ไม่น่าเชื่อว่า เราจะได้เห็นภาพของคนไทยร่วมมือกับชาวต่างชาติโจมตีประเทศของตัวเอง ไม่น่าเชื่อนะครับว่า เราจะได้เห็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านของไทยร่วมกับรัฐบาลต่างชาติโจมตีรัฐบาลของตัวเอง ไม่น่าเชื่อนะครับว่า เราเห็นหนังสือพิมพ์ไทยมีความเห็นสอดคล้องต้องกันกับชาติที่ประกาศตัวเป็นปรปักษ์กับชาติตัวเอง
ผมไม่ได้พูดเช่นนั้น เพื่อจะตะบี้ตะบันยืนยันว่า ไม่ว่ารัฐบาลเราจะกระทำการใดต่อชาติอื่น เราจะต้องสนับสนุนรัฐบาลของเรา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เราต้องพิจารณาปัญหาต่างๆ ด้วยเหตุผล ต่อสู้บนกรอบกติกา บนพื้นที่ที่กติกาเปิดให้เราต่อสู้กัน
ไม่ใช่ลงจากเวทีแล้วไปดึงคนอื่นมากระทืบคู่ต่อสู้บนเวที เหมือนที่พรรคเพื่อไทยแพ้โหวตในการแย่งชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกับพรรคประชาธิปัตย์ในสภาแล้วไปดึงพรรคประชาชน (เขมร) หรือดึงรัฐบาลเขมรมาต่อสู้บนเวทีการเมืองของไทย
แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกต้อง ผมคิดว่า ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่จะชุมนุมขับไล่ มากกว่าการคิดเพียงว่า ถึงเวลาสี่ปีแล้วค่อยเลือกตั้งใหม่แบบนักวิชาการผู้บูชาลัทธิเลือกตั้งบางคนเพ้อพก
ไม่ว่าการปกครองระบอบไหนก็ตาม รัฐบาลนอกจากมีหน้าที่บริหารประเทศแล้ว รัฐบาลก็คือตัวแทนของประเทศในการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับต่างชาติ รัฐบาลคือ ตัวแทนที่ชอบธรรมของประเทศ การกระทำใดๆ ในนามรัฐบาลคือ การกระทำของประเทศและของชนในชาติ
แต่กระนั้นความเป็นรัฐชาติย่อมต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง ยึดหลักนิติธรรม ไม่นั้นคงไม่สามารถดำรงความเป็นชาติและจะถูกสังคมโลกปฏิเสธได้
ในวิถีประชาธิปไตยนั้น แม้ว่าพรรคการเมืองจะแข่งขันเพื่อแย่งชิงอำนาจรัฐแต่นั่นก็เป็นเรื่องของการเมืองภายใน โดยมีสำนึกแห่งความเป็นชาติเป็นหลักยึดให้การเมืองในประเทศนั้น
พรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งแม้จะก่อสงครามในการแย่งชิงอำนาจรัฐและมีความขัดแย้งในอุดมการณ์การเมืองแบบคนละขั้ว แต่เมื่อถูกญี่ปุ่นรุกรานทั้งสองพรรคก็ยุติสงครามและหันมาจับมือกันต่อสู้กับศัตรูก็ด้วยสำนึกและศักดิ์ศรีของความเป็นชาติซึ่งไม่ใช่เรื่องคลั่งชาติ
และสะท้อนว่าไม่ว่าอุดมการณ์คอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตยแต่คนในชาติต้องมีสำนึกแห่งความเป็นชาติ
แม้ว่าการเมืองที่ดึงเอาต่างชาติมาสู่การแย่งชิงอำนาจภายในประเทศของตัวเองจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในโลกใบนี้ เหมือนที่ฮุนเซนเอากองทัพเวียดนามเข้ามายึดอำนาจและสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นผู้นำ รัสเซียเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาภายในอัฟกานิสถาน หรือสหรัฐอเมริกาเข้าไปจุ้นจ้านกับปัญหาการเมืองภายในของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
