ASTVผู้จัดการรายวัน-กรมส่งเสริมการส่งออกทำยุทธศาสตร์รายสินค้า ดันไทยเป็นฮับการผลิตและส่งออก นำร่องสิ่งทอ อาหาร และสินค้าที่เกี่ยวข้องเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าที่มีศักยภาพ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ด้านการผลิต และการส่งออกสินค้าเหล่านั้น โดยในเบื้องต้น สินค้าที่ไทยมีศักยภาพจะเป็นศูนย์กลางได้ เช่น สิ่งทอ อาหาร ธุรกิจบริการบางสาขา เช่น สปา อุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งคาดว่าจะจัดยุทธศาสตร์ดังกล่าวแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ และเริ่มดำเนินการตามยุทธศาสตร์ได้ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป
“สินค้าสิ่งทอ ที่เคยเป็นอุตสาหกรรมดาวร่วงเมื่อ 4-5 ปีก่อน แต่ปัจจุบันกำลังจะกลับมาเป็นดาวรุ่งอีกครั้ง ซึ่งผู้ผลิตไทยเก่งมาก และน่าจะเป็นฮับของอาเซียนได้ เช่นเดียวกับอาหาร ที่ไทยมีศักยภาพมากในอาเซียน และยังมีธุรกิจที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น อุตสาหกรรมบันเทิงต่างๆ รวมถึงธุรกิจบริการด้านบัญชี ที่กรมฯ จะผลักดันให้นักบัญชีไทยไปให้บริการรับทำบัญชีในประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น”นางศรีรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ ในการหารือกับผู้บริหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ภาคเอกชนมีข้อเสนอหนึ่งที่สนใจ ก็คือ แนวคิดที่จะผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำในอาเซียน โดยการผลักดันการรวมตัวและทำกิจกรรมด้านเศรษฐกิจโดยกลุ่มสตรี ซึ่งหลายประเทศในอาเซียนกำลังตื่นตัว และปัจจุบัน สตรีมีบทบาททางธุรกิจและการค้าจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง เหมือนกรณีกลุ่มธุรกิจสตรีของอินเดีย ที่ปัจจุบันมีการรวมตัวอย่างแข็งแกร่ง และมีศักยภาพสูงมาก
ทั้งนี้ จากยุทธศาสตร์ดังกล่าว รวมกับแผนการทำงานเชิงรุกของกรมฯ และภาคเอกชน ที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น จะทำให้การส่งสินค้าไทยในปี 2553 ขยายตัวได้ที่ 10-15% อย่างแน่นอน
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เป้าหมายการส่งออกปีหน้าที่ขยายตัว 10-15% เชื่อว่า มีความเป็นไปได้แน่นอน เพราะขณะนี้มีแนวโน้มว่าการส่งออกสินค้าไทยในไตรมาส 4 จะดีขึ้น เพราะผู้ส่งออกหลายอุตสาหกรรมแจ้งว่า คำสั่งซื้อกลับเข้ามามากขึ้นแล้ว ประกอบกับ จากการเดินทางไปเปิดตลาดประเทศต่างๆ พบว่า มีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างชัดเจนแล้ว
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไทยเป็นฮับสินค้าสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มได้แน่นอน เพราะปัจจุบัน ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถ และเทคโนโลยีในการผลิต สามารถผลิตสินค้าได้คุณภาพดี และส่งออกไปได้ทั่วโลก
ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของอาเซียน อยู่ระหว่างการจัดทำโครงการร่วมกันทั้งในด้านการผลิต และการส่งออก โดยไทย และอินโดนีเซีย ซึ่งมีสินค้าต้นน้ำ เช่น ด้าย ผ้าผืน ก็จะเอาสินค้าเหล่านี้ไปจ้างประเทศที่ได้เปรียบค่าแรงงาน เช่น ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม ผลิตเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปให้ จากนั้นก็เอาไปส่งออก การดำเนินการเช่นนี้ จะทำให้อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเข้มแข็งมากขึ้น และสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าที่มีศักยภาพ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ด้านการผลิต และการส่งออกสินค้าเหล่านั้น โดยในเบื้องต้น สินค้าที่ไทยมีศักยภาพจะเป็นศูนย์กลางได้ เช่น สิ่งทอ อาหาร ธุรกิจบริการบางสาขา เช่น สปา อุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งคาดว่าจะจัดยุทธศาสตร์ดังกล่าวแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ และเริ่มดำเนินการตามยุทธศาสตร์ได้ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป
“สินค้าสิ่งทอ ที่เคยเป็นอุตสาหกรรมดาวร่วงเมื่อ 4-5 ปีก่อน แต่ปัจจุบันกำลังจะกลับมาเป็นดาวรุ่งอีกครั้ง ซึ่งผู้ผลิตไทยเก่งมาก และน่าจะเป็นฮับของอาเซียนได้ เช่นเดียวกับอาหาร ที่ไทยมีศักยภาพมากในอาเซียน และยังมีธุรกิจที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น อุตสาหกรรมบันเทิงต่างๆ รวมถึงธุรกิจบริการด้านบัญชี ที่กรมฯ จะผลักดันให้นักบัญชีไทยไปให้บริการรับทำบัญชีในประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น”นางศรีรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ ในการหารือกับผู้บริหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ภาคเอกชนมีข้อเสนอหนึ่งที่สนใจ ก็คือ แนวคิดที่จะผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำในอาเซียน โดยการผลักดันการรวมตัวและทำกิจกรรมด้านเศรษฐกิจโดยกลุ่มสตรี ซึ่งหลายประเทศในอาเซียนกำลังตื่นตัว และปัจจุบัน สตรีมีบทบาททางธุรกิจและการค้าจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง เหมือนกรณีกลุ่มธุรกิจสตรีของอินเดีย ที่ปัจจุบันมีการรวมตัวอย่างแข็งแกร่ง และมีศักยภาพสูงมาก
ทั้งนี้ จากยุทธศาสตร์ดังกล่าว รวมกับแผนการทำงานเชิงรุกของกรมฯ และภาคเอกชน ที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น จะทำให้การส่งสินค้าไทยในปี 2553 ขยายตัวได้ที่ 10-15% อย่างแน่นอน
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เป้าหมายการส่งออกปีหน้าที่ขยายตัว 10-15% เชื่อว่า มีความเป็นไปได้แน่นอน เพราะขณะนี้มีแนวโน้มว่าการส่งออกสินค้าไทยในไตรมาส 4 จะดีขึ้น เพราะผู้ส่งออกหลายอุตสาหกรรมแจ้งว่า คำสั่งซื้อกลับเข้ามามากขึ้นแล้ว ประกอบกับ จากการเดินทางไปเปิดตลาดประเทศต่างๆ พบว่า มีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างชัดเจนแล้ว
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไทยเป็นฮับสินค้าสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มได้แน่นอน เพราะปัจจุบัน ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถ และเทคโนโลยีในการผลิต สามารถผลิตสินค้าได้คุณภาพดี และส่งออกไปได้ทั่วโลก
ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของอาเซียน อยู่ระหว่างการจัดทำโครงการร่วมกันทั้งในด้านการผลิต และการส่งออก โดยไทย และอินโดนีเซีย ซึ่งมีสินค้าต้นน้ำ เช่น ด้าย ผ้าผืน ก็จะเอาสินค้าเหล่านี้ไปจ้างประเทศที่ได้เปรียบค่าแรงงาน เช่น ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม ผลิตเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปให้ จากนั้นก็เอาไปส่งออก การดำเนินการเช่นนี้ จะทำให้อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเข้มแข็งมากขึ้น และสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
