ที่ประชุม ครม.เห็นชอบ ร่างหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ของ อปท.มีมติพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนไทย-พม่า แม่สอด จ.ตาก
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ที่ว่าด้วยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548 และระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ.2552 รวมเป็นฉบับเดียว เพื่อให้สามารถใช้บังคับได้กับทุกส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภท รวมทั้งให้ผู้สูงอายุทั้งประเทศได้รับเงินเบี้ยยังชีพอย่างทั่วถึง เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้แก่ผู้มีสิทธิ โดยจ่ายเงินรายเดือน หรือสามเดือนต่อหนึ่งครั้ง เป็นเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารในอัตราเดือนละ 500 บาท หรือตามมติคณะรัฐมนตรีกำหนด แต่หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดจะจ่ายเกินกว่าที่กำหนด ให้เสนอสภาท้องถิ่นพิจารณาอนุมัติ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกว่าสองเท่าของอัตราที่กำหนด โดยในเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตรวจสอบสถานะ ของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดิม กำหนดให้สิทธิของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสิ้นสุดลง เมื่อผู้นั้นถึงแก่กรรมหรือขาดคุณสมบัติ หรือผู้นั้นแจ้งสละสิทธิ การขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนมีสิทธิ ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ด้าน นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมครม.ว่าที่ประชุมครม.วันนี้ว่า เห็นชอบในหลักการการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนไทย-พม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตากตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้ง 3 ข้อ คือ 1.ให้เร่งรัดการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ ไทย-พม่า แห่งที่ 2 เพื่อรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น และรองรับระเบียงเศรษฐกิจ ตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) 2.ให้เร่งรัดการดำเนินโครงการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งศูนย์บริการนำเข้า-ส่งออก เบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และ ศูนย์โลจิสติกส์รวมทั้งคลังสินค้า (Logistics Park) ในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-พม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยจัดหาพื้นที่ตามแนวเส้นทางก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 และ 3.ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจการค้าชายแดนไทย-พม่า โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจการค้าชายแดนไทย-พม่า ให้เป็นไปอย่างบูรณาการต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ที่ว่าด้วยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548 และระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ.2552 รวมเป็นฉบับเดียว เพื่อให้สามารถใช้บังคับได้กับทุกส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภท รวมทั้งให้ผู้สูงอายุทั้งประเทศได้รับเงินเบี้ยยังชีพอย่างทั่วถึง เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้แก่ผู้มีสิทธิ โดยจ่ายเงินรายเดือน หรือสามเดือนต่อหนึ่งครั้ง เป็นเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารในอัตราเดือนละ 500 บาท หรือตามมติคณะรัฐมนตรีกำหนด แต่หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดจะจ่ายเกินกว่าที่กำหนด ให้เสนอสภาท้องถิ่นพิจารณาอนุมัติ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกว่าสองเท่าของอัตราที่กำหนด โดยในเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตรวจสอบสถานะ ของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดิม กำหนดให้สิทธิของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสิ้นสุดลง เมื่อผู้นั้นถึงแก่กรรมหรือขาดคุณสมบัติ หรือผู้นั้นแจ้งสละสิทธิ การขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนมีสิทธิ ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ด้าน นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมครม.ว่าที่ประชุมครม.วันนี้ว่า เห็นชอบในหลักการการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนไทย-พม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตากตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้ง 3 ข้อ คือ 1.ให้เร่งรัดการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ ไทย-พม่า แห่งที่ 2 เพื่อรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น และรองรับระเบียงเศรษฐกิจ ตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) 2.ให้เร่งรัดการดำเนินโครงการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งศูนย์บริการนำเข้า-ส่งออก เบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และ ศูนย์โลจิสติกส์รวมทั้งคลังสินค้า (Logistics Park) ในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-พม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยจัดหาพื้นที่ตามแนวเส้นทางก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 และ 3.ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจการค้าชายแดนไทย-พม่า โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจการค้าชายแดนไทย-พม่า ให้เป็นไปอย่างบูรณาการต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