แต่ไม่น่าเชื่อว่า มาถึงพ.ศ.นี้คนไทยจะขัดแย้งกันภายใน จนนักการเมืองอีกฝ่ายไปดึงต่างชาติมาร่วมวงขัดแย้งกับรัฐบาลตัวเอง โดยละทิ้งสำนึกแห่งความเป็นชาติ และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชาติไปอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่า แม้โลกทุกวันนี้จะเป็นโลกที่ไร้พรมแดนไปแล้ว ความเป็นพลเมืองโลกได้ก้าวข้ามรัฐและลอดรัฐไปแล้ว แต่อาณาเขตของความเป็นชาติ ความเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยังต้องมีสำนึกแห่งความเป็นชาติและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชาติ ก็ยังคงอยู่ เหมือนเรามีโฉนดที่ดินมีรั้วบ้าน มีครอบครัว มีวงศ์ตระกูลของตัวเอง
วันนี้เรามีความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ คนในชาติแตกความคิดกันออกเป็นเสี่ยงๆ แต่เรากันเองกลับขยายความขัดแย้งและความแตกแยกนี้ไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วปล่อยให้เพื่อนบ้านเข้ามาหมิ่นหยามประเทศของตัวเอง
สมัยก่อนเวลารถยนต์ถูกขโมยไป เป็นที่รู้กันว่า รถยนต์เหล่านั้นส่วนใหญ่จะถูกพาข้ามแดนไปยังประเทศเขมร ถ้าเราจำได้เคยมีข่าวว่าคนไทยไปเที่ยวเขมรแล้วไปพบว่า รถยนต์ของตัวเองอยู่ที่นั่น แต่ถูกเปลี่ยนป้ายไปเป็นทะเบียนเขมรเสียแล้ว
แต่กรณีรถยนต์หายแล้วข้ามแดนไปนั้น เป็น “วิถีของโจร” ที่ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลของแต่ละประเทศเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย อาจจะเป็นปัญหาที่เจ้าหน้าที่รัฐของทั้งสองประเทศสมรู้ร่วมคิด แต่เป็นความชั่วเฉพาะตัว ซึ่งเป็นเรื่องยากที่คนในชาติที่มีอารยะและรัฐบาลที่ชอบธรรมจะยอมรับการประพฤติปฏิบัติเช่นนั้นได้
วันนี้เราไม่ได้เพียงแต่เห็นรถยนต์ที่ถูกโจรลักขโมยข้ามชาติไปเล่นแร่แปรธาตุในต่างแดนเท่านั้น แต่เรากลับเห็นนักโทษและผู้ต้องหาที่ถูกรัฐไทยตั้งข้อหาและพิพากษาว่ากระทำผิดเข้าไปลอยนวลอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านโดยได้รับการรับรองและอุ้มชูจากรัฐบาลของประเทศนั้น
ในฐานะความเป็นชาติ สำนึกและศักดิ์ศรีของความเป็นชาติแล้ว เราควรจะประณามชาตินั้น ว่า ก้าวล่วงกิจการภายในของประเทศของเรา แต่กลายเป็นว่า เรากลับมีพรรคการเมืองของประเทศไปสนับสนุนการกระทำดังกล่าวของต่างชาติ ไม่เพียงแต่สนับสนุนเท่านั้นยังใช้อำนาจในทางนิติบัญญัติไปสนับสนุนการกระทำของต่างชาติเพื่อย่ำยีประเทศตัวเอง
แน่นอนครับผมพูดถึงพฤติกรรมของ ส.ส.เพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ หลายคนอาจจะบอกว่า ผมพูดเพราะเป็นฝ่ายที่เป็นปรปักษ์อย่างชัดเจนกับพรรคการเมืองพรรคนี้ แต่จริงแล้วผมพูดเพื่อให้พรรคการเมืองพรรคนี้ได้คิดว่า ถ้าวันหนึ่งพวกเขาเป็นฝ่ายบริหารและเป็นฝ่ายถือครองอำนาจรัฐ พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามจะกระทำอย่างที่พวกเขากระทำอยู่ด้วยการเอาต่างชาติเข้ามาหมิ่นหยามชาติของตัวเองจะเป็นการสมควรหรือไม่
