ASTVผู้จัดการรายวัน -โบรกเกอร์กองทุนรวม ประเมิน เทรนด์ดอกเบี้ยทั่วโลกเตรียมปรับขึ้นกลางปี 53 เเนะนักลงทุนทยอยเก็บสินทรัพย์เสี่ยงทั้ง "หุ้น-ทองคำ" เข้าพอร์ต เกร็งกำไรจากตลาดหุ้นรีบาวด์รับข่าวดี เศรษฐกิจฟื้น
นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯและทั่วโลกส่วนใหญ่ดีดตัวขึ้นหลังจากมองว่าผลกระทบโดยตรงจากปัญหาหนี้ของ Dubai World ต่อตลาดเงินทั่วโลกมีอยู่จำกัด แต่มองว่าผลกระทบอาจยืดเยื้อและยังมีผลไม่ชัดเจนต่อสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้รวมทั้งยังอาจมีผลด้านจิตวิทยาต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในระยะต่อไปโดยนักวิเคราะห์บางรายคาดว่าเจ้าหนี้ของบริษัท Dubai World จะปฎิเสธข้อตกลงพักชำระหนี้ที่เสนอในการขอเลื่อนการชำระหนี้ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวล่าช้าออกไป
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในเชิงบวกที่ประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมามีตัวเลขลดการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ลดลง 11,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายนในสหรัฐฯ เทียบกับที่ตลาดคาดการณ์ลดลง 130,000ตำแหน่ง แต่ทางด้านรัฐบาลสหรัฐอเมริกายังมองว่าปัญหาการว่างงานยังเป็นปัจจัยหลัก ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อต่ำจึงยังส่งผลต่อการคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำในระยะต่อไป ซึ่งเช่นเดียวกับทางสหภาพยุโรปที่ยังต้องการคงอัตราดอกเบี้ยที่1.0% ต่อไป ถึงแม้ว่าจะมีการถอนสภาพคล่องออกจากระบบอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ภาคธนาคารหลายพันล้านยุโรมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่ดีกว่าคาดมาก จึงเริ่มมีความกังวลว่าสหรัฐฯจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวกลับแรง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างปรับตัวลดลงโดยเฉพาะราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงแรง อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงมุมมองการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างช้าๆ อัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ อัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำอีกระยะ ทำให้คาดว่าราคาสินทรัพย์เสี่ยงจะรีบาวด์กลับมาได้ รวมถึงการที่ธนาคารกลางในหลายประเทศยังให้ความสนใจทองคำอยู่
นางสาวศุภมาส กล่าวอีกว่า ปัจจัยบวกที่สำคัญนอกเหนือจากการจ้างงานที่ดีกว่าคาดของสหรัฐฯ ยังมีปัจจัยบวกที่สำคัญอีกคือ การคาดการณ์ต่อรัฐบาลจีนในการดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกและนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายปานกลางในระยะต่อไป แต่ทั้งนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดต่างๆ บ่อยครั้งมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวร้อนแรงเกินไปสำหรับประเทศที่คาดว่าอาจมีการลดความร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์อีกประเทศหนึ่งคือ ฮ่องกงที่ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าฮ่องกงควรคุมเข้มการปล่อยกู้ในภาคธนาคารเพื่อลดปัญหาเงินเฟ้อด้าน ราคาสินทรัพย์ และลดความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในภาคสินทรัพย์
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยของเดือนตุลาคมยังแสดงถึงการชะลอตัวต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรม และสัปดาห์ที่ผ่านมาศาลปกครองสูงสุดมีการประกาศแก้ไขคำสั่งของศาลปกครองกลางให้ 11 โครงการในมาบตาพุดเปิดดำเนินการต่อไปได้และที่เหลืออีก 65 โครงการให้ระงับการดำเนินกิจกรรมซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของศาลปกครองกลางต่อไปจนกว่าจะมีการพิพากษาหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่น ผลกระทบกรณีของมาบตาพุดอาจส่งผลต่อธนาคารขนาดใหญ่ที่มีการปล่อยกู้ให้กับโครงการที่ต้องระงับการดำเนินกิจกรรม
"เราจึงแนะนำกองทุนทองคำ ASP-GOLD และ K-GOLD สำหรับเก็งกำไรจากการรีบาวด์ และแนะนำทยอยสะสม PGOLD ซึ่งมีการลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพื่อใช้ในการลดความผันผวนของราคาทองคำ ส่วนสินทรัพย์เสี่ยงอื่นเมื่อเทียบกับทองคำยังคาดว่ามีโอกาสผันผวนในกรณีการปรับโครงสร้าง ของบริษัทดูไบเวิร์ลยังไม่ยุติ อย่างไรก็ตามเรายังคงเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างกองตราสารหนี้และตลาดเงิน TMBCB และ PCASH ตามลำดับ" นางสาวศุภมาสกล่าว
นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯและทั่วโลกส่วนใหญ่ดีดตัวขึ้นหลังจากมองว่าผลกระทบโดยตรงจากปัญหาหนี้ของ Dubai World ต่อตลาดเงินทั่วโลกมีอยู่จำกัด แต่มองว่าผลกระทบอาจยืดเยื้อและยังมีผลไม่ชัดเจนต่อสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้รวมทั้งยังอาจมีผลด้านจิตวิทยาต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในระยะต่อไปโดยนักวิเคราะห์บางรายคาดว่าเจ้าหนี้ของบริษัท Dubai World จะปฎิเสธข้อตกลงพักชำระหนี้ที่เสนอในการขอเลื่อนการชำระหนี้ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวล่าช้าออกไป
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในเชิงบวกที่ประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมามีตัวเลขลดการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ลดลง 11,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายนในสหรัฐฯ เทียบกับที่ตลาดคาดการณ์ลดลง 130,000ตำแหน่ง แต่ทางด้านรัฐบาลสหรัฐอเมริกายังมองว่าปัญหาการว่างงานยังเป็นปัจจัยหลัก ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อต่ำจึงยังส่งผลต่อการคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำในระยะต่อไป ซึ่งเช่นเดียวกับทางสหภาพยุโรปที่ยังต้องการคงอัตราดอกเบี้ยที่1.0% ต่อไป ถึงแม้ว่าจะมีการถอนสภาพคล่องออกจากระบบอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ภาคธนาคารหลายพันล้านยุโรมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่ดีกว่าคาดมาก จึงเริ่มมีความกังวลว่าสหรัฐฯจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวกลับแรง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างปรับตัวลดลงโดยเฉพาะราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงแรง อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงมุมมองการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างช้าๆ อัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ อัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำอีกระยะ ทำให้คาดว่าราคาสินทรัพย์เสี่ยงจะรีบาวด์กลับมาได้ รวมถึงการที่ธนาคารกลางในหลายประเทศยังให้ความสนใจทองคำอยู่
นางสาวศุภมาส กล่าวอีกว่า ปัจจัยบวกที่สำคัญนอกเหนือจากการจ้างงานที่ดีกว่าคาดของสหรัฐฯ ยังมีปัจจัยบวกที่สำคัญอีกคือ การคาดการณ์ต่อรัฐบาลจีนในการดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกและนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายปานกลางในระยะต่อไป แต่ทั้งนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดต่างๆ บ่อยครั้งมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวร้อนแรงเกินไปสำหรับประเทศที่คาดว่าอาจมีการลดความร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์อีกประเทศหนึ่งคือ ฮ่องกงที่ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าฮ่องกงควรคุมเข้มการปล่อยกู้ในภาคธนาคารเพื่อลดปัญหาเงินเฟ้อด้าน ราคาสินทรัพย์ และลดความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในภาคสินทรัพย์
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยของเดือนตุลาคมยังแสดงถึงการชะลอตัวต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรม และสัปดาห์ที่ผ่านมาศาลปกครองสูงสุดมีการประกาศแก้ไขคำสั่งของศาลปกครองกลางให้ 11 โครงการในมาบตาพุดเปิดดำเนินการต่อไปได้และที่เหลืออีก 65 โครงการให้ระงับการดำเนินกิจกรรมซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของศาลปกครองกลางต่อไปจนกว่าจะมีการพิพากษาหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่น ผลกระทบกรณีของมาบตาพุดอาจส่งผลต่อธนาคารขนาดใหญ่ที่มีการปล่อยกู้ให้กับโครงการที่ต้องระงับการดำเนินกิจกรรม
"เราจึงแนะนำกองทุนทองคำ ASP-GOLD และ K-GOLD สำหรับเก็งกำไรจากการรีบาวด์ และแนะนำทยอยสะสม PGOLD ซึ่งมีการลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพื่อใช้ในการลดความผันผวนของราคาทองคำ ส่วนสินทรัพย์เสี่ยงอื่นเมื่อเทียบกับทองคำยังคาดว่ามีโอกาสผันผวนในกรณีการปรับโครงสร้าง ของบริษัทดูไบเวิร์ลยังไม่ยุติ อย่างไรก็ตามเรายังคงเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างกองตราสารหนี้และตลาดเงิน TMBCB และ PCASH ตามลำดับ" นางสาวศุภมาสกล่าว
