พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสขอบพระทัยแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และขอบคุณบริพาร ข้าราชการและพสกนิกรที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ความว่า “ขอขอบพระทัยและขอบคุณท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ด้วยถ้อยคำที่เลือกสรรมาจากใจจริง ซึ่งปรารถนาดีมุ่งหมายให้ข้าพเจ้ามีความสุข ความสวัสดีด้วยประการต่างๆ ขอให้ความสุขความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดได้ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญมั่นคงเป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงจะสำเร็จผลเป็นจริงได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติมุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลังด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้คิด และด้วยความสุจริตจริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น
จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ซึ่งมี ตำแหน่งหน้าที่สำคัญในสถาบันหลักของประเทศและชาวไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่าทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่างแล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรงและหนักแน่น ปฏิบัติหน้าที่ของตนเพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือ ชาติ บ้านเมืองอันเป็นถิ่นทำกินของเรามีความเจริญมั่นคงยั่งยืนต่อไป ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ปราศจากภัย และอำนวยสุขสิริสวัสดิ์ ให้สำเร็จผลแก่ท่านทั่วหน้ากัน” ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
พระราชดำรัสดังกล่าวนี้ เป็นมงคลสูงสุดสำหรับคนดีทุกคนของชาติ และพระองค์ทรงเน้นถึงรัฐบาล นักการเมือง นักปกครอง “ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญในสถาบันหลักของประเทศและชาวไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่าทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่างแล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรงและหนักแน่น ปฏิบัติหน้าที่ของตนเพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือ ชาติบ้านเมืองอันเป็นถิ่นทำกินของเรามีความเจริญมั่นคงยั่งยืนต่อไป”
ธรรมาธิปไตย หมายถึง (1) จงอาศัยธรรมเท่านั้น (2) สักการธรรม (3) ทำความเคารพธรรม (4) นับถือธรรม (5) บูชาธรรม (6) ยำเกรงธรรม (7) มีธรรมเป็นธงชัย (8) มีธรรมเป็นยอด (9) มีธรรมเป็นใหญ่ คือธรรมาธิปไตย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่ง
อีกนัยหนึ่ง ธรรมาธิปไตย หมายถึง (1) สภาพที่ทรงไว้ (2) สภาวะที่ไม่ตาย (3) สภาวะสันติถาวร (4) แก่นธรรม (5) ต้นเหตุ (6) สัจธรรม (7) ความจริงแท้ (8) ความยุติธรรม (9) หลักการ (10) คุณธรรม (11) ความถูกต้อง (12) ความประพฤติชอบ (13) สัมมาทิฐิ (14) พระธรรม (15) คำสั่งสอนของพระศาสดาที่ปรากฏขึ้น ฯลฯ
เราจะนำท่านทั้งหลายมาร่วมกันพิสูจน์ก่อเกิดปัญญาอันยิ่งใหญ่ รู้แจ้งต่อกฎธรรมชาติ อันเป็นธรรมาธิปไตยใน 2 ลักษณะ อันเป็นลักษณะของพระธรรมจักรที่ลึกซึ้ง คือ