เรื่องของทักษิณนั้น ผมจะไม่โต้เถียงกับพวกเสื้อแดงว่าผิดหรือไม่ผิด แน่นอนเสื้อแดงต้องบอกว่าไม่ผิด แต่ผมไม่เคยได้ยินพวกเขาพูดเลยว่า ในกรณีที่ดินรัชดาฯ นั้นทักษิณไม่ผิดอย่างไร นอกจากสร้างวาทกรรมว่า ทักษิณทำอะไรก็ผิด แต่ไม่บอกว่า ถ้าทำผิดมันก็ต้องผิด ทำถูกมันก็ต้องถูก
กรณีของนายศิวรักษ์นั้น ผมถามพรรคเพื่อไทยว่า ในเมื่อนายศิวรักษ์ซึ่งพรรคเพื่อไทยช่วยกันอุ้มชูออกจากคุกเขมรออกมาพูดด้วยตัวเองอย่างชัดแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ของสถานทูตไทยเพียงแต่สอบถามว่า เที่ยวบินของทักษิณมาถึงแล้วหรือไม่ เขาก็บอกมาถึงแล้วหลังจากเครื่องลง 20 นาที ซึ่งย่อมไม่ใช่เป็นเรื่องความลับอะไร
และจริงแล้วเราจะเห็นว่า ทันทีที่ทักษิณถึงสนามบินพนมเปญสำนักข่าวต่างชาติก็ส่งข่าวและภาพไปทั่วโลกแล้ว
ผมคิดว่าสิ่งที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยควรจะใช้สมองพิจารณาว่า ข้อมูลดังกล่าวที่นายศิวรักษ์บอกเล่าเจ้าหน้าที่ทูตของไทยนั้นเป็นข้อมูลลับจนทำให้ชาติของตัวเอง (ไทย) ถูกเขมรกล่าวหาว่า จารกรรมข้อมูลซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงระหว่างประเทศหรือไม่
ผมคิดว่า วันนี้เรารู้อยู่แล้วทักษิณสู้เพื่ออะไรและสู้เพื่อใคร แล้วคนกลุ่มไหนที่แย่งชิงอำนาจกระทั่งยอมทำลายศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของชาติ
แต่คำตอบที่แน่นอนคือว่า นักโทษชายทักษิณหลบหนีคำพิพากษาภายใต้พระปรมาภิไธยของกษัตริย์ไทยแล้วได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐเขมร ภายใต้พระปรมาภิไธยของกษัตริย์เขมรที่ให้แผ่นดินเขาซุกหัว
surawhisky@hotmail.com
ผมไม่ได้พูดเช่นนั้น เพื่อจะตะบี้ตะบันยืนยันว่า ไม่ว่ารัฐบาลเราจะกระทำการใดต่อชาติอื่น เราจะต้องสนับสนุนรัฐบาลของเรา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เราต้องพิจารณาปัญหาต่างๆ ด้วยเหตุผล ต่อสู้บนกรอบกติกา บนพื้นที่ที่กติกาเปิดให้เราต่อสู้กัน
ไม่ใช่ลงจากเวทีแล้วไปดึงคนอื่นมากระทืบคู่ต่อสู้บนเวที เหมือนที่พรรคเพื่อไทยแพ้โหวตในการแย่งชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกับพรรคประชาธิปัตย์ในสภาแล้วไปดึงพรรคประชาชน (เขมร) หรือดึงรัฐบาลเขมรมาต่อสู้บนเวทีการเมืองของไทย
แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกต้อง ผมคิดว่า ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่จะชุมนุมขับไล่ มากกว่าการคิดเพียงว่า ถึงเวลาสี่ปีแล้วค่อยเลือกตั้งใหม่แบบนักวิชาการผู้บูชาลัทธิเลือกตั้งบางคนเพ้อพก
ไม่ว่าการปกครองระบอบไหนก็ตาม รัฐบาลนอกจากมีหน้าที่บริหารประเทศแล้ว รัฐบาลก็คือตัวแทนของประเทศในการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับต่างชาติ รัฐบาลคือ ตัวแทนที่ชอบธรรมของประเทศ การกระทำใดๆ ในนามรัฐบาลคือ การกระทำของประเทศและของชนในชาติ
