“แผ่นดินเกิดไม่ให้เหยียบ แผ่นฟ้าไม่ให้บินผ่าน หนังสือเดินทางไม่ให้ถือ เงินหามาสุจริตไม่ให้ใช้ ยศพระราชทานจะเอาคืน เครื่องราชฯ จะยึด ชีวิตจะไม่ไว้ จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนก็รังควาน จะไปทำมาหาเลี้ยงชีพก็จะไล่ล่า ได้รับเกียรติจากประเทศอื่นก็บอกว่าขายชาติ พูดปกป้องเจ้านายก็ว่าไม่จงรักภักดี ไม่ป่วยก็บอกว่าเป็นมะเร็ง มีคนมาเยี่ยมก็หาว่าเป็นกิ๊ก อยู่ดูไบมีระเบิดเมืองไทยก็หาว่าเป็นคนทำ ต่อสู้หาความเป็นธรรมอย่างสันติก็หาว่ารุนแรง สมกับที่เขาว่าพวกมึงทำอะไรก็ถูก พวกกูทำอะไรก็ผิด แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร จะสันติได้อีกกี่น้ำ ผมจะขอร้องให้คนเสื้อแดงอดทนได้อีกนานแค่ไหนไม่รู้”
นี่คือวาทะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ผู้เคยครองอำนาจในตำแหน่งผู้นำประเทศในช่วงปี 2544-2549 เป็นระยะเวลาเกือบ 6ปีเต็ม และได้ถูกกองทัพกระทำการรัฐประหาร และหนีไปอยู่ต่างประเทศ ด้วยเหตุอ้างที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ว่ามีการแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ และมีพฤติกรรมจาบจ้วงเบื้องสูง
จากวันที่พ้นจากตำแหน่งผู้นำประเทศ อดีตนายกฯ ทักษิณไม่เคยยอมรับความผิดใดๆ ที่ตนเองและพรรคพวกได้ก่อไว้ แม้ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตัดสินพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาในข้อหาใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์แก่คู่สมรสในคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ก็ไม่ยอมรับผิดด้วยการติดคุก แต่ได้หนีไปอยู่ต่างประเทศ และที่ยิ่งกว่านี้ ตลอดเวลาที่อยู่ต่างแดนแทนที่จะอยู่อย่างเงียบๆ เฉกเช่นผู้ที่หลบหนีคดีทั่วๆ ไป กลับแสดงบทบาททางการเมือง ด้วยการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของไทย และลามปามจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงเป็นระยะๆ
ล่าสุดได้ให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์ จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรมอย่างยิ่งชนิดที่พสกนิกรผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ฟังแล้วโกรธแค้นแทบอดกลั้นไว้ไม่ไหว และนี่เองเป็นเหตุให้มีการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าจะมีการชุมนุมแสดงออกในลักษณะตอบโต้การจาบจ้วงเบื้องสูง แต่อดีตนายกฯ ทักษิณแทนที่จะสำนึกผิด และหยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง ตรงกันข้ามกลับแสดงบทบาทเหิมเกริมด้วยการเขียนข้อความลงในเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ดังที่ได้ยกมาเป็นบทนำของบทความนี้
จากนัยแห่งเนื้อหาของข้อเขียนที่ว่านี้ จะเห็นได้ว่าอดีตนายกฯ ทักษิณไม่ได้ส่อให้เห็นว่าสำนึกผิด แต่ได้ยืนยันว่าตนเองกระทำถูก และได้ถูกคนอื่นรังแกในสารพัดรูปแบบ ทั้งนี้โดยมุ่งออดอ้อนขอความเห็นใจ และในขณะเดียวกันก็ปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตน เข้าทำนองเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น หรืออย่างน้อยเป็นการแสดงให้เห็นถึงอุปนิสัยที่เห็นโทษหรือการกระทำผิดของตนเองเล็กน้อย แต่เห็นความผิดของคนอื่นในประเด็นเดียวกันยิ่งใหญ่กว่าตน
ผู้เขียนได้อ่านข้อเขียนนี้แล้วทำให้นึกถึงบทกลอนของพระเถระรูปหนึ่ง ขออภัยที่ลืมชื่อท่านไปแล้ว ที่ว่า
โทษคนอื่นเราเห็นเป็นภูเขา
โทษของเรามองเห็นเท่าเส้นขน
