ASTVผู้จัดการรายวัน-ปูดคนใกล้ตัว “พรทิวา” บีบกรมส่งออก ยัดโครงการใหม่ 300 ล้าน อ้างดันส่งออกปี 53 หวังงาบหัวคิว 20-30% อีกแล้ว ขู่หากไม่ทำ รัฐมนตรีจะไม่ไฟเขียวโครงการที่เหลือให้ ส่งผลการแผนจัดกิจกรรมช่วยส่งออกชะงักทันที
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้คนใกล้ตัวนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการบีบบังคับให้กรมส่งเสริมการส่งออก เพิ่มโครงการในปี 2553 อีก 9 โครงการ วงเงิน 310 ล้านบาท ซึ่งอ้างว่าเพื่อผลักดันการส่งออก โดยใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หากไม่อนุมัติให้ตามที่ขอ ได้มีการข่มขู่ว่ารมว.พาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะไม่อนุมัติโครงการอื่นๆ ที่กรมส่งเสริมการส่งออกเสนอเพื่อขอใช้เงินเอาไว้ ซึ่งจะทำให้แผนการผลักดันการส่งออกในปี 2553 ได้รับผลกระทบทันที
ผลจากการบีบบังคับดังกล่าว ทำให้นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ได้มอบหมายให้นางพิรมล เจริญเผ่า รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เรียกประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา และได้อนุมัติโครงการตามที่มีการขอมาทั้ง 9 โครงการ วงเงิน 310 ล้านบาท ไม่ตัดแม้แต่บาทเดียว
ทั้ง 9 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาระบบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศวงเงิน 100 ล้านบาท 2.โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกร (SR Mark) วงเงิน 50 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ (New Exporters/SMEs) วงเงิน 30 ล้านบาท 4.โครงการ Thailand Export Show Case แสดงนวัตกรรมสินค้าส่งออกของไทย วงเงิน 30 ล้านบาท 5.โครงการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์สู่สากล วงเงิน 10 ล้านบาท 6.โครงการส่งเสริมสินค้าและธุรกิจบริการเชิงสร้างสรรค์ร่วมกับ ASEAN-JAPAN Center วงเงิน 10 ล้านบาท 7.โครงการส่งเสริมการพัมนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการส่งออก วงเงิน 30 ล้านบาท 8.โครงการพัฒนาตลาด AEC เชิงลึก (เน้น CLMV) และชายแดน วงเงิน 30 ล้านบาท และ 9.โครงการพัฒนาระบบตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ วงเงิน 20 ล้านบาท
“ใน 9 โครงการที่ขอมานี้ บางโครงการเคยทำแล้วในปี 2552 ซึ่งในการทำโครงการต่างๆ มีเอกชนร้องเรียนเข้ามาเสมอว่าถูกคนใกล้ชิดรัฐมนตรีเรียกค่าหัวคิวครั้งละ 20-30% เพื่อแลกกับการได้งาน และเมื่อดูโครงการที่เสนอให้เพิ่มเติมเข้ามา 9 โครงการที่จะทำในปี 2553 ก็มีข่าวออกมาแล้วว่าน่าจะเข้ารูปแบบเดิม คือ ใครอยากได้งานก็ต้องจ่ายค่าหัวคิว ไม่งั้นไม่ได้”แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้ข้าราชการกรมส่งเสริมการส่งออกรู้สึกอึดอัดใจในการทำงานเป็นอย่างมาก เพราะได้มีความพยายามจากคนใกล้ชิดรัฐมนตรี ที่เข้ามาสั่งการให้จัดทำโครงการต่างๆ สนอง โดยขอให้เน้นทำแต่โครงการใหญ่ๆ ที่ใช้เงินงบประมาณมากๆ และเมื่อทำได้แล้ว ก็จะมีใบสั่งลงมาทันทีว่าให้เลือกบริษัทนั้น บริษัทนี้ เข้ามารับทำงาน พอกรมฯ จะเจรจาต่อรองก็จะมีโทรศัพท์มาหาทันทีว่า “คุณจะไปต่อทำไม” “มีหน้าที่ทำก็ทำไป” ซึ่งเมื่อสอบถามไปยังบริษัทเอกชนที่เคยรับงานกับกรมฯ ก็ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า บริษัทที่ถูกส่งมารับงาน ได้จ่ายเงินค่าหัวคิวไปแล้ว คนใกล้ชิดรัฐมนตรีก็ต้องช่วยผลักดันเต็มที่