แต่กระนั้นความเป็นรัฐชาติย่อมต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง ยึดหลักนิติธรรม ไม่นั้นคงไม่สามารถดำรงความเป็นชาติและจะถูกสังคมโลกปฏิเสธได้
ในวิถีประชาธิปไตยนั้น แม้ว่าพรรคการเมืองจะแข่งขันเพื่อแย่งชิงอำนาจรัฐแต่นั่นก็เป็นเรื่องของการเมืองภายใน โดยมีสำนึกแห่งความเป็นชาติเป็นหลักยึดให้การเมืองในประเทศนั้น
พรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งแม้จะก่อสงครามในการแย่งชิงอำนาจรัฐและมีความขัดแย้งในอุดมการณ์การเมืองแบบคนละขั้ว แต่เมื่อถูกญี่ปุ่นรุกรานทั้งสองพรรคก็ยุติสงครามและหันมาจับมือกันต่อสู้กับศัตรูก็ด้วยสำนึกและศักดิ์ศรีของความเป็นชาติซึ่งไม่ใช่เรื่องคลั่งชาติ
และสะท้อนว่าไม่ว่าอุดมการณ์คอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตยแต่คนในชาติต้องมีสำนึกแห่งความเป็นชาติ
แม้ว่าการเมืองที่ดึงเอาต่างชาติมาสู่การแย่งชิงอำนาจภายในประเทศของตัวเองจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในโลกใบนี้ เหมือนที่ฮุนเซนเอากองทัพเวียดนามเข้ามายึดอำนาจและสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นผู้นำ รัสเซียเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาภายในอัฟกานิสถาน หรือสหรัฐอเมริกาเข้าไปจุ้นจ้านกับปัญหาการเมืองภายในของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
แต่ไม่น่าเชื่อว่า มาถึงพ.ศ.นี้คนไทยจะขัดแย้งกันภายใน จนนักการเมืองอีกฝ่ายไปดึงต่างชาติมาร่วมวงขัดแย้งกับรัฐบาลตัวเอง โดยละทิ้งสำนึกแห่งความเป็นชาติ และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชาติไปอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่า แม้โลกทุกวันนี้จะเป็นโลกที่ไร้พรมแดนไปแล้ว ความเป็นพลเมืองโลกได้ก้าวข้ามรัฐและลอดรัฐไปแล้ว แต่อาณาเขตของความเป็นชาติ ความเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยังต้องมีสำนึกแห่งความเป็นชาติและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชาติ ก็ยังคงอยู่ เหมือนเรามีโฉนดที่ดินมีรั้วบ้าน มีครอบครัว มีวงศ์ตระกูลของตัวเอง
วันนี้เรามีความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ คนในชาติแตกความคิดกันออกเป็นเสี่ยงๆ แต่เรากันเองกลับขยายความขัดแย้งและความแตกแยกนี้ไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วปล่อยให้เพื่อนบ้านเข้ามาหมิ่นหยามประเทศของตัวเอง
สมัยก่อนเวลารถยนต์ถูกขโมยไป เป็นที่รู้กันว่า รถยนต์เหล่านั้นส่วนใหญ่จะถูกพาข้ามแดนไปยังประเทศเขมร ถ้าเราจำได้เคยมีข่าวว่าคนไทยไปเที่ยวเขมรแล้วไปพบว่า รถยนต์ของตัวเองอยู่ที่นั่น แต่ถูกเปลี่ยนป้ายไปเป็นทะเบียนเขมรเสียแล้ว
แต่กรณีรถยนต์หายแล้วข้ามแดนไปนั้น เป็น “วิถีของโจร” ที่ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลของแต่ละประเทศเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย อาจจะเป็นปัญหาที่เจ้าหน้าที่รัฐของทั้งสองประเทศสมรู้ร่วมคิด แต่เป็นความชั่วเฉพาะตัว ซึ่งเป็นเรื่องยากที่คนในชาติที่มีอารยะและรัฐบาลที่ชอบธรรมจะยอมรับการประพฤติปฏิบัติเช่นนั้นได้