ตดคนอื่นเหม็นเบื่อจนเหลือทน
ตดของตนถึงเหม็นไม่เป็นไร
ในทันทีที่ข้อความผ่านทางเว็บไซต์พลพรรคเสื้อแดงดูเหมือนจะรับลูกอย่างคึกคักโดยการออกมาประกาศจะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 พ.ย. และแสดงความมั่นใจว่าจะให้จบหรือบรรลุเป้าหมายได้ก่อนวันที่ 3 ธ.ค. และถ้าหากไม่จบนัยว่าจะหยุดพักในวันที่ 5 ธ.ค.แล้วจะเคลื่อนไหวต่อ และในครั้งนี้ตามที่ปรากฏเป็นข่าวจาก จตุพร พรหมพันธุ์ บอกว่าจะมีคนมาชุมนุมนับล้านคน
ส่วนว่าจะมีคนมาชุมนุมมากนับล้านคน และจะปิดเกมได้หรือไม่เป็นเรื่องต้องรอดูกันต่อไป
แต่ในมุมมองของผู้เขียนไม่เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงคุยโวไว้ ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้
1.จากการให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง และได้มีกระแสจากคนไทยในหลายภาคส่วนที่ค่อนข้างจะชัดเจน และเป็นรูปธรรม ทำให้เชื่อได้ว่าถ้าคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมในวันที่ 29 พ.ย.คนเสื้อแดงเองก็คงมีจำนวนไม่น้อยที่ถอยห่างด้วยมองเห็นภัยของการมาชุมนุม และมองเห็นโทษของการให้สัมภาษณ์สื่อของอดีตนายกฯ ทักษิณ จึงไม่ง่ายที่จะหาคนมาชุมนุมได้เป็นจำนวนล้าน
2.จากวันที่ 29 พ.ย. ไปถึงวันที่ 5 ธ.ค.อันเป็นวันมหามงคลที่คนไทยทั้งชาติอยู่ในช่วงที่แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงไม่น่าจะมีคนไทยกลุ่มใดกล้าแสดงบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมือง อันเป็นการสวนกระแสสังคมอย่างโจ่งแจ้งชัดเจน
ดังนั้นก็น่าจะอนุมานได้ว่าจะมีคนมาชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงน้อยลง และเมื่อเป็นเช่นนี้จำนวนล้านจะมาจากไหน
3.ในขณะนี้ทางรัฐบาลเองก็ได้ตระหนักถึงพฤติกรรมก่อความรุนแรงของคนเสื้อแดง ทั้งที่พัทยาและที่กระทรวงมหาดไทยในช่วง 8-13 เมษายนมาแล้วเป็นอย่างดี จึงไม่น่าจะเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้แสดงพลังทางการเมืองในรูปแบบที่ขัดต่อกฎหมาย และทำเพื่อบุคคลคนเดียวได้อย่างสะดวก เมื่อเป็นเช่นนี้การชุมนุมของคนเสื้อแดงจะเกิดขึ้นและก้าวไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร
จากปัจจัยในเชิงตรรกะ 3 ประการที่กล่าวมาแล้ว จึงน่าจะอนุมานได้ว่าคำประกาศต่อสู้ของแกนนำกลุ่มเสื้อแดงในครั้งนี้คงเป็นได้แค่คำคุยโวที่ด้อยค่า และราคาที่จะได้รับการจ่ายจากคนบงการทางการเมืองจากดูไบ
แต่ไม่ว่ากลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมโดยมีคนมาร่วมมากน้อยแค่ไหน และบรรลุเป้าหมายหรือไม่เพียงใด ก็ยังมีคนหลายคนกังวลว่าจะมีความรุนแรงทางการเมืองถึงขั้นเกิดการปะทะกัน และมีการบาดเจ็บแล้วอาจจบด้วยการปฏิวัติของคนสองกลุ่มที่หวังได้อำนาจรัฐมาครอง โดยอาศัยเหตุการณ์ที่รุนแรงจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ว่านี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนในฐานะสื่อและในฐานะโหรสมัครเล่น จะขอพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าเพื่อประดับความรู้ และเป็นแนวทางในการวิเคราะห์เป็นประเด็น ดังต่อไปนี้
1.จาก 29 พ.ย.-15 ธ.ค.เป็นระยะที่ดาวพฤหัสฯ อยู่ในตำแหน่งและโคจรนวางค์ประในราศีกันย์เป็นช่วงที่พฤหัสฯ อ่อนแรง และในขณะเดียวกันดาวอังคารพักรในตำแหน่งนิจจ์ถึงเดือนพฤษภาคม จึงเป็นไปได้ว่าจะเกิดการปะทะกันแต่ไม่รุนแรงถึงขั้นคุมไม่อยู่ และนำไปสู่การปฏิวัติ จะมีได้ก็เพียงคนที่กระทำผิดกฎหมายถูกจับกุม และลงโทษตามกระบวนการ
