสัตว์เลี้ยงเพื่อลดความเสี่ยงเชื้อกลายพันธุ์ สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรให้หลีกเลี่ยงการเลี้ยงสัตว์ปีก เช่น เป็ด ห่าน ไก่ นก ในบริเวณเดียวกับที่เลี้ยงสุกร ห้ามผู้ที่มีอาการไข้หวัด เข้าไปในสถานที่เลี้ยงสุกร หรือสัมผัสสุกรโดยเด็ดขาด หากสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ให้หยุดงานอยู่ที่บ้านประมาณ 7 วัน ถ้าอาการมากหรือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจป่วยหนัก เช่น มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคเลือด หรือกำลังตั้งครรภ์ ต้องรีบไปโรงพยาบาล ห้ามเข้าฟาร์มหรือคอกสัตว์ ส่วนผู้ที่เข้าปฏิบัติงานในฟาร์มควรใส่รองเท้าบู๊ทและแช่ในอ่างน้ำยาฆ่าเชื้อ ก่อนและหลังเข้าคอกสัตว์เลี้ยง และควรอาบน้ำ ซักล้างทำความสะอาดชุดปฏิบัติงานหลังเลิกงาน เพื่อป้องกันการแพร่หรือรับเชื้อจากสุกร
นอกจากนี้ควรมีอ่างล้างมือในคอกเลี้ยงสุกร และเกษตรกรต้องล้างมือบ่อยๆ ทั้งก่อนและหลังสัมผัสสัตว์และอุปกรณ์ในคอกสัตว์ ขณะเข้าทำงานในฟาร์มสุกรให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ตา จมูกและปากของตนเอง และเพื่อความปลอดภัยขอให้ปรุงเนื้อสุกรให้สุกอย่างทั่วถึง หากพบสัตว์เลี้ยงมีอาการไข้หวัด แจ้งปศุสัตว์เพื่อตรวจอาการและให้การรักษาตามมาตรฐาน
ด้าน นพ.ภาสกร อัครเสวี ผอ.สำนักระบาดวิทยา กล่าวว่า การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในสุกรในต่างประเทศมีรายงานการติดเชื้อที่ประเทศ ญี่ปุ่น อเมริกา แคนนาดาและสเปนมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น การที่ไทยเพิ่งพบรายงานการติดเชื้อในสุกรไม่ใช่เรื่องน่าแปลก อย่างไรก็ตาม จากที่มีการเฝ้าระวังการผสมกันของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ในสุกร ขณะนี้ยังไม่ถือว่าเป็นสัญญาณที่จะเกิดเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ เพราะผลจากตรวจวิเคราะห์เชื้อในสุกรพบเพียงไข้หวัดใหญ่ 2009 เพียงชนิดเดียว โดยทีมระบาดวิทยากำลังสืบสวนว่าในกลุ่มผู้ติดเชื้อมีการนำโรคไปติดในสัตว์ได้อย่างไร นอกจากนี้ ถือเป็นหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ที่ต้องเฝ้าระวังและควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ในสุกรไม่ให้แพร่กระจายมากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กรณีการพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย แต่ในหลายประเทศก็มีการพบหมูติดเชื้อดังกล่าวแล้วก่อนหน้านี้เช่นกัน
วานนี้ (17 ธ.ค.) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าวร่วมกับ นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบสุกรที่สถานีวิจัยทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 เมื่อ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสถานีวิจัยดังกล่าวเป็นสถานีปรับปรุงพันธุ์สุกร และเป็นที่ฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษาสัตวบาลของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.)
