แม้ว่าจะมีเสียงทัดทานขอร้องจากทุกฝ่าย โดยชี้ให้เห็นถึงความไม่เหมาะสมไม่บังควรต่างๆนานาไม่ต้องการให้คนเสื้อแดง ชุมนุมในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงของวันมหามงคล ที่ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่กำลังมีความสุข หลังจากได้เห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวร
ถือเป็นช่วงที่คนไทยกำลังมีความสุขมากที่สุด หลังจากห่างหายมาเป็นเวลานานหลายเดือน
สังเกตได้จากในตอนค่ำวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมาได้มีพสกนิกรทั่วประเทศหลั่งไหลออกมาร่วมจุดเทียนชัยมากมายเป็นประวัติการณ์ ร่วมกันเปล่งเสียง ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ดังกึกก้อง
จนมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลขยายเวลาจัดงานเฉลิมพระเกียรติออกไปอีกจนถึง
วันที่ 13 ธันวาคม หรือตลอดทั้งเดือนนี้ เนื่องจากถือว่าเป็นการถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัว ทำให้พระองค์ทรงมีความสุข
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง จากพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวตอนหนึ่งว่า
“ความสุขของข้าพเจ้าคือบ้านเมืองปกติสุข”
ทำให้คนไทยรู้ว่าไม่สมควรเคลื่อนไหวอะไรในช่วงเวลานี้ เนื่องจากเกรงว่าจะรบกวนเบื้องพระยุคลบาท
ไม่สมควรทำอะไรให้พระองค์ทรงมีความทุกข์
แต่การที่จู่ๆ มีกลุ่ม “เสื้อแดง” ของ ทักษิณ ชินวัตร ประกาศว่าจะมีการชุมนุมในวันที่ 10 ธันวาคม โดยอ้างประชาธิปไตย อ้างการรำลึกถึงรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นธรรม ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ประกาศไปแล้วว่าจะไม่มีการชุมนุมในช่วงเดือนธันวาคม เนื่องจากรอให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อน จะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งในเดือนมกราคมเป็นเป็นต้นไป
ดังนั้นการประกาศกลับลำหันกลับมาชุมนุมอย่างเต็มรูปแบบ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใช้สำหรับจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่เที่ยงวันไปจนถึงเที่ยงคืน โดยไม่สนใจเสียงก่นด่าแบบนี้มันต้องมีอะไรซ่อนเร้นอยู่ข้างหลังที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่
อีกทั้งในกำหนดการของเสื้อแดง ยังมีคิวสำหรับวีดิโอลิงก์ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่จะเป็นคนนำจุดเทียนถวายพระพรอีกด้วย ก็ยิ่งผิดสังเกตมากขึ้นไปอีก
เล่ห์ “แม้ว” ฟอกตัวโหนกระแสจงรักภักดี
หลายคนมองการเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ในครั้งนี้ได้หลายมุม คือ เป็นการจัดฉากเพื่อกลบเกลื่อนความ “ไม่จงรักภักดี” ของตัวเอง หลังจากได้เปิดเผยตัวตนออกมาให้เห็นอย่างล่อนจ้อนเมื่อครั้งให้สัมภาษณ์กับ “ไทมส์ออนไลน์” จาบจ้วงและให้ร้ายพระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์ รวมไปถึงการบังอาจวิพากษ์วิจารณ์การสืบสันตติวงศ์อย่างรุนแรงชนิดที่เรียกว่าไม่เคยมีคนไทยคนไหนเคยกล้ากล่าวแบบนี้มาก่อน