1) ลักษณะเอกภาพกับลักษณะแตกต่างหลากหลาย เช่น สภาวะนิพพาน ธรรมาธิปไตย เป็นลักษณะเอกภาพ กาย คือธาตุ 4 จิต คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ทั้งกุศล และอกุศล) เป็นลักษณะแตกต่างหลากหลาย อีกลักษณะหนึ่ง สภาวะอสังขตธรรมเป็นด้านเอกภาพ สังขตธรรมเป็นด้านความแตกต่างหลากหลาย ก่อให้เกิดดุลยภาพ เช่น ดวงอาทิตย์ เป็นด้านเอกภาพ แผ่กระจายโอบอุ้มดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ซึ่งมีลักษณะแตกต่างหลากหลาย ต้องขึ้นต่อดวงอาทิตย์ ก่อให้เกิดดุลยภาพ ทรงอยู่ได้ ดำรง ตั้งอยู่ได้อย่างเป็นพลวัตมานานแสนนาน เป็นต้น
2) ด้านเอกภาพมีลักษณะแผ่กระจายกับด้านความแตกต่างหลากหลายมีลักษณะรวมศูนย์ ขึ้นต่อ มุ่งตรงต่อองค์เอกภาพ ก่อให้เกิดดุลยภาพ มั่นคง อันเป็นกฎธรรมชาติ
ในมุมมองของผู้เขียน พระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิบัติธรรมาธิปไตยเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าทรงแผ่พระกรุณาคุณ วิสุทธิคุณ ปัญญาคุณ ออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลไม่มีประมาณด้วยพระธรรม พระสงฆ์ และสาวกทั้งปวงต่างก็รวมศูนย์ที่พระพุทธเจ้า ทำให้เราเห็นลักษณะสภาวธรรมแผ่กระจายกับลักษณะรวมศูนย์ ก่อให้เกิดดุลยภาพ มั่นคง ดำรงมายาวนาน 2,500 กว่าปี
พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขแห่งชาติ ทรงเป็นผู้นำแห่งชาติ ย่อมเป็นเอกภาพและเป็นศูนย์กลางของปวงชนในชาติ และแผ่พระเมตตาและด้วยโครงการพระราชดำริ 3,000 กว่าโครงการแผ่กระจายกว้างออกไปทั่วทั้งแผ่นดิน ปวงพสกนิกรดุจดังลูกๆ ของพระองค์ ทำให้ปวงพสกนิกรในชาติซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ รัก เทิดทูน จงรักภักดีต่อพระองค์ดุจดังพ่อของแผ่นดิน ขึ้นตรง มุ่งต่อพระองค์ จากลักษณะดังกล่าวก่อให้เกิดลักษณะสภาวธรรมแผ่กระจาย กับ รวมศูนย์ ก่อให้เกิดดุลยภาพ มั่นคงระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับปวงพสกนิกร สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับกฎธรรมชาติ
ชาติ ย่อมเป็นเอกภาพและเป็นศูนย์กลางของปวงชนในชาติ แผ่โอบอุ้มปวงชนในชาติอันแตกต่างหลากหลาย ปวงชนทุกคนต้องพัฒนาตนเองเพื่อชาติ ก่อให้ชาติเกิดความเข้มแข็งและมั่นคง จะไม่มีการแบ่งแยกดินแดน ปวงชนจะสำนึกประโยชน์ชาติเหนือประโยชน์อื่นๆ
ศาสนา ย่อมเป็นเอกภาพและเป็นศูนย์กลางทางใจของศาสนิกชน และแผ่โอบอุ้มศาสนิกชน ศาสนิกชนต้องขึ้นตรงต่อสภาวะสูงสุดของศาสนา ก่อให้เกิดความเข้มแข็งและมั่นคงยาวนาน
ลักษณะกฎธรรมชาติ ลักษณะพระพุทธเจ้า ลักษณะของศาสนา ลักษณะพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ลักษณะของชาติ แสดงให้เห็นว่ามีลักษณะเดียวกัน อยู่ในแกนเดียวกัน ในลักษณะพระธรรมจักร คือ (1) ลักษณะเอกภาพกับความแตกต่างหลากหลาย (2) ลักษณะแผ่กระจายกับรวมศูนย์ อันเป็นลักษณะกฎธรรมชาติ ดำรงไว้แห่งดุลยภาพและความมั่นคง
อันที่จริงกฎธรรมชาติดังกล่าว ดำรงอยู่ ควบคุมอยู่ในทุกสรรพสิ่ง หากเราย้อนกลับมาดูที่ตัวเรา คุณธรรม ใจอันบริสุทธิ์ของบุคคลย่อมมีแผ่เมตตาออกไป และก็รับผลแห่งการกระทำความดีย้อนกลับมา แต่ที่เรามองไม่เห็น ไม่สังเกต ก็เพราะเราเคยชินกับกิเลส อันเป็นสัญชาตญาณ คือคิดจะเอาก่อน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนก่อน แต่หากเราได้เรียนรู้ ปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธเจ้าสอนอย่างตั้งใจมีพระเจ้าอยู่หัวเป็นแบบอย่างแล้ว เป็นต้น เราก็จะรู้ได้ว่า “จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว”
