xs
xsm
sm
md
lg

มองเหตุการณ์ผ่านดวงเมืองในปี 2553

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

จากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม เหลือเวลาเพียง 17 วันก็จะขึ้นปีใหม่พุทธศักราช 2553 แล้ว และดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมของผู้ที่พอจะมีความรู้เรื่องโหราศาสตร์ อันเป็นศาสตร์พยากรณ์หนึ่งเดียวที่ใช้การโคจรของดวงดาวมาเป็นเครื่องมือในการพยากรณ์เหตุการณ์ ทั้งในส่วนของปัจเจกบุคคล และบ้านเมืองอันเป็นชะตากรรมโดยรวมของคนทั้งประเทศ

แต่ในการพยากรณ์ดวงชะตาของปัจเจกบุคคลกับการพยากรณ์ดวงบ้านเมือง อันเปรียบได้กับดวงชะตาของนิติบุคคล จะมีวิธีการแตกต่างกันอยู่บ้าง กล่าวคือ ในการพยากรณ์ดวงชะตาของบุคคลกระทำได้ด้วยการนำวัน เดือน ปี และเวลาเกิดมาคำนวณเป็นดวงราศีจักร (ดวงที่ดาวแต่ละดวงรวมถึงลัคนาอยู่ในราศีในรัศมี 30 ํ) ก็สามารถพยากรณ์พื้นดวง และดวงจรได้อย่างคร่าวๆ โดยคาดหวังความถูกได้ประมาณ 60-70% ทั้งในเรื่องและวันเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์

แต่ถ้าจะให้แน่นอนกว่านี้ จะต้องมีการนำดวงราศีจักรมาคิดคำนวณในรูปของดวงนวางค์จักร (ดวงที่ดาวแต่ละดวงรวมทั้งลัคนาอยู่ในเขตไม่เกิน 30.20 ํ)

จากดวงนวางค์จักรจะได้ผลของการพยากรณ์ไม่น้อยกว่า 80% หรือในบางกรณีผลที่ได้เกิน 90% โดยเฉพาะในเรื่องใหญ่ๆ

คำว่า ผลที่ได้ หมายถึงความถูกต้องแม่นยำ ทั้งในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดและวันเวลาที่เกิดด้วย หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ถูกทั้งเหตุการณ์และเวลาที่เกิดเหตุการณ์ ยกตัวอย่าง ทำนายว่าได้เงิน ก็จะต้องระบุด้วยว่า เมื่อไหร่ และถ้าจะให้ละเอียดก็จะต้องระบุด้วยว่าจากไหน เป็นต้น

ส่วนในการดูดวงเมืองสามารถกระทำได้ด้วยการนำดวงฤกษ์ของเมือง ในทำนองเดียวกับการดูดวงนิติบุคคล เช่น ห้างร้าน และบริษัท เป็นต้น และนำดวงผู้นำประเทศหรือหัวหน้ารัฐบาลในขณะนั้นมาดูประกอบกัน ก็พอจะพยากรณ์เหตุการณ์บ้านเมืองได้

ส่วนจะแม่นยำหรือไม่มากน้อยเพียงใดจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้

1.ความรู้ในศาสตร์พยากรณ์ คือ โหราศาสตร์ของผู้ดูมีมากน้อยแค่ไหน

2. ได้มีการเก็บสถิติดวงเมืองไว้อย่างเป็นระบบ และต่อเนื่องยาวนานมากน้อยแค่ไหน
3.มีดวงผู้นำรัฐบาลมาดูประกอบด้วยหรือไม่ และถ้านำมาดวงที่ว่านี้มีวัน เดือน ปี และเวลาเกิดถูกต้องครบถ้วนหรือไม่

ถ้ามีปัจจัย 3 ประการที่ว่านี้ คำพยากรณ์ที่ได้ก็คงจะมีความแม่นยำเพียงพอที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจดำเนินธุรกิจ หรือกิจกรรมอื่นได้ ถึงไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เปรียบได้กับการเข้าป่าพร้อมมีแผนที่บอกที่ตั้งของป่า และสภาพป่าไว้อย่างหยาบๆ ก็ย่อมดีกว่าเข้าป่าโดยไม่มีแผนที่เช่นว่านี้

โดยอาศัยแนวทางแห่งการพยากรณ์ดังกล่าวข้างต้น พอจะอนุมานเหตุการณ์อันอาจเกิดขึ้นกับประเทศไทยดังต่อไปนี้