2.ถ้าการชุมนุมรุนแรงและลุกลามถึงขั้นใช้กำลังเข้าปราม และเกิดการปฏิวัติโดยมุ่งแสวงหาอำนาจของคนสองกลุ่ม ก็จะมีกลุ่มที่ 3 เข้ามาปรามและนำความถูกต้องกลับคืนมา
ส่วนว่าจะถูกผิดประการใดขอให้รอดู แต่ในความรู้สึกแล้วไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้น และก่อความเสียหายแก่ประเทศ
นี่คือวาทะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ผู้เคยครองอำนาจในตำแหน่งผู้นำประเทศในช่วงปี 2544-2549 เป็นระยะเวลาเกือบ 6ปีเต็ม และได้ถูกกองทัพกระทำการรัฐประหาร และหนีไปอยู่ต่างประเทศ ด้วยเหตุอ้างที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ว่ามีการแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ และมีพฤติกรรมจาบจ้วงเบื้องสูง
จากวันที่พ้นจากตำแหน่งผู้นำประเทศ อดีตนายกฯ ทักษิณไม่เคยยอมรับความผิดใดๆ ที่ตนเองและพรรคพวกได้ก่อไว้ แม้ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตัดสินพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาในข้อหาใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์แก่คู่สมรสในคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ก็ไม่ยอมรับผิดด้วยการติดคุก แต่ได้หนีไปอยู่ต่างประเทศ และที่ยิ่งกว่านี้ ตลอดเวลาที่อยู่ต่างแดนแทนที่จะอยู่อย่างเงียบๆ เฉกเช่นผู้ที่หลบหนีคดีทั่วๆ ไป กลับแสดงบทบาททางการเมือง ด้วยการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของไทย และลามปามจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงเป็นระยะๆ
ล่าสุดได้ให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์ จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรมอย่างยิ่งชนิดที่พสกนิกรผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ฟังแล้วโกรธแค้นแทบอดกลั้นไว้ไม่ไหว และนี่เองเป็นเหตุให้มีการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าจะมีการชุมนุมแสดงออกในลักษณะตอบโต้การจาบจ้วงเบื้องสูง แต่อดีตนายกฯ ทักษิณแทนที่จะสำนึกผิด และหยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง ตรงกันข้ามกลับแสดงบทบาทเหิมเกริมด้วยการเขียนข้อความลงในเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ดังที่ได้ยกมาเป็นบทนำของบทความนี้
จากนัยแห่งเนื้อหาของข้อเขียนที่ว่านี้ จะเห็นได้ว่าอดีตนายกฯ ทักษิณไม่ได้ส่อให้เห็นว่าสำนึกผิด แต่ได้ยืนยันว่าตนเองกระทำถูก และได้ถูกคนอื่นรังแกในสารพัดรูปแบบ ทั้งนี้โดยมุ่งออดอ้อนขอความเห็นใจ และในขณะเดียวกันก็ปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตน เข้าทำนองเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น หรืออย่างน้อยเป็นการแสดงให้เห็นถึงอุปนิสัยที่เห็นโทษหรือการกระทำผิดของตนเองเล็กน้อย แต่เห็นความผิดของคนอื่นในประเด็นเดียวกันยิ่งใหญ่กว่าตน
ผู้เขียนได้อ่านข้อเขียนนี้แล้วทำให้นึกถึงบทกลอนของพระเถระรูปหนึ่ง ขออภัยที่ลืมชื่อท่านไปแล้ว ที่ว่า
โทษคนอื่นเราเห็นเป็นภูเขา
โทษของเรามองเห็นเท่าเส้นขน
ตดคนอื่นเหม็นเบื่อจนเหลือทน
ตดของตนถึงเหม็นไม่เป็นไร
ในทันทีที่ข้อความผ่านทางเว็บไซต์พลพรรคเสื้อแดงดูเหมือนจะรับลูกอย่างคึกคักโดยการออกมาประกาศจะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 พ.ย. และแสดงความมั่นใจว่าจะให้จบหรือบรรลุเป้าหมายได้ก่อนวันที่ 3 ธ.ค. และถ้าหากไม่จบนัยว่าจะหยุดพักในวันที่ 5 ธ.ค.แล้วจะเคลื่อนไหวต่อ และในครั้งนี้ตามที่ปรากฏเป็นข่าวจาก จตุพร พรหมพันธุ์ บอกว่าจะมีคนมาชุมนุมนับล้านคน