จิตต้องคิดให้ก่อน สิ่งที่เราจะต้องปลูกฝัง คือ “เรียนอะไรก็ได้ ทำหน้าที่อะไรก็ได้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อชาติ” “ชีวิตที่เหลือเพื่อแผ่นดิน” นับแต่งานกวาดถนน งานทุกๆ อย่างเราทำเพื่อชาติได้หมด เป็นลูกเพื่อชาติ เป็นนักศึกษาเพื่อชาติ เป็นแม่เพื่อชาติ เป็นพ่อเพื่อชาติ เป็นพนักงานเพื่อชาติ ฯลฯ การคิดให้เพื่อชาติ ย่อมยิ่งใหญ่ไพศาล ผลแห่งความที่คิดทำจะย้อมกลับมาหาเราเอง โดยที่เราไม่ต้องคิดโลภอะไรเลย ยิ่งให้ยิ่งมีความสุข เพราะเป็นการดำเนินชีวิตสอดคล้องกับกฎธรรมชาติ
อีกนัยหนึ่ง บุคคลผู้มีจิตที่คิดให้ก่อนนั้น ย่อมเป็นสุข และเป็นเหตุให้เกิดความคิดดี พูดดี ทำดี อาชีพดี ความเพียรดี สติระลึกรู้ดี มีความตั้งใจมั่นดี (คิดการใหญ่จุดมุ่งหมายไม่เปลี่ยนแปลง) ในท้ายที่สุดก็ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ประสบความสำเร็จได้โดยปราศจากความโลภ ก่อให้เกิดประโยชน์มากมายมหาศาลต่อประเทศชาติและตนเองมากมายเกินที่จะกล่าวในที่นี้ได้
หากกลับมาย้อนดู ครอบครัวธรรมาธิปไตย พ่อแม่ย่อมเป็นเอกภาพของบุตรหลาน แผ่เมตตาโอบอุ้มเลี้ยงดูอบรมบุตร บุตรต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ลักษณะดังนี้ย่อมก่อให้ครอบครัวนั้นๆ มีความเจริญ มั่นคงตามกฎธรรมชาติ
ห้องเรียนธรรมาธิปไตย ครูตั้งใจสอนนักเรียนด้วยความเมตตา เอื้ออาทร นักเรียนตั้งใจเรียน ตั้งใจเชื่อฟังครู การเรียนการสอน ณ เวลา ณ ห้องเรียนนั้นๆ ย่อมก่อประโยชน์สูงสุด
โรงเรียน วัด บริษัท องค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด กรม กระทรวง รัฐบาล ระบอบการเมืองการปกครอง ก็สามารถนำลักษณะกฎธรรมชาติในสองมิติ หรือสองลักษณะดังกล่าวแล้วข้างต้นนำไปใช้แล้ว ย่อมก่อประโยชน์ยิ่งใหญ่
องค์เอกภาพของกฎธรรมชาติคือธรรมาธิปไตย คือความดียิ่งใหญ่ ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ปัญญาที่ยิ่งใหญ่ ความบริสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเอกภาพแต่ละองค์กรย่อมเป็นความดี ความเมตตา ปัญญา บริสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ ก็พิสูจน์ให้เห็นตัวอย่างแล้วจาก พระพุทธเจ้า พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เป็นต้น
แต่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ระบอบการเมืองไทยเรายังจมปลักอยู่กับความเห็นผิด หลงผิด หลงทางเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญเป็นระบอบประชาธิปไตย ระบอบการเมืองที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมหรือยังไม่มีตัวระบอบที่แท้จริง มีแต่เพียงวิธีการปกครอง คือ หมวดและมาตราต่างๆ เป็นสัมพันธภาพที่ปราศจากธรรม จึงหาความถูกต้องไม่ได้ ความเห็นผิดนี้มันใหญ่สูงสุด มีอำนาจทำลายสูงสุด ครอบงำทำลายสูงสุดพากันล่มจมในส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดทั้งประเทศ
