“ผ่าประเด็นร้อน”
ในที่สุด “3 เกลอ” ก็ได้รับคำสั่งจาก ทักษิณ ชินวัตร ให้เดินหน้าชุมนุมในวันที่ 10 ธันวาคมต่อไป โดยไม่สนใจคำทักท้วง ทัดทานจากคนไทยส่วนใหญ่ทั่วไป ที่เห็นว่ายังอยู่ในช่วงวัน “มหามงคล” เป็นเทศกาลแห่งความสุข
ยิ่งได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม และมีพระบรมราโชวาทเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ยิ่งสร้างความปลื้มปิติให้กับคนไทยทั่วทั้งประเทศต่างเฝ้ารอมาเป็นเวลานาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชดำรัสตอนหนึ่ง “ความสุขของข้าพเจ้าคือบ้านเมืองปกติสุข” ที่คนไทยทุกคนต้องนำใส่เกล้าฯใส่กระหม่อม
การได้เห็นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ และได้เห็นพระภักตร์และทรงโบกพระหัตถ์ตลอดเส้นทางที่ทรงพระราชดำเนิน ขณะที่พสกนิกรได้ร่วมกันถวายพระพรยาวนาน
เสียง ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ดังกึกก้องทั้งสองฟากฝั่ง ตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราช ไปจนถึงพระบรมมหาราชวัง ทั้งไปและกลับ ยิ่งทำให้คนไทยมีความสุข
เมื่อมีความสุขก็อยากให้มีบรรยากาศอย่างนี้คงอยู่ต่อไปนานๆ และนี่จึงเป็นที่มาของการขยายเวลาจัดงานวันมหามงคลออกไปให้นานกว่าปกติ
อย่างน้อยก็เป็นช่วงเดือนธันวาคม ให้กลายเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองมีความสุขต่อเนื่องกันไปถึงปีใหม่ เพราะนานเหลือเกินแล้วที่คนไทยไม่ได้มีความสุขแบบนี้ สังเกตได้จากโพลทุกโพลก็ล้วนออกมาในแบบเดียวกัน
เพราะที่ผ่านมาเราเจอแต่เรื่องร้ายๆมานาน และล่าสุดเพิ่งพบกับวิกฤตไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และล่าสุดมีวิกฤตเศรษฐกิจโลกและทำท่าจะโงหัวขึ้นมาบ้าง นี่ยังไม่นับเรื่องวิกฤติการเมืองที่เกิดขึ้นมานาน
อย่างไรก็ดี เทศกาลแห่งความสุขดังกล่าวมีอันต้องหยุดกึก เพราะ ทักษิณ ชินวัตร ได้ส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงออกมาชุมนุมอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้เคยประกาศว่าจะงดเว้นการชุมนุมในช่วงเดือนธันวาคมนี้ จะเริ่มกิจกรรมกันในเดือนมกราคมเป็นต้นไป
คนพวกนี้อ้างว่าเพราะต้องการรักษาประชาธิปไตย รำลึกถึงวันรัฐธรรมนูญ และเพื่อให้ความเป็นนักประชาธิปไตยแผ่ซ่านไปทั่วทุกรูขุมขนก็ต้องจัดกิจกรรมตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืนอย่างนั้นหรือ
หากพิจารณาตามกำหนดการที่มีการเปิดเผยออกมาจากแกนนำ “3 เกลอ” ยังบอกอีกว่า ในวันดังกล่าวจะมี “ทักษิณ ชินวัตร” วีดิโอลิงก์มาถวายพระพร และนำจุดเทียนชัยถวายความจงรักภักดี หากมองอย่างผิวเผินก็อาจจะไม่มีมีอะไรมาก แม้ว่าจะดูแปร่งๆอยู่บ้าง
แต่อีกมุมหนึ่งหากพิจารณาอย่างละเอียดก็ย่อมมองออกว่านี่คือเจตนาที่ซ่อนเร้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัญญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คนพวกนี้ก็ต้องการสื่อสัญญาณบางอย่างให้เห็น
อย่างไรก็ดี ถ้าต้องการเห็นแก่ความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่แล้วก็สามารถเลี่ยงจัดงานในลักษณะดังกล่าวก็ได้ เช่น อาจเป็นการส่งตัวแทนไปวางพวงมาลาที่พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 เหมือนเช่นหน่วยงานอื่นๆ ที่ทำกันทุกปี