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้คนใกล้ตัวนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการบีบบังคับให้กรมส่งเสริมการส่งออก เพิ่มโครงการในปี 2553 อีก 9 โครงการ วงเงิน 310 ล้านบาท ซึ่งอ้างว่าเพื่อผลักดันการส่งออก โดยใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หากไม่อนุมัติให้ตามที่ขอ ได้มีการข่มขู่ว่ารมว.พาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะไม่อนุมัติโครงการอื่นๆ ที่กรมส่งเสริมการส่งออกเสนอเพื่อขอใช้เงินเอาไว้ ซึ่งจะทำให้แผนการผลักดันการส่งออกในปี 2553 ได้รับผลกระทบทันที
ผลจากการบีบบังคับดังกล่าว ทำให้นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ได้มอบหมายให้นางพิรมล เจริญเผ่า รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เรียกประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา และได้อนุมัติโครงการตามที่มีการขอมาทั้ง 9 โครงการ วงเงิน 310 ล้านบาท ไม่ตัดแม้แต่บาทเดียว
ทั้ง 9 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาระบบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศวงเงิน 100 ล้านบาท 2.โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกร (SR Mark) วงเงิน 50 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ (New Exporters/SMEs) วงเงิน 30 ล้านบาท 4.โครงการ Thailand Export Show Case แสดงนวัตกรรมสินค้าส่งออกของไทย วงเงิน 30 ล้านบาท 5.โครงการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์สู่สากล วงเงิน 10 ล้านบาท 6.โครงการส่งเสริมสินค้าและธุรกิจบริการเชิงสร้างสรรค์ร่วมกับ ASEAN-JAPAN Center วงเงิน 10 ล้านบาท 7.โครงการส่งเสริมการพัมนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการส่งออก วงเงิน 30 ล้านบาท 8.โครงการพัฒนาตลาด AEC เชิงลึก (เน้น CLMV) และชายแดน วงเงิน 30 ล้านบาท และ 9.โครงการพัฒนาระบบตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ วงเงิน 20 ล้านบาท
“ใน 9 โครงการที่ขอมานี้ บางโครงการเคยทำแล้วในปี 2552 ซึ่งในการทำโครงการต่างๆ มีเอกชนร้องเรียนเข้ามาเสมอว่าถูกคนใกล้ชิดรัฐมนตรีเรียกค่าหัวคิวครั้งละ 20-30% เพื่อแลกกับการได้งาน และเมื่อดูโครงการที่เสนอให้เพิ่มเติมเข้ามา 9 โครงการที่จะทำในปี 2553 ก็มีข่าวออกมาแล้วว่าน่าจะเข้ารูปแบบเดิม คือ ใครอยากได้งานก็ต้องจ่ายค่าหัวคิว ไม่งั้นไม่ได้”แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้ข้าราชการกรมส่งเสริมการส่งออกรู้สึกอึดอัดใจในการทำงานเป็นอย่างมาก เพราะได้มีความพยายามจากคนใกล้ชิดรัฐมนตรี ที่เข้ามาสั่งการให้จัดทำโครงการต่างๆ สนอง โดยขอให้เน้นทำแต่โครงการใหญ่ๆ ที่ใช้เงินงบประมาณมากๆ และเมื่อทำได้แล้ว ก็จะมีใบสั่งลงมาทันทีว่าให้เลือกบริษัทนั้น บริษัทนี้ เข้ามารับทำงาน พอกรมฯ จะเจรจาต่อรองก็จะมีโทรศัพท์มาหาทันทีว่า “คุณจะไปต่อทำไม” “มีหน้าที่ทำก็ทำไป” ซึ่งเมื่อสอบถามไปยังบริษัทเอกชนที่เคยรับงานกับกรมฯ ก็ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า บริษัทที่ถูกส่งมารับงาน ได้จ่ายเงินค่าหัวคิวไปแล้ว คนใกล้ชิดรัฐมนตรีก็ต้องช่วยผลักดันเต็มที่