สภาพการณ์เป็นจริงที่ว่าคุณธรรมจากพระศาสนาและคุณธรรมจากพระมหากษัตริย์อันยิ่งใหญ่ คุณธรรมรวมของบุคคลในชาติ ก็ไม่อาจจะต้านทานความเลวร้ายจากระบอบการเมืองเผด็จการที่ดำรงอยู่นี้ได้ “คุณธรรมอยู่ในอุ้งมือมาร ย่อมแผ่ธรรมานุภาพ คุณงามความดีต่างๆ ไม่ได้และยากที่จะดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง” ท่านนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ พอจะมีปัญญามองเห็นกันหรือไม่ เห็นด้วยปัญญาก็ร่วมมือร่วมใจกันคิดแก้ไข (สมัครเรียน โรงเรียนผู้นำธรรมาธิปไตยแห่งชาติ แสดงเจตจำนง ส่งอีเมลมาที่
p_ariya_@hotmail.com
จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ซึ่งมี ตำแหน่งหน้าที่สำคัญในสถาบันหลักของประเทศและชาวไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่าทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่างแล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรงและหนักแน่น ปฏิบัติหน้าที่ของตนเพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือ ชาติ บ้านเมืองอันเป็นถิ่นทำกินของเรามีความเจริญมั่นคงยั่งยืนต่อไป ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ปราศจากภัย และอำนวยสุขสิริสวัสดิ์ ให้สำเร็จผลแก่ท่านทั่วหน้ากัน” ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
พระราชดำรัสดังกล่าวนี้ เป็นมงคลสูงสุดสำหรับคนดีทุกคนของชาติ และพระองค์ทรงเน้นถึงรัฐบาล นักการเมือง นักปกครอง “ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญในสถาบันหลักของประเทศและชาวไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่าทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่างแล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรงและหนักแน่น ปฏิบัติหน้าที่ของตนเพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือ ชาติบ้านเมืองอันเป็นถิ่นทำกินของเรามีความเจริญมั่นคงยั่งยืนต่อไป”
ธรรมาธิปไตย หมายถึง (1) จงอาศัยธรรมเท่านั้น (2) สักการธรรม (3) ทำความเคารพธรรม (4) นับถือธรรม (5) บูชาธรรม (6) ยำเกรงธรรม (7) มีธรรมเป็นธงชัย (8) มีธรรมเป็นยอด (9) มีธรรมเป็นใหญ่ คือธรรมาธิปไตย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่ง
อีกนัยหนึ่ง ธรรมาธิปไตย หมายถึง (1) สภาพที่ทรงไว้ (2) สภาวะที่ไม่ตาย (3) สภาวะสันติถาวร (4) แก่นธรรม (5) ต้นเหตุ (6) สัจธรรม (7) ความจริงแท้ (8) ความยุติธรรม (9) หลักการ (10) คุณธรรม (11) ความถูกต้อง (12) ความประพฤติชอบ (13) สัมมาทิฐิ (14) พระธรรม (15) คำสั่งสอนของพระศาสดาที่ปรากฏขึ้น ฯลฯ
เราจะนำท่านทั้งหลายมาร่วมกันพิสูจน์ก่อเกิดปัญญาอันยิ่งใหญ่ รู้แจ้งต่อกฎธรรมชาติ อันเป็นธรรมาธิปไตยใน 2 ลักษณะ อันเป็นลักษณะของพระธรรมจักรที่ลึกซึ้ง คือ
1) ลักษณะเอกภาพกับลักษณะแตกต่างหลากหลาย เช่น สภาวะนิพพาน ธรรมาธิปไตย เป็นลักษณะเอกภาพ กาย คือธาตุ 4 จิต คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ทั้งกุศล และอกุศล) เป็นลักษณะแตกต่างหลากหลาย อีกลักษณะหนึ่ง สภาวะอสังขตธรรมเป็นด้านเอกภาพ สังขตธรรมเป็นด้านความแตกต่างหลากหลาย ก่อให้เกิดดุลยภาพ เช่น ดวงอาทิตย์ เป็นด้านเอกภาพ แผ่กระจายโอบอุ้มดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ซึ่งมีลักษณะแตกต่างหลากหลาย ต้องขึ้นต่อดวงอาทิตย์ ก่อให้เกิดดุลยภาพ ทรงอยู่ได้ ดำรง ตั้งอยู่ได้อย่างเป็นพลวัตมานานแสนนาน เป็นต้น
