xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กบัวหลวงชี้ศก.ฟื้นตัวเปราะบาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "โฆสิต"คาดจีดีพีไทยปีหน้าขยายตัวแต่ยังเปราะบาง คาดโตได้ 3% รับแรงหนุนจากมาตรการขับเคลื่อนภาคการเงินของรัฐบาล ห่วงภาระรัฐบาลหากต้องเป็นหลักในการอัดฉีดเศรษฐกิจระยะยาว เหตุใช้นโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ขึ้น ทั้งที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ แนะแก้ปัญหามาบตาพุดต้องใช้ความร่วมมือกัน

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2553 จะมีการฟื้นตัวดีขึ้นจากปีนี้ แต่จะเป็นลักษณะที่ไม่แข็งแรง โดยคาดว่าจีดีพีปีหน้าทั้งปีน่าจะขยายตัวเฉลี่ย 3% ซึ่งจะได้รับปัจจัยสนุบสนุนจากมาตรการขับเคลื่อนภาคการเงินของรัฐบาล ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจโลก ก็คงจะมีทิศทางการฟื้นตัวที่เหมือนกัน ส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้น่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยไตรมาส 4 ของปีนี้ จีดีพีจะมีทิศทางที่ดีขึ้นคือกลับมาเป็นบวก ส่งผลให้ทั้งปีตัวเลขจีดีพีอยู่ที่ลบ 3%

"ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งของประเทศไทยและประเทศอื่นทั่วโลกในปีหน้าจะเหมือนกันคือมีการปรับตัวดีขึ้น แต่จะเป็นลักษณะที่ต้องปรับตัวไปเรื่อยๆ บนพื้นฐานของความเปราะบาง เพื่อให้สามารถดำรงอยู่ได้ ส่วนมาตรการทางการเงินของรัฐบาลที่ใช้ดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยนั้น มองว่าคงสามารถทำได้ในระดับหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าจะปล่อยให้รัฐบาลเป็นฝ่ายดูแลคนเดียวไปเรื่อยๆคงจะไม่ได้ เพราะมีข้อจำกัดหลายด้าน ในขณะเดียวกันเรื่องของต้นทุนก็เป็นปัจจัยที่ทุกอุตสาหกรรมจะต้องคำนึง ต้องมีการควบคุมต้นทุนและความเสี่ยงให้ได้ ดังนั้นการลงทุนอะไรก็ตามจะต้องระวังตามสมควรเพราะยังไม่สามารถอาศัยกำลังซื้อ (ดีมานด์)ของตลาดรองรับได้ง่าย ซึ่งภาคธุรกิจของธนาคารก็ไม่ต่างจากปีนี้มากนัก คงจะมีสถานการณ์เหมือนกันหากไม่มีการลงทุนจากภาคเอกชน"นายโฆสิต กล่าว

ส่วนกรณีโครงการมาบตาพุดที่ยังหาทางออกไม่ได้ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงเช่นกัน เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความพร้อมในการลงทุนแล้ว ขณะเดียวกันยังไม่เห็นโครงการอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกัน แต่ถ้าโครงการในมาบตาพุดสามารถดำเนินการต่อได้ก็จะช่วยเพิ่มด้านการลงทุนภาคเอกชน แต่หากไม่มีความคืบหน้าอาจจำเป็นต้องพึ่งพาการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐต่อไป อย่างไรก็ดี ในด้านการแก้ไขปัญหามาบตาพุดเป็นเรื่องที่ต้องมีความร่วมมือกัน เพื่อสร้างระบบที่มีความยั่งยืน

"มีความรู้สึกว่าการแก้ไขปัญหาต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องมีความร่วมมือ ถ้าเป็นการแก้ปัญหาจากคนใดคนหนึ่งก็คงสามารถทำได้แต่มันไม่ยั่งยืน ควรเป็นการหันมาหารือกันเพื่อสร้างระบบ โครงการมาบตาพุดดูเขาพร้อมลงทุนแล้ว และดูจากโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมระดับเดียวกันก็ยังมองไม่เห็น ซึ่งถ้าเขาได้ลงทุนจะช่วยเพิ่ม ถ้าไม่มีตรงนี้ก็ยังต้องมาจากภาครัฐต่อไป"นายโฆสิต กล่าว

นายโฆสิต ยังกล่าวอีกว่า ปัจจัยเสี่ยงในปีหน้าจะยังคงมีอยู่คือจากการที่รัฐบาลในปัจจุบันไม่สามารถใช้นโยบายการเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับต่ำพอสมควร ในขณะที่หลายประเทศก็เริ่มมีการปรับทิศทางอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น จึงมองว่านโยบายการเงินของรัฐบาลจะต้องค่อยๆคลี่คลายออกไป แล้วจึงพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ภาคเอกชนมีความพร้อมต่อการลงทุนมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น