xs
xsm
sm
md
lg

เปิดอกคุย “ศรีรัตน์ รัษฐปานะ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจากที่กรมส่งเสริมการส่งออกมีอธิบดีคนใหม่ และอธิบดีคนใหม่ได้ใช้เวลาในการปรับรูปแบบการทำงานมาร่วม 2 เดือน ปรากฎว่ามีทั้งเสียงสนับสนุน และเสียงค้าน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการทำงาน โดยนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ได้เปิดโอกาสให้ไขข้อสงสัยทุกอย่างแบบเปิดอกคุยถึงที่มาที่ไปในการปรับรูปแบบการทำงาน รวมไปถึงการตอบคำถามว่าทำไมถึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดทำโครงการเพื่อสนับสนุนการส่งออกสินค้าไทยแนวใหม่
นางศรีรัตน์ ได้เริ่มการสนทนาด้วยการชี้แจงว่า กรมส่งเสริมการส่งออกจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ในการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ เพราะกรมฯ เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักสำคัญเพื่อนำรายได้เข้าประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์สถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ ดังนั้น กรมฯจะจึงต้องปรับเปลี่ยนการทำงานของประเทศไทยให้สอดรับและเดินหน้า เพื่อแข่งขันในตลาดโลกได้
“จากการระดมความคิด ร่วมกับผู้บริหารของกรมฯ 6-7 ครั้ง เห็นว่าจุดที่ต้องปรับเปลี่ยน คือ การปรับลดงบประมาณที่ทุ่มไปใช้ในการงานแสดงสินค้าและการจัดคณะผู้แทนการค้าทั้งนำเข้า-ส่งออกเกือบร้อยละ 70 ของงบประมาณในแต่ละปี โดยจะไปเน้นกิจกรรมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ให้สอดรับกับการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไป”
หลังจากที่มีการจูนความเห็นออกมาตรงกันแล้ว จึงเกิด 9 โครงการขึ้นมา รวมงบประมาณ 310 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกร วงเงิน 30 ล้านบาท 2.โครงการ Thailand's Export Showcase วงเงิน 30 ล้านบาท 3.โครงการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์สู่สากล 10 ล้านบาท 4.โครงการส่งเสริมสินค้า และธุรกิจบริการเชิงสร้างสรรค์ร่วมกับ ASEAN -Japan Center 10 ล้านบาท 5.โครงการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการส่งออก 30 ล้านบาท 6.โครงการพัฒนาตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเชิงลึก 30 ล้านบาท 7.โครงการพัฒนาระบบตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 20 ล้านบาท 8.โครงการพัฒนาระบบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ 100 ล้านบาท และ 9.โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ 30 ล้านบาท
โครงการเหล่านี้ ได้ผ่านคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแล้ว และจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในเร็วๆ นี้
สำหรับข้อสงสัยในการจัดทำ 9 โครงการ โดยเฉพาะบางโครงการมีการใช้งบประมาณมาก และใช้เงินมากเกินความจำเป็น นางศรีรัตน์ชี้แจงโดยยกตัวอย่างให้เห็นว่า โครงการพัฒนาระบบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศจำนวน 100 ล้านบาทนั้น จำเป็นต้องเร่งดำเนินการ เพราะจากการตรวจสอบพบว่า ในรอบ 20 ปี ฐานข้อมูลที่กรมฯ มีอยู่ใช้ได้เพียง 20-30% เท่านั้น และเอกชนเองก็พูดตลอด ประกอบกับที่ผ่านมาทั้ง 61 สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศต่างใช้งบประมาณที่ซ้ำซ้อนในการซื้อข้อมูลบริษัทนำเข้า-ส่งออก จึงทำให้สิ้นเปลื้องงบประมาณโดยไม่จำเป็น โดยแต่ละหน่วยจะใช้งบประมาณที่ได้รับถึงร้อยละ 70 ที่ได้รับอนุมัติเพื่อการนี้
“จึงมีแนวคิดที่จะตั้งศูนย์กลางไว้ที่กระทรวงฯ แล้วให้ทุกหน่วยงานใน-นอกประเทศไทย และเอกชนได้ใช้ฐานข้อมูลการตลาดในเชิงลึกนี้ได้ด้วย อย่างไรก็ตามต้องไปดูเงื่อนไขด้วยว่า ผู้ให้บริการจะให้กรมฯ สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลได้กี่จุด ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกผู้ให้บริการจะต้องจำกัดไว้ ไม่เช่นนั้น เขาจะไม่สามารถขายข้อมูลให้กับคนอื่นๆ ได้”นางศรีรัตน์ กล่าว พร้อมกับอธิบายต่อว่า สำหรับข้อมูลที่ซื้อมาจากยูโร มอนิเตอร์ มีการซื้อข้อมูลมาจริง แต่มีเงื่อนไขว่า ดูและนำบางส่วนมาใช้ประโยชน์ได้ แต่ไม่สามารถเผยแพร่ได้
สำหรับการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ที่ได้เลื่อนไป แต่ยังไม่ได้กำหนดวันประชุมใหม่นั้น เป็นเพราะนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ติดภารกิจด่วน ต้อนรับคณะจากมาเลเซีย และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับเลขาฯ นางพรทิวาอีกครั้งว่า จะนัดอีกครั้งวันไหน แต่ไม่ได้เลื่อนออกไป เพราะมีกระแสข่าวออกมา
พร้อมกับยืนยันว่า คณะกรรมการฯ ชุดนี้ มีตัวแทนจากหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและเอกชนด้วย อาทิ สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นต้น จึงมีการทำงานที่เป็นระบบและตรวจสอบซึ่งกันและกันได้ โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเงิน สามารถตรวจสอบเอกสารได้ ทุกอย่างมีใบเสร็จรับเงินและมีข้อท้วงติงอยู่สม่ำเสมอ ถือเป็นการทำงานปกติ
“การกล้าจะปรับปรุงงาน เพื่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการทำสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทาย ย่อมจะมีคนคิดแตกต่าง ไม่เห็นด้วยเป็นธรรมดา แต่สถานการณ์การตลาดโลกได้เปลี่ยนแปลงไป เราย่อมจะต้องปรับตัวตาม ไม่เช่นนั้น เราจะตามคู่แข่งไม่ทัน โดยส่วนตัวเห็นว่า จะตั้งใจทำงานให้เกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น แม้จะมีความคิดต่าง ก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งเหล่านี้เพื่อให้การทำงานทันสมัยขึ้น และการขยับเข้าสู่เป้าหมายตัวเลขการส่งออกให้เป็นบวกได้เป็นจริงมากขึ้น”นางศรีรัตน์กล่าวทิ้งทาย
กำลังโหลดความคิดเห็น