2) ด้านเอกภาพมีลักษณะแผ่กระจายกับด้านความแตกต่างหลากหลายมีลักษณะรวมศูนย์ ขึ้นต่อ มุ่งตรงต่อองค์เอกภาพ ก่อให้เกิดดุลยภาพ มั่นคง อันเป็นกฎธรรมชาติ
ในมุมมองของผู้เขียน พระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิบัติธรรมาธิปไตยเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าทรงแผ่พระกรุณาคุณ วิสุทธิคุณ ปัญญาคุณ ออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลไม่มีประมาณด้วยพระธรรม พระสงฆ์ และสาวกทั้งปวงต่างก็รวมศูนย์ที่พระพุทธเจ้า ทำให้เราเห็นลักษณะสภาวธรรมแผ่กระจายกับลักษณะรวมศูนย์ ก่อให้เกิดดุลยภาพ มั่นคง ดำรงมายาวนาน 2,500 กว่าปี
พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขแห่งชาติ ทรงเป็นผู้นำแห่งชาติ ย่อมเป็นเอกภาพและเป็นศูนย์กลางของปวงชนในชาติ และแผ่พระเมตตาและด้วยโครงการพระราชดำริ 3,000 กว่าโครงการแผ่กระจายกว้างออกไปทั่วทั้งแผ่นดิน ปวงพสกนิกรดุจดังลูกๆ ของพระองค์ ทำให้ปวงพสกนิกรในชาติซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ รัก เทิดทูน จงรักภักดีต่อพระองค์ดุจดังพ่อของแผ่นดิน ขึ้นตรง มุ่งต่อพระองค์ จากลักษณะดังกล่าวก่อให้เกิดลักษณะสภาวธรรมแผ่กระจาย กับ รวมศูนย์ ก่อให้เกิดดุลยภาพ มั่นคงระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับปวงพสกนิกร สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับกฎธรรมชาติ
ชาติ ย่อมเป็นเอกภาพและเป็นศูนย์กลางของปวงชนในชาติ แผ่โอบอุ้มปวงชนในชาติอันแตกต่างหลากหลาย ปวงชนทุกคนต้องพัฒนาตนเองเพื่อชาติ ก่อให้ชาติเกิดความเข้มแข็งและมั่นคง จะไม่มีการแบ่งแยกดินแดน ปวงชนจะสำนึกประโยชน์ชาติเหนือประโยชน์อื่นๆ
ศาสนา ย่อมเป็นเอกภาพและเป็นศูนย์กลางทางใจของศาสนิกชน และแผ่โอบอุ้มศาสนิกชน ศาสนิกชนต้องขึ้นตรงต่อสภาวะสูงสุดของศาสนา ก่อให้เกิดความเข้มแข็งและมั่นคงยาวนาน
ลักษณะกฎธรรมชาติ ลักษณะพระพุทธเจ้า ลักษณะของศาสนา ลักษณะพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ลักษณะของชาติ แสดงให้เห็นว่ามีลักษณะเดียวกัน อยู่ในแกนเดียวกัน ในลักษณะพระธรรมจักร คือ (1) ลักษณะเอกภาพกับความแตกต่างหลากหลาย (2) ลักษณะแผ่กระจายกับรวมศูนย์ อันเป็นลักษณะกฎธรรมชาติ ดำรงไว้แห่งดุลยภาพและความมั่นคง
อันที่จริงกฎธรรมชาติดังกล่าว ดำรงอยู่ ควบคุมอยู่ในทุกสรรพสิ่ง หากเราย้อนกลับมาดูที่ตัวเรา คุณธรรม ใจอันบริสุทธิ์ของบุคคลย่อมมีแผ่เมตตาออกไป และก็รับผลแห่งการกระทำความดีย้อนกลับมา แต่ที่เรามองไม่เห็น ไม่สังเกต ก็เพราะเราเคยชินกับกิเลส อันเป็นสัญชาตญาณ คือคิดจะเอาก่อน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนก่อน แต่หากเราได้เรียนรู้ ปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธเจ้าสอนอย่างตั้งใจมีพระเจ้าอยู่หัวเป็นแบบอย่างแล้ว เป็นต้น เราก็จะรู้ได้ว่า “จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว”
