ASTVผู้จัดการรายวัน- “ศรีรัตน์”อุ้ม 9 โครงการฉาว ยันโปร่งใส เหตุเป็นการทำงานแนวใหม่ เพื่อช่วยเหลือการส่งออก แต่ตอบไม่เคลียร์บางโครงการงบประหลาดโผล่ เผย “พรทิวา” เลิกประชุมบอร์ดชุดใหญ่กระทันหัน
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงกรณีคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้อนุมัติการจัดทำโครงการเพื่อช่วยเหลือการส่งออก 9 โครงการ วงเงิน 310 ล้านบาทที่มีกระแสข่าวถึงความไม่โปร่งใสและเป็นการทำตามใบสั่งของคนใกล้ชิดนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ว่า เป็นการเข้าใจผิด เพราะการจัดทำโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานในกรมฯ ได้เสนอโครงการเข้ามา และเป็นการเสนอโครงการที่ยึดหลักการทำงานแนวใหม่ ที่ต้องจัดทำโครงการเชิงลึกให้เป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจให้มากที่สุด
“ที่ผ่านมา งบประมาณของกรมฯ กว่า 70% จะเป็นการจัดงานแฟร์ จัดคณะเดินทางไปต่างประเทศ ที่เหลือ 30% เป็นงบช่วยเหลือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฝึกอบรมคน และช่วยส่งออกไปตลาดใหม่ ซึ่งเราเห็นว่างบ 70% ทำแค่งานแฟร์ จัดแค่มิชชั่น มันมากไป บางงานจัดมาเป็น 10 ปี คนมาน้อย เลิกได้มั้ย ก็คุยกับคนในกรมฯ ว่า โครงการพวกนี้ลดได้หรือไม่ เอาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่าหรือไม่ และยังมีโจทย์มาอีกว่าจะต้องทำอะไรเชิงลึกเพื่อช่วยภาคธุรกิจ ก็เลยหดโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์ และมาทำโครงการที่เป็นประโยชน์แทน”นางศรีรัตน์กล่าว
สำหรับ 9 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาระบบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศวงเงิน 100 ล้านบาท 2.โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกร (SR Mark) วงเงิน 50 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ (New Exporters/SMEs) วงเงิน 30 ล้านบาท 4.โครงการ Thailand Export Show Case แสดงนวัตกรรมสินค้าส่งออกของไทย วงเงิน 30 ล้านบาท 5.โครงการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์สู่สากล วงเงิน 10 ล้านบาท 6.โครงการส่งเสริมสินค้าและธุรกิจบริการเชิงสร้างสรรค์ร่วมกับ ASEAN-JAPAN Center วงเงิน 10 ล้านบาท 7.โครงการส่งเสริมการพัมนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการส่งออก วงเงิน 30 ล้านบาท 8.โครงการพัฒนาตลาด AEC เชิงลึก (เน้น CLMV) และชายแดน วงเงิน 30 ล้านบาท และ 9.โครงการพัฒนาระบบตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ วงเงิน 20 ล้านบาท
นางศรีรัตน์กล่าวว่า กรณีการตั้งข้อสังเกตว่าการจัดทำโครงการไม่โปร่งใส่ มีการใส่วงเงินค่าใช้จ่ายแบบผิดปกตินั้น ขอชี้แจงว่า ในเรื่องการจัดทำระบบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ ที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 75 ล้านบาท ในการซื้อข้อมูลรายชื่อผู้นำเข้า ข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ เป็นค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม เพราะข้อมูลที่กรมฯ มีอยู่ล้าสมัยเก็บมาเป็น 20 ปี แต่ใช้ได้จริงแค่ไม่ถึง 20-30% จึงต้องมีการปรับปรุงระบบข้อมูลใหม่ทั้งหมด และหากทำสำเร็จจะเกิดประโยชน์อย่างมาก ไม่ใช่แค่ผู้ส่งออกเท่านั้นที่จะใช้ข้อมูลได้ แต่หน่วยงานอื่นๆ ของไทยสามารถเข้ามาใช้ได้ด้วย
