ศูนย์ขาวหาดใหญ่ - นายอำเภอเบตง สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กองกำลังภาคประชาชน เพิ่มความเข้ม ตรวจเข้มรถยนต์ รถจักรยานยนต์หลังหน่วยข่าวแจ้งเตือนคนร้ายเตรียมก่อเหตุหลายรูปแบบ "รฟท.ศูนย์ภาคใต้" ประสานฝ่ายความมั่นคงเพิ่มมาตรการ รปภ.การเดินรถใน 3 จชต. "ผบ.พตท." ชี้เหตุบึ้มป่วนใต้หลายจุดแค่คนร้ายต้องการแสดงศักยภาพ
วานนี้ (10 ธ.ค.) นายดลเดช พัฒนรัฐ นายอำเภอเบตง จ.ยะลา เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาสอย่างต่อเนื่อง เพื่อความไม่ประมาทต่อสถานการณ์จึงได้กำชับการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่ให้เพิ่มความเข้ม ความถี่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยในเขตเทศบาลเมืองเบตง
ขณะนี้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงให้มีการเพิ่มความระมัดระวัง เป็นกรณีพิเศษ โดยเน้นการตรวจรถและบันทึกทะเบียนรถทุกชนิดที่เดินทางเข้ามายังพื้นที่ พร้อมทั้งได้มีการแจ้งไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หากเกิดความไม่สงบขึ้นในพื้นที่ต้องให้การช่วยเหลือจนท.ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้ หน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่เดินทางจากประเทศเพื่อนบ้านนำสมาชิกใหม่ที่ผ่านการซุมเปาะห์หรือการสาบานตนเข้ามาร่วมก่อเหตุกับกลุ่ม RKK ในพื้นที่ที่ได้มีการจัดตั้งโครงสร้างใหม่ เพื่อทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในรูปแบบการลอบวางระเบิดในย่านชุมชน ถนนสายหลักและสายรอง รวมทั้งนำรถยนต์กระบะและรถจักรยานยนต์ที่ได้มีการซุกซ่อนวัตถุระเบิดเข้าก่อเหตุในพื้นที่เป้าหมายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะตามย่านชุมชน และเขตรอยต่อระหว่างอำเภอ
**รถไฟ 3 จชต.คุมเข้มความปลอดภัย
นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการ รฟท.ศูนย์ภาคใต้ เปิดเผยว่า ได้ประสานไปยังฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในการเดินรถไฟจากสถานีหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาถึงสถานีสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ให้รัดกุมมากขึ้นหลังจากที่สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รุนแรงอีกครั้ง และหน่วยข่าวได้แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังการก่อเหตุกับรถไฟเป็นกรณีพิเศษ เพราะเป็นหนึ่งในเป้าหมาย
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า ได้ขอให้กองกำลังเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเส้นทางรถไฟและวางกำลังในจุดเสี่ยงที่มีกว่า10 จุด และมักจะเกิดเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดยะลาถึงนราธิวาส ก่อนที่รถไฟจะออกวิ่ง หากพบว่าบริเวณที่เป็นพื้นที่เสี่ยงเช่น เนินเขา ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดจะไม่อนุญาตให้รถไฟวิ่งผ่านอย่างเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะไม่ปลอดภัย แต่รถไฟทุกขบวนยังคงเดินรถตามปกติ
**ผบ.พตท.ชี้เหตุบึ้ม3จชต.แค่แสดงศักยภาพ
ด้าน พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ทาง พตท.ได้วิเคราะห์สถานการณ์มาล่วงหน้าแล้วว่าทางฝ่ายกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ได้พยายามที่จะสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นแน่นอน เพื่อแสดงศักยภาพ ขีดความสามารถของตนเองว่าสามารถสร้างความปั่นป่วนในพื้นที่ได้ จากการที่ได้วิเคราะห์ล่วงมาแล้วนั้นทำให้ทางหน่วยกำลังได้เฝ้าระวังดูแลในจุดสำคัญๆ ไว้เป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้ฝ่ายก่อความไม่สงบไม่สามารถเข้าไปก่อเหตุได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ
สำหรับมาตรการในการปฏิบัตินั้น ผบ.พตท.กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องปรับแผนการปฏิบัติแต่อย่างใด เนื่องจากแผนการปฏิบัติที่มีอยู่ เป็นแผนที่มีความรัดกุมดีอยู่แล้ว แต่เหตุที่เกิดขึ้น อาจจะมีช่องโหว่อยู่บ้าง ซึ่งเป็นจุดเล็กเท่านั้น แต่มาตรการใหญ่ๆ ได้วางไว้ครอบคลุมดีอยู่แล้ว
ส่วนที่ ฉก.อโนทัย ซึ่งมีเครื่องมือในการตรวจสอบวัตถุระเบิดอยู่ในมือในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ แต่มาเกิดระเบิดจนได้นั้น ผบ.พตท.กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียดอยู่ว่ามีข้อบกพร่องกันอย่างไร ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกฝ่ายทุกคน ได้ทำหน้าที่ตามมาตรการที่วางไว้
**เหยื่อระเบิดที่นราฯเสียชีวิตเพิ่มอีก 2
ด้านความคืบหน้าล่าสุดเหตุระเบิดจักรยานยนต์บอมม์ บริเวณหน้าร้านขายของชำ ริมถนนจารุเสถียร หมู่ 1 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย คือ นางสุวิมลวรรณ ฉัตรชัยพันธ์ อายุ 54 ปี และนางสาวอารยา สะมะแอ อายุ 15 ปี
