xs
xsm
sm
md
lg

“พณ.” รุกตั้ง “ศูนย์พัฒนาค้าชายแดน” กับเพื่อนบ้าน-ประเดิม “กัมพูชา” ฝ่าวิกฤตสัมพันธ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์  เป็นประธานประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การค้าไทย - กัมพูชา สถานการณ์ใหม่” และ การเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้ AFTA ที่ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ ( 25 พ.ย.)
ศรีสะเกษ – “เจ๊วา” เผย ก.พาณิชย์ รุกผลักดันจัดตั้ง “ศูนย์การพัฒนาการค้าชายแดน” กับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ เผยนำร่องกับกัมพูชา เพื่อแก้ไขและพัฒนาความร่วมมือการค้า 2 ประเทศ หลังเผชิญวิกฤต ยันปัญหาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชา ส่งผลเชิงจิตวิทยาเล็กน้อย ไม่กระทบการค้า 7 หมื่นล้าน เชื่อเป็นอุปสรรคระยะสั้นและจะคลี่คลายในเร็วๆ นี้ ด้านเอกชน ระบุ ไม่พบเขมรต่อต้านสินค้าไทยแต่อย่างใด

วันนี้ (25 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ห้องประชุมลำดวนทอง โรงแรมพรหมพิมาน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมาเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การค้าไทย-กัมพูชา สถานการณ์ใหม่” และ การเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้ AFTA โดยมี นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และตัวแทนหอการค้าจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด เข้าร่วมการประชุม

ก่อนที่ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ จะยกคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมภาวการณ์ซื้อขายสินค้าชายแดนที่ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ หลังจากที่มีปัจจัยเหตุการณ์ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาล เข้ามากระทบ

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มูลค่าการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา มีมากกว่า 70,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจากปัญหาลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ ได้ส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่มูลค่าการซื้อขายสินค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงเป็นไปตามปกติ โดยเชื่อว่าปัญหาทางการเมืองและความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ จะเป็นอุปสรรคในระยะสั้นและจะคลี่คลายได้ในเร็ววันนี้

“ดังนั้น การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ เพื่อรับทราบสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบธุรกิจการค้าชายแดนในระดับพื้นที่ด้วย” นางพรทิวา กล่าว

นางพรทิวา กล่าวต่อว่า ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ศึกษารูปแบบและการบริหารจัดการศูนย์การพัฒนาการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง 4 ประเทศ คือ พม่า ส.ป.ป.ลาว กัมพูชา และ มาเลเซีย โดยจะนำร่องดำเนินการกับประเทศกัมพูชา เป็นลำดับแรกเพื่อแก้ไขและพัฒนาความร่วมมือทางการค้า 2 ประเทศ ซึ่งศูนย์พัฒนาการค้าชายแดนฯดังกล่าวจะมีการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ฝ่ายความมั่นคง และภาคประชาชนในระดับพื้นที่

พร้อมกันนี้ ในการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ได้มีการพูดคุย ชี้แจง เรื่องการเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ “AFTA” (ASEAN Fee Trade Area) ที่ประเทศไทย ในฐานะสมาชิก ATFA มีพันธกรณีต้องยกเลิกมาตรการโควตาภาษี และลดภาษีเหลือร้อยละ 0 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2553

ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้พี่น้องเกษตรกรได้รับทราบและเข้าใจตรงกันถึงการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรของกลุ่มประเทศอาเซียนในอัตราภาษี 0% ดังกล่าว ว่า ข้อตกลงพันธกิจต่างๆ ที่รัฐบาลได้ทำไว้ มีทั้งได้และเสีย แต่ในการเจรจานั้นได้มุ่งประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นหลัก

“สำหรับพี่น้องเกษตรกร ก็จะได้ประโยชน์ในแง่ของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในกลุ่มอาเซียนที่มีการค้าขาย นำเข้าสินค้าในอัตราภาษี 0% เหมือนกันทุกประเทศ นั้นจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้พี่น้องเกษตรกรในด้านการแข่งขันผลิตสินค้าออกมาให้มีคุณภาพ” นางพรทิวา กล่าว

ด้าน นางดวงใจ จันทร เลขาธิการหอการค้าจังหวัดตราด และประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านด้านประเทศกัมพูชา ของสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาวะการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังจากที่มีปัญหาลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างรัฐบาล 2 ประเทศ นั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าขายชายแดนมากนัก

ทั้งนี้ ตลาดผู้บริโภคกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีกว่า 200 ล้านคน เป็นตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อ จึงไม่ต้องการให้ปัญหาด้านความสัมพันธ์ดังกล่าว ได้ลุกลามส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศรวมทั้งการค้าชายแดน ซึ่งขณะนี้ภายในประเทศกัมพูชาเองไม่ได้มีการต่อต้านสินค้าจากประเทศไทยแต่อย่างใด

“อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวที่อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน เช่นกรณีการปิดน่านน้ำทางทะเล ของกัมพูชา เพราะได้ส่งผลเสียต่อระดับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการชายแดนไทย-กัมพูชา” นางดวงใจ กล่าว
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์


รมว.พาณิชย์ กับ  นายระพี  ผ่องบุพกิจ  ผู้ว่าฯศรีสะเกษ
กำลังโหลดความคิดเห็น