ด้วยคำพูดดังกล่าวทำให้เขาถูกคนไทยที่จงรักภักดีรุมประณาม ซึ่งรวมไปถึงคนเสื้อแดงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จำนวนมาก ที่พอรับรู้เรื่องนี้ถึงกับช็อกนึกไม่ถึง และนอกจากนี้ยังไม่นับเรื่องการยอมเป็นข้าขอบขันฑสีมาของราชอาณาจักรกัมพูชา “เป็นคนขายชาติ” ทำให้หลายคนถอยห่างออกมา
ดังนั้นเมื่อกระแสพลิกกลับไม่คาดฝัน จึงต้องมีการแก้เกมใหม่ เพื่อรักษามวลชนเอาไว้เช่นเดิม จึงต้องมีการ “จัดฉาก” สร้างพิธีกรรมอำพรางขึ้นมาเพื่อยืนยันว่าตัวเองยังจงรักภักดี และนี่อาจเป็นสาเหตุในการเป็นประธานในการจุดเทียนชัยถวายพระพรด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในอีกมุมหนึ่งกลับกลายเป็นว่า เป็น “ปาหี่-ไม่เนียน” เพราะการอ้างความจงรักภักดี แต่กลับกลายเป็นว่าเพิ่งโผล่หน้ามาในวันที่ 10 ธันวาคม ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ช่วงที่คนไทยร่วมใจกันจุดเทียนชัย ถวายพระพร ทรงพระเจริญกันทั่วบ้านทั่วเมือง ทักษิณ ชินวัตร กับพวกมัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหน
ทำเหมือนกับว่าในตอนแรกมีเจตนาอีกอย่าง แต่พอถูกรุมด่ามากขึ้นเรื่อยๆ ก็เฉไฉไปอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือตอนแรกมีเจตนาจะจัดชุมนุมในวันที่ 10 ธันวาคมอ้างเหตุผลฉวยจังหวะวันรัฐธรรมนูญเพื่อป่วนรัฐบาล แต่ในที่สุดเมื่อเห็นว่าทำท่าจะไปไม่รอดก็เลยต้องพ่วงกระแสจงรักภักดีเข้าไปด้วย
นักโทษหนีคุกคดีทุจริตนำจุดเทียนชัย
สิ่งที่ต้องพิจารณาและมองข้ามไม่ได้ก็คือจะเกิดคำถามว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ที่เป็นนักโทษหนีอาญาแผ่นดิน โดยไม่เคยยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ไม่เคยเคารพในคำตัดสินของศาลที่กระทำโดยพระปรมาภิไธย แต่กลับจะมาเป็นผู้นำจุดเทียนชัยถวายพระพร
นอกเหนือจากนั้นการกระทำพิธีกรรมดังกล่าวเป็นแผนการแยกประชาชนออกจากกันหรือไม่ ทำให้เหมือนกับว่า นี่คือประชาชนของ ทักษิณ ชินวัตร ที่นำออกมาแสดงให้เห็น เพื่อเจตนาข่มขู่ ส่งสัญญาณไปถึง “ผู้มีบารมี” บางคนในทำนองว่าหากยังนิ่งเฉยไม่ยอมลงมาเคลียร์ หรือนิรโทษกรรมลบล้างความผิด คืนเงินที่อายัดไป 7.6 หมื่นล้านและแบ่งปันอำนาจ ล้างไพ่ใหม่ ก็จะไม่มีวันอยู่กันอย่างสงบสุขใช่หรือไม่
ขณะเดียวกันยังข้อสงสัยอีกอย่างหนึ่งที่ระยะหลังเริ่มมีการพูดถึงกันมากขึ้นในพฤติกรรมที่เหิมเกริม นั่นคือ “ปริศนาหมายเลข 10” และความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ของ ทักษิณ ชินวัตร
แม้ว่าหลายคนอาจรู้สึกหัวร่อเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ แต่สำหรับคนอย่างเขาที่ปากมักบอกว่าไม่เชื่อในเรื่องดังกล่าว แต่ในความเป็นจริงแล้วตรงกันข้าม เนื่องจากมีข้อมูลยืนยันว่าเข้าขั้น “บ้าคลั่งไสยศาสตร์” กันเลยทีเดียว
ย้อนอดีต-ปัจจุบันกับปริศนาหมายเลข 10
หากย้อนกลับไปพฤติกรรมที่ผ่านมาทุกอย่างก็เริ่มเข้าเค้าสอดคล้องกันทั้งสิ้น !!