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ในสุกรครั้งนี้ เป็นไปตามที่นักวิชาการทั้งกระทรวงเกษตรฯ และ สธ. คาดคะเนไว้ ซึ่งได้เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดทั้งในคนและสัตว์ควบคู่กัน เนื่องจากสถานการณ์การระบาดในคน ล่าสุดมีคนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ไปแล้วกว่า 8.5 ล้านคน หลังพบสุกรติดเชื้อ
“สธ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่สอบสวนควบคุมโรคจากสำนักระบาดวิทยา ลงควบคุมการแพร่ระบาดและสอบสวนโรค ร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2552 พบผู้สัมผัสทั้งหมด 132 คน ประกอบด้วย กลุ่มเจ้าหน้าที่ประจำสถานีวิจัย 37 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ในสำนักงานและเจ้าหน้าที่แปรรูปผลิตภัณฑ์ 30 คน ผู้เลี้ยงสุกรในฟาร์ม 7 คน และกลุ่มนิสิต นักศึกษา เจ้าหน้าที่ที่มาฝึกงานในฟาร์ม 95 คน ทุกรายมีชื่อที่อยู่ชัดเจน ติดต่อได้ โดยเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 15 วัน เพื่อดูว่าจะมีการติดเชื้อจากสุกรที่ป่วยไปสู่คนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกยังไม่มีรายงานคนติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จากสัตว์”
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ผลการเฝ้าระวังจนถึงวันนี้รวม 6 วัน ทุกคนสบายดี จะเฝ้าระวังไปจนถึงวันที่ 26 ธ.ค. หากพบรายใดมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด เช่น มีอาการไอ มีน้ำมูก หรือเจ็บคอ จะรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลทันที
ทั้งนี้ ในส่วนสถานการณ์ไข้หวัด 2009 ของ จ.สระบุรี จากการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ยังไม่พบสถานการณ์ผิดปกติ ส่วนยอดสะสมตั้งแต่ พ.ค. - 13 ธ.ค. 2552 มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 29,741 ราย เสียชีวิต 190 ราย
นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แม้มีรายงานการติดเชื้อของสัตว์หลายชนิดจากคนแต่ยังไม่พบการติดเชื้อจากสัตว์มาสู่คน เพื่อความไม่ประมาท กรมควบคุมโรคได้ออกคำแนะนำการป้องกันการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ระหว่างคนและสัตว์เลี้ยงเพื่อลดความเสี่ยงเชื้อกลายพันธุ์ สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรให้หลีกเลี่ยงการเลี้ยงสัตว์ปีก เช่น เป็ด ห่าน ไก่ นก ในบริเวณเดียวกับที่เลี้ยงสุกร ห้ามผู้ที่มีอาการไข้หวัด เข้าไปในสถานที่เลี้ยงสุกร หรือสัมผัสสุกรโดยเด็ดขาด หากสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ให้หยุดงานอยู่ที่บ้านประมาณ 7 วัน ถ้าอาการมากหรือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจป่วยหนัก เช่น มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคเลือด หรือกำลังตั้งครรภ์ ต้องรีบไปโรงพยาบาล ห้ามเข้าฟาร์มหรือคอกสัตว์ ส่วนผู้ที่เข้าปฏิบัติงานในฟาร์มควรใส่รองเท้าบู๊ทและแช่ในอ่างน้ำยาฆ่าเชื้อ ก่อนและหลังเข้าคอกสัตว์เลี้ยง และควรอาบน้ำ ซักล้างทำความสะอาดชุดปฏิบัติงานหลังเลิกงาน เพื่อป้องกันการแพร่หรือรับเชื้อจากสุกร
นอกจากนี้ควรมีอ่างล้างมือในคอกเลี้ยงสุกร และเกษตรกรต้องล้างมือบ่อยๆ ทั้งก่อนและหลังสัมผัสสัตว์และอุปกรณ์ในคอกสัตว์ ขณะเข้าทำงานในฟาร์มสุกรให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ตา จมูกและปากของตนเอง และเพื่อความปลอดภัยขอให้ปรุงเนื้อสุกรให้สุกอย่างทั่วถึง หากพบสัตว์เลี้ยงมีอาการไข้หวัด แจ้งปศุสัตว์เพื่อตรวจอาการและให้การรักษาตามมาตรฐาน
ด้าน นพ.ภาสกร อัครเสวี ผอ.สำนักระบาดวิทยา กล่าวว่า การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในสุกรในต่างประเทศมีรายงานการติดเชื้อที่ประเทศ ญี่ปุ่น อเมริกา แคนนาดาและสเปนมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น การที่ไทยเพิ่งพบรายงานการติดเชื้อในสุกรไม่ใช่เรื่องน่าแปลก อย่างไรก็ตาม จากที่มีการเฝ้าระวังการผสมกันของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ในสุกร ขณะนี้ยังไม่ถือว่าเป็นสัญญาณที่จะเกิดเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ เพราะผลจากตรวจวิเคราะห์เชื้อในสุกรพบเพียงไข้หวัดใหญ่ 2009 เพียงชนิดเดียว โดยทีมระบาดวิทยากำลังสืบสวนว่าในกลุ่มผู้ติดเชื้อมีการนำโรคไปติดในสัตว์ได้อย่างไร นอกจากนี้ ถือเป็นหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ที่ต้องเฝ้าระวังและควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ในสุกรไม่ให้แพร่กระจายมากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กรณีการพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย แต่ในหลายประเทศก็มีการพบหมูติดเชื้อดังกล่าวแล้วก่อนหน้านี้เช่นกัน