ส่วนการระบุค่าใช้จ่ายในบางโครงการว่าเป็นค่าธรรมเนียมสนามบินสูงถึง 1 ล้านบาท หรือค่าโรงแรม 3.15 ล้านบาท แต่ค่าตั๋วเครื่องบิน 1.6 แสนบาท นางศรีรัตน์ไม่ได้ตอบ แต่เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการส่งออก ได้ชี้แจงว่า เป็นการตั้งค่าใช้จ่ายแบบถัวเฉลี่ย แต่ในส่วนของธรรมเนียมสนามบิน น่าจะเป็นการลงผิด
“เราทำสิ่งใหม่ๆ ถ้ากล้องส่องมาก เรายินดี แต่ขอให้คิดทางบวกมั่ง ตอนนี้ทั้ง 9 โครงการผ่านการพิจารณาของคณะอนุฯ แล้ว ต่อไปชุดใหญ่จะพิจารณา ทุกอย่างอยู่ที่กรรมการชุดใหญ่จะตัดสินใจ แต่ตอนนี้ไม่คิดจะถอนอะไรออก คิดว่าโครงการทุกโครงการได้ทำมาอย่างดีแล้ว”นางศรีรัตน์กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า สำหรับโครงการที่มีการระบุค่าใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมสนามบิน มี 2 โครงการ คือ โครงการพัฒนาระบบตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 1 ล้านบาท และโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ 1,278,000 บาท
นอกจากนี้ เดิมทีนางพรทิวาได้นัดประชุมคณะคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ วานนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 14.00 น. แต่ก็ได้ยกเลิกการประชุมโดยยังไม่มีกำหนดว่าจะนัดประชุมอีกเมื่อไร
ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าคนใกล้ชิดรัฐมนตรีพรทิวาบีบบังคับให้กรมส่งเสริมการส่งออก เพิ่มโครงการในปี 2553 อีก 9 โครงการ วงเงิน 310 ล้านบาท โดยใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และขู่อีกว่าหากไม่ทำให้ รมว.พาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะไม่อนุมัติโครงการอื่นๆ ที่กรมส่งเสริมการส่งออกเสนอ ซึ่งการเพิ่ม 9 โครงการดังกล่าว จึงได้มีการดำเนินการอย่างรีบเร่ง จนรายละเอียดต่างๆ ขาดๆ เกินๆ และยังมีงบประหลาดหลุดมาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีการตั้งข้อสงสัยกันว่าคนใกล้ชิดรัฐมนตรีมีการหวังผลเพื่อหักค่าหัวคิวจากบริษัทที่มารับงาน 20-30%
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงกรณีคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้อนุมัติการจัดทำโครงการเพื่อช่วยเหลือการส่งออก 9 โครงการ วงเงิน 310 ล้านบาทที่มีกระแสข่าวถึงความไม่โปร่งใสและเป็นการทำตามใบสั่งของคนใกล้ชิดนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ว่า เป็นการเข้าใจผิด เพราะการจัดทำโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานในกรมฯ ได้เสนอโครงการเข้ามา และเป็นการเสนอโครงการที่ยึดหลักการทำงานแนวใหม่ ที่ต้องจัดทำโครงการเชิงลึกให้เป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจให้มากที่สุด
“ที่ผ่านมา งบประมาณของกรมฯ กว่า 70% จะเป็นการจัดงานแฟร์ จัดคณะเดินทางไปต่างประเทศ ที่เหลือ 30% เป็นงบช่วยเหลือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฝึกอบรมคน และช่วยส่งออกไปตลาดใหม่ ซึ่งเราเห็นว่างบ 70% ทำแค่งานแฟร์ จัดแค่มิชชั่น มันมากไป บางงานจัดมาเป็น 10 ปี คนมาน้อย เลิกได้มั้ย ก็คุยกับคนในกรมฯ ว่า โครงการพวกนี้ลดได้หรือไม่ เอาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่าหรือไม่ และยังมีโจทย์มาอีกว่าจะต้องทำอะไรเชิงลึกเพื่อช่วยภาคธุรกิจ ก็เลยหดโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์ และมาทำโครงการที่เป็นประโยชน์แทน”นางศรีรัตน์กล่าว