จิตต้องคิดให้ก่อน สิ่งที่เราจะต้องปลูกฝัง คือ “เรียนอะไรก็ได้ ทำหน้าที่อะไรก็ได้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อชาติ” “ชีวิตที่เหลือเพื่อแผ่นดิน” นับแต่งานกวาดถนน งานทุกๆ อย่างเราทำเพื่อชาติได้หมด เป็นลูกเพื่อชาติ เป็นนักศึกษาเพื่อชาติ เป็นแม่เพื่อชาติ เป็นพ่อเพื่อชาติ เป็นพนักงานเพื่อชาติ ฯลฯ การคิดให้เพื่อชาติ ย่อมยิ่งใหญ่ไพศาล ผลแห่งความที่คิดทำจะย้อมกลับมาหาเราเอง โดยที่เราไม่ต้องคิดโลภอะไรเลย ยิ่งให้ยิ่งมีความสุข เพราะเป็นการดำเนินชีวิตสอดคล้องกับกฎธรรมชาติ
อีกนัยหนึ่ง บุคคลผู้มีจิตที่คิดให้ก่อนนั้น ย่อมเป็นสุข และเป็นเหตุให้เกิดความคิดดี พูดดี ทำดี อาชีพดี ความเพียรดี สติระลึกรู้ดี มีความตั้งใจมั่นดี (คิดการใหญ่จุดมุ่งหมายไม่เปลี่ยนแปลง) ในท้ายที่สุดก็ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ประสบความสำเร็จได้โดยปราศจากความโลภ ก่อให้เกิดประโยชน์มากมายมหาศาลต่อประเทศชาติและตนเองมากมายเกินที่จะกล่าวในที่นี้ได้
หากกลับมาย้อนดู ครอบครัวธรรมาธิปไตย พ่อแม่ย่อมเป็นเอกภาพของบุตรหลาน แผ่เมตตาโอบอุ้มเลี้ยงดูอบรมบุตร บุตรต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ลักษณะดังนี้ย่อมก่อให้ครอบครัวนั้นๆ มีความเจริญ มั่นคงตามกฎธรรมชาติ
ห้องเรียนธรรมาธิปไตย ครูตั้งใจสอนนักเรียนด้วยความเมตตา เอื้ออาทร นักเรียนตั้งใจเรียน ตั้งใจเชื่อฟังครู การเรียนการสอน ณ เวลา ณ ห้องเรียนนั้นๆ ย่อมก่อประโยชน์สูงสุด
โรงเรียน วัด บริษัท องค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด กรม กระทรวง รัฐบาล ระบอบการเมืองการปกครอง ก็สามารถนำลักษณะกฎธรรมชาติในสองมิติ หรือสองลักษณะดังกล่าวแล้วข้างต้นนำไปใช้แล้ว ย่อมก่อประโยชน์ยิ่งใหญ่
องค์เอกภาพของกฎธรรมชาติคือธรรมาธิปไตย คือความดียิ่งใหญ่ ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ปัญญาที่ยิ่งใหญ่ ความบริสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเอกภาพแต่ละองค์กรย่อมเป็นความดี ความเมตตา ปัญญา บริสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ ก็พิสูจน์ให้เห็นตัวอย่างแล้วจาก พระพุทธเจ้า พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เป็นต้น
แต่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ระบอบการเมืองไทยเรายังจมปลักอยู่กับความเห็นผิด หลงผิด หลงทางเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญเป็นระบอบประชาธิปไตย ระบอบการเมืองที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมหรือยังไม่มีตัวระบอบที่แท้จริง มีแต่เพียงวิธีการปกครอง คือ หมวดและมาตราต่างๆ เป็นสัมพันธภาพที่ปราศจากธรรม จึงหาความถูกต้องไม่ได้ ความเห็นผิดนี้มันใหญ่สูงสุด มีอำนาจทำลายสูงสุด ครอบงำทำลายสูงสุดพากันล่มจมในส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดทั้งประเทศ
สภาพการณ์เป็นจริงที่ว่าคุณธรรมจากพระศาสนาและคุณธรรมจากพระมหากษัตริย์อันยิ่งใหญ่ คุณธรรมรวมของบุคคลในชาติ ก็ไม่อาจจะต้านทานความเลวร้ายจากระบอบการเมืองเผด็จการที่ดำรงอยู่นี้ได้ “คุณธรรมอยู่ในอุ้งมือมาร ย่อมแผ่ธรรมานุภาพ คุณงามความดีต่างๆ ไม่ได้และยากที่จะดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง” ท่านนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ พอจะมีปัญญามองเห็นกันหรือไม่ เห็นด้วยปัญญาก็ร่วมมือร่วมใจกันคิดแก้ไข (สมัครเรียน โรงเรียนผู้นำธรรมาธิปไตยแห่งชาติ แสดงเจตจำนง ส่งอีเมลมาที่
p_ariya_@hotmail.com