ส่วนความคืบหน้าในการติดตามคนร้าย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ และตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม พบว่า เศษรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ประกอบระเบิด แตกละเอียดกระจายไปทั่ว โดยคนร้ายคาดว่าเป็นกลุ่มเดิม ที่มักแฝงเข้ามาก่อเหตุ ก่อนหลบหนีไปกบดานตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย พร้อมจับตากลุ่มแนวร่วมที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ของอำเภอสุไหงปาดี ไม่ให้ลักลอบข้ามแดนหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน
**ส่งศพ 2 ทหารกล้า-ปูนบำเหน็จ 7 ชั้นยศ
วันเดียวกันที่หมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ ทัพเรือภาค 2 กองทัพเรือ พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) เป็นประธานในพิธีส่งศพเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ 2 นาย คือ ส.อ.วีระยุทธ หมุนลี อายุ 41 ปี สังกัดหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย จ.ยะลา ที่ถูกระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา เหตุเกิดวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา
รวมทั้งพลทหารสุทัด ชูเส้นผม อายุ 22 ปี สังกัดร้อย ร.1934 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ซึ่งถูกระเบิดขณะลาดตระเวนในพื้นที่ บ.ตะเหลี่ยง ม.4 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพิธีการส่งศพจัดขึ้นอย่างสมเกียรติท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก โดยมีกองกำลังผสมทหารตำรวจและฝ่ายปกครองกว่า 300 นายเข้าร่วมพิธี เพื่อร่วมไว้อาลัย พร้อมอ่านสดุดีวีรกรรมของทหารกล้าและยืนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตเป็นเวลา 1 นาที จากนั้นได้ลำเลียงศพทหารกล้าทั้ง 2 นายนำขึ้นเครื่องบิน ซี 130 ของกองทัพอากาศกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนาเกิด
ด้านการให้ความช่วยเหลือของกองทัพบก ศูนย์เยียวยา จ.นราธิวาสและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายละ 2 ล้านบาท โดย พล.ท.กสิกร ได้มอบเหรียญบางระจันสำหรับผู้กล้าที่พลีชีพเพื่อชาติทั้ง 2 นายผ่านทาง ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 ให้ครอบครัวผู้สูญเสีย ส่วนการปูนบำเหน็จ 9 ขั้น 7 ชั้นยศให้ ส.อ.วีระยุทธเป็น พ.อ.และพลทหารสุทัดเป็นร้อยตรี
วานนี้ (10 ธ.ค.) นายดลเดช พัฒนรัฐ นายอำเภอเบตง จ.ยะลา เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาสอย่างต่อเนื่อง เพื่อความไม่ประมาทต่อสถานการณ์จึงได้กำชับการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่ให้เพิ่มความเข้ม ความถี่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยในเขตเทศบาลเมืองเบตง
ขณะนี้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงให้มีการเพิ่มความระมัดระวัง เป็นกรณีพิเศษ โดยเน้นการตรวจรถและบันทึกทะเบียนรถทุกชนิดที่เดินทางเข้ามายังพื้นที่ พร้อมทั้งได้มีการแจ้งไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หากเกิดความไม่สงบขึ้นในพื้นที่ต้องให้การช่วยเหลือจนท.ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้ หน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่เดินทางจากประเทศเพื่อนบ้านนำสมาชิกใหม่ที่ผ่านการซุมเปาะห์หรือการสาบานตนเข้ามาร่วมก่อเหตุกับกลุ่ม RKK ในพื้นที่ที่ได้มีการจัดตั้งโครงสร้างใหม่ เพื่อทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในรูปแบบการลอบวางระเบิดในย่านชุมชน ถนนสายหลักและสายรอง รวมทั้งนำรถยนต์กระบะและรถจักรยานยนต์ที่ได้มีการซุกซ่อนวัตถุระเบิดเข้าก่อเหตุในพื้นที่เป้าหมายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะตามย่านชุมชน และเขตรอยต่อระหว่างอำเภอ
**รถไฟ 3 จชต.คุมเข้มความปลอดภัย
นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการ รฟท.ศูนย์ภาคใต้ เปิดเผยว่า ได้ประสานไปยังฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในการเดินรถไฟจากสถานีหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาถึงสถานีสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ให้รัดกุมมากขึ้นหลังจากที่สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รุนแรงอีกครั้ง และหน่วยข่าวได้แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังการก่อเหตุกับรถไฟเป็นกรณีพิเศษ เพราะเป็นหนึ่งในเป้าหมาย