สำหรับ 9 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาระบบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศวงเงิน 100 ล้านบาท 2.โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกร (SR Mark) วงเงิน 50 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ (New Exporters/SMEs) วงเงิน 30 ล้านบาท 4.โครงการ Thailand Export Show Case แสดงนวัตกรรมสินค้าส่งออกของไทย วงเงิน 30 ล้านบาท 5.โครงการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์สู่สากล วงเงิน 10 ล้านบาท 6.โครงการส่งเสริมสินค้าและธุรกิจบริการเชิงสร้างสรรค์ร่วมกับ ASEAN-JAPAN Center วงเงิน 10 ล้านบาท 7.โครงการส่งเสริมการพัมนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการส่งออก วงเงิน 30 ล้านบาท 8.โครงการพัฒนาตลาด AEC เชิงลึก (เน้น CLMV) และชายแดน วงเงิน 30 ล้านบาท และ 9.โครงการพัฒนาระบบตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ วงเงิน 20 ล้านบาท
นางศรีรัตน์กล่าวว่า กรณีการตั้งข้อสังเกตว่าการจัดทำโครงการไม่โปร่งใส่ มีการใส่วงเงินค่าใช้จ่ายแบบผิดปกตินั้น ขอชี้แจงว่า ในเรื่องการจัดทำระบบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ ที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 75 ล้านบาท ในการซื้อข้อมูลรายชื่อผู้นำเข้า ข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ เป็นค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม เพราะข้อมูลที่กรมฯ มีอยู่ล้าสมัยเก็บมาเป็น 20 ปี แต่ใช้ได้จริงแค่ไม่ถึง 20-30% จึงต้องมีการปรับปรุงระบบข้อมูลใหม่ทั้งหมด และหากทำสำเร็จจะเกิดประโยชน์อย่างมาก ไม่ใช่แค่ผู้ส่งออกเท่านั้นที่จะใช้ข้อมูลได้ แต่หน่วยงานอื่นๆ ของไทยสามารถเข้ามาใช้ได้ด้วย
ส่วนการระบุค่าใช้จ่ายในบางโครงการว่าเป็นค่าธรรมเนียมสนามบินสูงถึง 1 ล้านบาท หรือค่าโรงแรม 3.15 ล้านบาท แต่ค่าตั๋วเครื่องบิน 1.6 แสนบาท นางศรีรัตน์ไม่ได้ตอบ แต่เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการส่งออก ได้ชี้แจงว่า เป็นการตั้งค่าใช้จ่ายแบบถัวเฉลี่ย แต่ในส่วนของธรรมเนียมสนามบิน น่าจะเป็นการลงผิด
“เราทำสิ่งใหม่ๆ ถ้ากล้องส่องมาก เรายินดี แต่ขอให้คิดทางบวกมั่ง ตอนนี้ทั้ง 9 โครงการผ่านการพิจารณาของคณะอนุฯ แล้ว ต่อไปชุดใหญ่จะพิจารณา ทุกอย่างอยู่ที่กรรมการชุดใหญ่จะตัดสินใจ แต่ตอนนี้ไม่คิดจะถอนอะไรออก คิดว่าโครงการทุกโครงการได้ทำมาอย่างดีแล้ว”นางศรีรัตน์กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า สำหรับโครงการที่มีการระบุค่าใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมสนามบิน มี 2 โครงการ คือ โครงการพัฒนาระบบตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 1 ล้านบาท และโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ 1,278,000 บาท
นอกจากนี้ เดิมทีนางพรทิวาได้นัดประชุมคณะคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ วานนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 14.00 น. แต่ก็ได้ยกเลิกการประชุมโดยยังไม่มีกำหนดว่าจะนัดประชุมอีกเมื่อไร
ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าคนใกล้ชิดรัฐมนตรีพรทิวาบีบบังคับให้กรมส่งเสริมการส่งออก เพิ่มโครงการในปี 2553 อีก 9 โครงการ วงเงิน 310 ล้านบาท โดยใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และขู่อีกว่าหากไม่ทำให้ รมว.พาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะไม่อนุมัติโครงการอื่นๆ ที่กรมส่งเสริมการส่งออกเสนอ ซึ่งการเพิ่ม 9 โครงการดังกล่าว จึงได้มีการดำเนินการอย่างรีบเร่ง จนรายละเอียดต่างๆ ขาดๆ เกินๆ และยังมีงบประหลาดหลุดมาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีการตั้งข้อสงสัยกันว่าคนใกล้ชิดรัฐมนตรีมีการหวังผลเพื่อหักค่าหัวคิวจากบริษัทที่มารับงาน 20-30%