ที่สำคัญปีนี้เป็นปีที่พิเศษสำหรับวันมหามงคล เป็นช่วงที่พระเจ้าอยู่หัวยังทรงประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ก็ยิ่งไม่ควรก่อการใดๆ ให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท
นอกเหนือจากนี้การอ้างว่า เป็นการชุมนุมเพื่อจะร่วมกันถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัวด้วยนั้น หากจะอ้างอย่างนั้นและมีความจงรักภักดีจริง ทำไมไม่ทำพร้อมกันกับคนไทยทั่วประเทศ ทำไมต้องแยกมาดำเนินการต่างหาก
ขณะเดียวกันยังปล่อยให้ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งปัจจุบันมีสถานะเป็นนักโทษ และผู้ต้องหาคดีทุจริตมากมายยาวเป็นหางว่าว และกำลังหลบหนีคุกหนีตะรางโฟนอินเข้ามานำจุดเทียนชัยถวายพระพรเป็นเรื่องที่บังควรหรือไม่ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทักษิณ คนเดียวกันนี้เป็นบุคคลที่เคยกล่าววาจาจาบจ้วง และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาที่สุด จนล่าสุดถูกระบุว่าเขานี่แหละคือหัวหน้าขบวนการล้มเจ้าตัวจริง
ดังนั้น ทำให้น่าสงสัยว่า กิจกรรมที่คนเสื้อแดงกำลังจะดำเนินการในวันที่ 10 ธ.ค.นี้มีนัยแอบแฝง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการ “ฟอกตัว” ให้สังคมได้เห็นว่าตัวเองยังจงรักภักดี
แต่บังเอิญว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะถ้าไม่มีอะไรที่แอบแฝงก็จน่าจะถวายความจงรักภักดีพร้อมกับคนไทยอื่นๆ การนำคนเสื้อแดงออกมาแบบนี้ทางหนึ่งอ้างว่านี่คือการทำเพื่อพระเจ้าอยู่หัว แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ไม่ต่างกับการแยกประชาชนออกจากกัน
นอกเหนือจากนี้ การนัดชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.ยังเสมือนต้องการข่มขู่ให้เห็นว่าแม้ว่าสังคมจะไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ตาม แต่ก็ไม่อาจขัดขวางพวกเขาได้ เพราะถือว่ายังมีมวลชนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังร่วมหัวจมท้ายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมวลชนที่ว่านั้นอาจหมายรวมไปถึงขบวนการใต้ดินด้วยก็ได้
ซึ่งเป้าหมายลึกๆ แล้วหลายคนเชื่อว่าเป็นเจตนาเพื่อสื่อไปถึง “ผู้มีบารมี” ว่าจะต้องลงมาเจรจาแบ่งปันอำนาจกันใหม่ หรือนิรโทษกรรมลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ เสียโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นก็จะมีรายการป่วนข่มขวัญในลักษณะแบบนี้อยู่เรื่อยไป ทำนองอย่าหวังจะได้อยู่กันอย่างเป็นสุข อะไรทำนองนั้น
ดังนั้น แม้ว่าจะรู้ว่าการดึงดันชุมนุมในช่วงเวลาแบบนี้ จะทำให้เสี่ยงต่อกระแสตีกลับสูงยิ่ง มีแต่เสียงก่นด่าถึงความไม่บังควร ไม่รู้กาลเทศะ แต่คนอย่างทักษิณ ยังมั่นใจว่ามีมวลชนเสื้อแดงของเขาอยู่อีกเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญยังมีเงินเหลืออีกเป็นจำนวนมากพอที่จะสร้างกระแสได้
แม้ว่าสังคมจะเรียกร้องมาจากรอบทิศทางให้ ทักษิณ สั่งคนเสื้อแดงให้หยุดเถอะ หยุดบิดเบือน และหยุดแยกประชาชน และนาทีนี้ยังยืนยันเดินหน้าไม่เปลี่ยนแปลง นั่นก็ย่อมหมายความว่า เขาไม่สนใจ ไม่ฟังใคร
ความหมายก็คือ พวกข้าจะทำเสียอย่าง ใครจะทำไม หือ!!