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า ได้ขอให้กองกำลังเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเส้นทางรถไฟและวางกำลังในจุดเสี่ยงที่มีกว่า10 จุด และมักจะเกิดเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดยะลาถึงนราธิวาส ก่อนที่รถไฟจะออกวิ่ง หากพบว่าบริเวณที่เป็นพื้นที่เสี่ยงเช่น เนินเขา ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดจะไม่อนุญาตให้รถไฟวิ่งผ่านอย่างเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะไม่ปลอดภัย แต่รถไฟทุกขบวนยังคงเดินรถตามปกติ
**ผบ.พตท.ชี้เหตุบึ้ม3จชต.แค่แสดงศักยภาพ
ด้าน พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ทาง พตท.ได้วิเคราะห์สถานการณ์มาล่วงหน้าแล้วว่าทางฝ่ายกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ได้พยายามที่จะสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นแน่นอน เพื่อแสดงศักยภาพ ขีดความสามารถของตนเองว่าสามารถสร้างความปั่นป่วนในพื้นที่ได้ จากการที่ได้วิเคราะห์ล่วงมาแล้วนั้นทำให้ทางหน่วยกำลังได้เฝ้าระวังดูแลในจุดสำคัญๆ ไว้เป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้ฝ่ายก่อความไม่สงบไม่สามารถเข้าไปก่อเหตุได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ
สำหรับมาตรการในการปฏิบัตินั้น ผบ.พตท.กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องปรับแผนการปฏิบัติแต่อย่างใด เนื่องจากแผนการปฏิบัติที่มีอยู่ เป็นแผนที่มีความรัดกุมดีอยู่แล้ว แต่เหตุที่เกิดขึ้น อาจจะมีช่องโหว่อยู่บ้าง ซึ่งเป็นจุดเล็กเท่านั้น แต่มาตรการใหญ่ๆ ได้วางไว้ครอบคลุมดีอยู่แล้ว
ส่วนที่ ฉก.อโนทัย ซึ่งมีเครื่องมือในการตรวจสอบวัตถุระเบิดอยู่ในมือในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ แต่มาเกิดระเบิดจนได้นั้น ผบ.พตท.กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียดอยู่ว่ามีข้อบกพร่องกันอย่างไร ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกฝ่ายทุกคน ได้ทำหน้าที่ตามมาตรการที่วางไว้
**เหยื่อระเบิดที่นราฯเสียชีวิตเพิ่มอีก 2
ด้านความคืบหน้าล่าสุดเหตุระเบิดจักรยานยนต์บอมม์ บริเวณหน้าร้านขายของชำ ริมถนนจารุเสถียร หมู่ 1 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย คือ นางสุวิมลวรรณ ฉัตรชัยพันธ์ อายุ 54 ปี และนางสาวอารยา สะมะแอ อายุ 15 ปี
ส่วนความคืบหน้าในการติดตามคนร้าย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ และตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม พบว่า เศษรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ประกอบระเบิด แตกละเอียดกระจายไปทั่ว โดยคนร้ายคาดว่าเป็นกลุ่มเดิม ที่มักแฝงเข้ามาก่อเหตุ ก่อนหลบหนีไปกบดานตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย พร้อมจับตากลุ่มแนวร่วมที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ของอำเภอสุไหงปาดี ไม่ให้ลักลอบข้ามแดนหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน
**ส่งศพ 2 ทหารกล้า-ปูนบำเหน็จ 7 ชั้นยศ
วันเดียวกันที่หมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ ทัพเรือภาค 2 กองทัพเรือ พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) เป็นประธานในพิธีส่งศพเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ 2 นาย คือ ส.อ.วีระยุทธ หมุนลี อายุ 41 ปี สังกัดหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย จ.ยะลา ที่ถูกระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา เหตุเกิดวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา
รวมทั้งพลทหารสุทัด ชูเส้นผม อายุ 22 ปี สังกัดร้อย ร.1934 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ซึ่งถูกระเบิดขณะลาดตระเวนในพื้นที่ บ.ตะเหลี่ยง ม.4 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพิธีการส่งศพจัดขึ้นอย่างสมเกียรติท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก โดยมีกองกำลังผสมทหารตำรวจและฝ่ายปกครองกว่า 300 นายเข้าร่วมพิธี เพื่อร่วมไว้อาลัย พร้อมอ่านสดุดีวีรกรรมของทหารกล้าและยืนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตเป็นเวลา 1 นาที จากนั้นได้ลำเลียงศพทหารกล้าทั้ง 2 นายนำขึ้นเครื่องบิน ซี 130 ของกองทัพอากาศกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนาเกิด
ด้านการให้ความช่วยเหลือของกองทัพบก ศูนย์เยียวยา จ.นราธิวาสและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายละ 2 ล้านบาท โดย พล.ท.กสิกร ได้มอบเหรียญบางระจันสำหรับผู้กล้าที่พลีชีพเพื่อชาติทั้ง 2 นายผ่านทาง ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 ให้ครอบครัวผู้สูญเสีย ส่วนการปูนบำเหน็จ 9 ขั้น 7 ชั้นยศให้ ส.อ.วีระยุทธเป็น พ.อ.และพลทหารสุทัดเป็นร้อยตรี