วันนี้เราไม่ได้เพียงแต่เห็นรถยนต์ที่ถูกโจรลักขโมยข้ามชาติไปเล่นแร่แปรธาตุในต่างแดนเท่านั้น แต่เรากลับเห็นนักโทษและผู้ต้องหาที่ถูกรัฐไทยตั้งข้อหาและพิพากษาว่ากระทำผิดเข้าไปลอยนวลอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านโดยได้รับการรับรองและอุ้มชูจากรัฐบาลของประเทศนั้น
ในฐานะความเป็นชาติ สำนึกและศักดิ์ศรีของความเป็นชาติแล้ว เราควรจะประณามชาตินั้น ว่า ก้าวล่วงกิจการภายในของประเทศของเรา แต่กลายเป็นว่า เรากลับมีพรรคการเมืองของประเทศไปสนับสนุนการกระทำดังกล่าวของต่างชาติ ไม่เพียงแต่สนับสนุนเท่านั้นยังใช้อำนาจในทางนิติบัญญัติไปสนับสนุนการกระทำของต่างชาติเพื่อย่ำยีประเทศตัวเอง
แน่นอนครับผมพูดถึงพฤติกรรมของ ส.ส.เพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ หลายคนอาจจะบอกว่า ผมพูดเพราะเป็นฝ่ายที่เป็นปรปักษ์อย่างชัดเจนกับพรรคการเมืองพรรคนี้ แต่จริงแล้วผมพูดเพื่อให้พรรคการเมืองพรรคนี้ได้คิดว่า ถ้าวันหนึ่งพวกเขาเป็นฝ่ายบริหารและเป็นฝ่ายถือครองอำนาจรัฐ พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามจะกระทำอย่างที่พวกเขากระทำอยู่ด้วยการเอาต่างชาติเข้ามาหมิ่นหยามชาติของตัวเองจะเป็นการสมควรหรือไม่
เรื่องของทักษิณนั้น ผมจะไม่โต้เถียงกับพวกเสื้อแดงว่าผิดหรือไม่ผิด แน่นอนเสื้อแดงต้องบอกว่าไม่ผิด แต่ผมไม่เคยได้ยินพวกเขาพูดเลยว่า ในกรณีที่ดินรัชดาฯ นั้นทักษิณไม่ผิดอย่างไร นอกจากสร้างวาทกรรมว่า ทักษิณทำอะไรก็ผิด แต่ไม่บอกว่า ถ้าทำผิดมันก็ต้องผิด ทำถูกมันก็ต้องถูก
กรณีของนายศิวรักษ์นั้น ผมถามพรรคเพื่อไทยว่า ในเมื่อนายศิวรักษ์ซึ่งพรรคเพื่อไทยช่วยกันอุ้มชูออกจากคุกเขมรออกมาพูดด้วยตัวเองอย่างชัดแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ของสถานทูตไทยเพียงแต่สอบถามว่า เที่ยวบินของทักษิณมาถึงแล้วหรือไม่ เขาก็บอกมาถึงแล้วหลังจากเครื่องลง 20 นาที ซึ่งย่อมไม่ใช่เป็นเรื่องความลับอะไร
และจริงแล้วเราจะเห็นว่า ทันทีที่ทักษิณถึงสนามบินพนมเปญสำนักข่าวต่างชาติก็ส่งข่าวและภาพไปทั่วโลกแล้ว
ผมคิดว่าสิ่งที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยควรจะใช้สมองพิจารณาว่า ข้อมูลดังกล่าวที่นายศิวรักษ์บอกเล่าเจ้าหน้าที่ทูตของไทยนั้นเป็นข้อมูลลับจนทำให้ชาติของตัวเอง (ไทย) ถูกเขมรกล่าวหาว่า จารกรรมข้อมูลซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงระหว่างประเทศหรือไม่
ผมคิดว่า วันนี้เรารู้อยู่แล้วทักษิณสู้เพื่ออะไรและสู้เพื่อใคร แล้วคนกลุ่มไหนที่แย่งชิงอำนาจกระทั่งยอมทำลายศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของชาติ
แต่คำตอบที่แน่นอนคือว่า นักโทษชายทักษิณหลบหนีคำพิพากษาภายใต้พระปรมาภิไธยของกษัตริย์ไทยแล้วได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐเขมร ภายใต้พระปรมาภิไธยของกษัตริย์เขมรที่ให้แผ่นดินเขาซุกหัว
surawhisky@hotmail.com