ที่ผ่านมา “ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์” เคยนำเสนอรายงานข้อมูลเรื่องนี้ไปในฉบับวันที่ 14-20 พฤศจิกายน 2552 (ฉบับที่ 6) เกี่ยวกับปริศนา “เจ้าองค์ที่ 10” ไปแล้วครั้งหนึ่ง บางคนอาจจะยังรู้สึกเฉยๆ แต่เมื่อมาถึงวันนี้วันที่ ทักษิณ ไฟเขียวให้คนเสื้อแดงชุมนุมในวันที่ 10 ธันวาคมมันก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นภาพที่เคยเบลอๆเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น
และแม้เคยรับรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาเชื่อในหมายเลข “8” ไม่ว่าคิดจะทำอะไรก็มักจะยึดเลข 8 เป็นสำคัญ หรือหากจะสั่งให้เสื้อแดงชุมนุมในวันใดก็ต้องมีตัวเลขที่สัมพันธ์กับเลข 8 เสมอ เช่น การชุมนุมในวันที่ 17 สิงหาคม เนื่องจากเมื่อนำเลข 7 มาบวกกับเลข 1 ก็จะรวมกันได้เป็น 8 เป็นต้น
อย่างไรก็ดีในระยะหลังไม่รู้เป็นเพราะอะไรกันแน่ ที่ทำให้เปลี่ยนไป จากเลข 8 มาปักใจเชื่อและยึดในหมายเลข 10 ว่าเป็นเลขมงคลสำหรับตัวเขา ซึ่งบางคนบอกว่าอาจเป็นเพราะมีหมอดูอีทีแนะนำก็เป็นได้ ทำให้เขาเชื่อ และเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เป็นอยู่ โดยหวังว่าอาจได้เป็น “คนสำคัญ”ลำดับที่ 10 หรือเทียบเท่าคนสำคัญลำดับที่ 10 ก็เป็นได้
หากพิจารณาจากข้อมูลส่วนตัว ทักษิณ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 และบังเอิญว่ามีการระดมเพื่อนทหาร ตำรวจ จากเตรียมทหารรุ่น 10 ตบเท้าเข้าพรรคเพื่อไทยเป็นการใหญ่ ลักษณะเหมือนกับการเสริมบารมีให้กับเขา
หรือการชุมนุมใหญ่ของเสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมาก็ตาม เมื่อนำตัวเลขมาบวกกันก็จะรวมกันได้ 10 หรือย้อนไปเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2551 ทักษิณ กับครอบครัว(มีอดีตภรรยาร่วมด้วย) ได้ทำพิธี “ชุบชีวิตใหม่” ที่วัดธรรมกายสาขาลอนดอน แต่ไม่รู้ว่าคราวนั้นเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นหลังจากนั้นถัดมาไม่นาน ทักษิณ ถูกศาลฎีกาฯตัดสินจำคุก 2 ปีในคดีที่ดินย่านรัชดาภิเษก
หากย้อนกลับไปให้ไกลกว่านั้นอีกก็คือเมื่อปี 2548 ทักษิณ ทำพิธีในวัดพระแก้วก็เลือกเอาวันที่ 10 เมษายน มันช่างบังเอิญยิ่งนัก
ขณะเดียวกันสดๆร้อนๆบังเอิญอีกว่าในวันที่เดินทางไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนตัวของ “ฮุนเซน” และที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา เขาก็นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 พฤศจิกายน และเลือกเวลาเดินทางไปถึงกรุงพนมเปญในเวลา 10 นาฬิกาเศษ
ล่าสุดมีการกำหนดเอาวันที่ 10 ธันวาคม เป็นวันชุมนุมของเหล่าคนเสื้อแดง แม้ว่าจะถูกก่นด่าจากคนไทยจำนวนมาก แต่เขาก็ยังดึงดันเดินหน้า แม้ว่าจะอ้างถึงวันรำลึกถึงรัฐธรรมนูญ แต่หากมองอีกด้านหนึ่งมันก็เป็น “สัญญลักษณ์” แห่งการเปลี่ยนแปลง
และถ้า ทักษิณ บ้าคลั่งไสยศาสตร์จริง มันก็น่าเป็นห่วงเพราะในปีหน้ามันก็มีตัวเลข 10 มาเกี่ยวข้องอีก เพราะเป็นปี 2010 ซึ่งมีข้อมูลยืนยันว่า ทักษิณ จะต้องทุ่มเททุกทางเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ได้
ดังนั้นหากพิจารณาจากพฤติกรรมส่วนตัวและความเคลื่อนไหวทั้งหมดตั้งแต่ต้น ก็ทำให้ยิ่งมองเห็นเจตนาของการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธันวาคมว่าต้องการท้าทาย ขณะเดียวกันยังสร้างภาพให้เห็นความจงรักภักดี ทั้งที่เป็นการแยกประชาชนออกมาเป็นของตัวเอง
และที่สำคัญก็คือนี่คือการชุมนุมสำหรับ “แก้เคล็ด” ของคนบ้าไสยศาสตร์เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย “คนสำคัญหมายเลข 10” !?