ดวงกรุงเทพมหานครมีลัคนาอยู่ในราศีเมษ โดยมีดาวอาทิตย์กุมลัคนา ดังนั้นเมื่อดาวพฤหัสฯ อันเป็นเทพเจ้าแห่งคุณธรรมและสติปัญญาโคจรเข้าสู่เรือนลาภ หรือเรือนที่ 11 ของลัคนาก็จะทำมุมโยค (60 ํ) กับลัคนา และดาวอาทิตย์อันเป็นคู่มิตร และจะคงอยู่ในราศีนี้จาก 15 ธันวาคม 2552-26 เมษายน 2553 ในช่วงนี้การเมืองค่อนข้างสงบเนื่องจากดวงเมืองแข็งขึ้น และในขณะเดียวกันผู้คิดร้ายต่อบ้านเมืองอ่อนแอลง ประกอบกับดวงนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (เท่าที่ได้รับข้อมูลมา) ลัคนาอยู่ในราศีกรกฎ ซึ่งก็เท่ากับว่าดาวอธิคือดาวพฤหัสฯ เข้าสู่เรือนมรณะ ศัตรู และปัญหาต่างๆ อยู่ในจุดที่อ่อนแอ แก้ไข และป้องกันได้ไม่ยาก ดังนั้นถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมในเดือนมกราคมคงจะต้องจบลงด้วยการพ่ายแพ้ และทำได้แค่ออกมาพูดแล้วก็กลับไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงรัฐบาล คุณอภิสิทธิ์ก็อยู่ได้ต่อไป

แต่อย่าเพิ่งมองในแง่ดีอย่างเดียว จากดวงจรของนายกฯ อภิสิทธิ์ในช่วงนี้มีดาวอังคารจากเรือนกัมมะทับลัคนาในตำแหน่งเป็นนิจ ประกอบกับดาวเสาร์จากเรือนปัตตานิ อันหมายถึงพรรคร่วมรัฐบาลโยกหน้า จึงทำให้การบริหารจัดการกิจกรรมใดๆ ที่ต้องอาศัยพรรคร่วมรัฐบาลจะพบกับการต่อรอง และทำให้หนักใจ เนื่องจากต้องยอมทำตามเงื่อนไขที่สวนทางกับความคิดและอุดมการณ์ของตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำก็หมายถึง ต้องลาออกหรือยุบสภาก่อนที่จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ

จาก 27 เมษายน-31 ธันวาคม 2553 ดาวพฤหัสฯ โคจรในเรือนวินาศของดวงเมือง ประเทศไทยอาจมีการสูญเสียพระเถรผู้ใหญ่หรือคนดังของประเทศ

แต่ในส่วนของนายกฯ อภิสิทธิ์ไม่มีปัญหาใดๆ ทุกอย่างราบรื่น นั่นหมายถึงว่า ถ้ารัฐบาลนี้หลุดรอดช่วงแรกของปีคือ 15 ธันวาคม 2552-26 เมษายน 2553 ไปได้ก็คงจะอยู่ไปจนถึงสิ้นปี

ในด้านเศรษฐกิจ ถ้าดูจากดาวราหูที่โคจรในเรือนศุภะ และทับดาวเสาร์อันเป็นดาวคู่มิตร และดาวพฤหัสฯ ในดวงเดิม ก็พอจะบอกได้ว่าธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจะค่อยๆ ดีขึ้น รวมไปถึงเกษตรกรจะได้รับผลพวงของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นด้วย และที่ยิ่งกว่านี้พืชผลทางการเกษตรจะขายได้ราคาสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ต้นทุนการผลิตลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง โดยเฉลี่ยทั้งปีราคาน้ำมันดิบคงไม่เกิน 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในบางช่วงอาจต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐด้วยซ้ำ

โดยรวมๆ แล้วถือได้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะดีขึ้นกว่าปี 2552

ไม่ว่าการเมืองจะค่อยๆ สงบลง และเศรษฐกิจจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ปัญหาสังคมไทยคงจะไม่ก้าวไปถึงจุดที่รัฐบาลคาดฝันไว้เท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความมั่นคงภายใน โดยเฉพาะปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คงจะไม่สงบ และสาเหตุแห่งความไม่สงบส่วนหนึ่ง และเป็นส่วนสำคัญก็คือ ปัญหาการแก่งแย่งผลประโยชน์ที่แบ่งปันกันไม่ลงตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น