ส่วนว่าจะมีคนมาชุมนุมมากนับล้านคน และจะปิดเกมได้หรือไม่เป็นเรื่องต้องรอดูกันต่อไป
แต่ในมุมมองของผู้เขียนไม่เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงคุยโวไว้ ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้
1.จากการให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง และได้มีกระแสจากคนไทยในหลายภาคส่วนที่ค่อนข้างจะชัดเจน และเป็นรูปธรรม ทำให้เชื่อได้ว่าถ้าคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมในวันที่ 29 พ.ย.คนเสื้อแดงเองก็คงมีจำนวนไม่น้อยที่ถอยห่างด้วยมองเห็นภัยของการมาชุมนุม และมองเห็นโทษของการให้สัมภาษณ์สื่อของอดีตนายกฯ ทักษิณ จึงไม่ง่ายที่จะหาคนมาชุมนุมได้เป็นจำนวนล้าน
2.จากวันที่ 29 พ.ย. ไปถึงวันที่ 5 ธ.ค.อันเป็นวันมหามงคลที่คนไทยทั้งชาติอยู่ในช่วงที่แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงไม่น่าจะมีคนไทยกลุ่มใดกล้าแสดงบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมือง อันเป็นการสวนกระแสสังคมอย่างโจ่งแจ้งชัดเจน
ดังนั้นก็น่าจะอนุมานได้ว่าจะมีคนมาชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงน้อยลง และเมื่อเป็นเช่นนี้จำนวนล้านจะมาจากไหน
3.ในขณะนี้ทางรัฐบาลเองก็ได้ตระหนักถึงพฤติกรรมก่อความรุนแรงของคนเสื้อแดง ทั้งที่พัทยาและที่กระทรวงมหาดไทยในช่วง 8-13 เมษายนมาแล้วเป็นอย่างดี จึงไม่น่าจะเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้แสดงพลังทางการเมืองในรูปแบบที่ขัดต่อกฎหมาย และทำเพื่อบุคคลคนเดียวได้อย่างสะดวก เมื่อเป็นเช่นนี้การชุมนุมของคนเสื้อแดงจะเกิดขึ้นและก้าวไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร
จากปัจจัยในเชิงตรรกะ 3 ประการที่กล่าวมาแล้ว จึงน่าจะอนุมานได้ว่าคำประกาศต่อสู้ของแกนนำกลุ่มเสื้อแดงในครั้งนี้คงเป็นได้แค่คำคุยโวที่ด้อยค่า และราคาที่จะได้รับการจ่ายจากคนบงการทางการเมืองจากดูไบ
แต่ไม่ว่ากลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมโดยมีคนมาร่วมมากน้อยแค่ไหน และบรรลุเป้าหมายหรือไม่เพียงใด ก็ยังมีคนหลายคนกังวลว่าจะมีความรุนแรงทางการเมืองถึงขั้นเกิดการปะทะกัน และมีการบาดเจ็บแล้วอาจจบด้วยการปฏิวัติของคนสองกลุ่มที่หวังได้อำนาจรัฐมาครอง โดยอาศัยเหตุการณ์ที่รุนแรงจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ว่านี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนในฐานะสื่อและในฐานะโหรสมัครเล่น จะขอพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าเพื่อประดับความรู้ และเป็นแนวทางในการวิเคราะห์เป็นประเด็น ดังต่อไปนี้
1.จาก 29 พ.ย.-15 ธ.ค.เป็นระยะที่ดาวพฤหัสฯ อยู่ในตำแหน่งและโคจรนวางค์ประในราศีกันย์เป็นช่วงที่พฤหัสฯ อ่อนแรง และในขณะเดียวกันดาวอังคารพักรในตำแหน่งนิจจ์ถึงเดือนพฤษภาคม จึงเป็นไปได้ว่าจะเกิดการปะทะกันแต่ไม่รุนแรงถึงขั้นคุมไม่อยู่ และนำไปสู่การปฏิวัติ จะมีได้ก็เพียงคนที่กระทำผิดกฎหมายถูกจับกุม และลงโทษตามกระบวนการ
2.ถ้าการชุมนุมรุนแรงและลุกลามถึงขั้นใช้กำลังเข้าปราม และเกิดการปฏิวัติโดยมุ่งแสวงหาอำนาจของคนสองกลุ่ม ก็จะมีกลุ่มที่ 3 เข้ามาปรามและนำความถูกต้องกลับคืนมา
ส่วนว่าจะถูกผิดประการใดขอให้รอดู แต่ในความรู้สึกแล้วไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้น และก่อความเสียหายแก่ประเทศ