ASTVผู้จัดการรายวัน - กสิกรไทยซึมยอดสินเชื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯปีนี้ไม่เข้าเป้าที่ระดับ 3 หมื่นล้าน คาดทรงตัวเท่าปีก่อน เหตุลูกค้าดิเวลลอปเปอร์หันไปออกหุ้นกู้ แล้วนำเงินมาชำระคืนแบงก์เร็ว ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 5% เน้นลูกค้ารายใหญ่ - รายได้ค่าฟีการออกหนังสือค้ำประกัน
นายสำมิตร สกุลวิระ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าสหบรรษัท ฝ่ายสหบรรษัทธนกิจ สายงานบรรษัทธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารในสิ้นปี 2552 นี้คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัวจากปี 2551 ที่ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้การที่ยอดการปล่อยสินเชื่อโครงการอสังหาฯของธนาคารไม่มีการเติบโตจากสิ้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากลูกค้าที่เบิกใช้วงเงินไปแล้วมีการชำระหนี้คืนกลับมายังธนาคารในระยะเวลาที่รวดเร็ว
"ยอดการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่เป็นดิเวลลอปเปอร์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบันไม่มีการเติบโตเลย เพราะลูกค้าเหล่านั้นมีการคืนวงเงินที่กู้ไปเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ดิเวลลอปเปอร์หันไปออกตราสาร หรือออกหุ้นกู้ เพื่อจะได้นำเงินมาชำระคืนให้กับธนาคาร โดยที่ผ่านมาพบว่ามีหลายบริษัทที่นิยมออกหุ้นกู้ เนื่องจากหากกู้เงินกับธนาคารเพียงอย่างเดียวจะต้องเสียอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงพอสมควร แต่ถ้ามีการออกหุ้นกู้ก็จะได้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและมีเงินมาชำระคืนธนาคารเร็วขึ้นเลยทำให้ยอดสินเชื่อไม่เป็นไปตามเป้าหมาย" นายสำมิตรกล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้บริการกลับมีการเติบโตมากกว่าสิบล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมจากการออกหนังสือค้ำประกันที่มีการเติบโตจากสิ้นปีที่แล้วถึงหนึ่งเท่าตัว ส่วนรายได้ด้านอัตราดอกเบี้ยขณะนี้มีการเติบโตในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้าหมาย
นายสำมิตร ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินงานด้านสินเชื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯในปี 2553 ว่าธนาคารตั้งเป้าหมายเติบโตสินเชื่อดังกล่าวไว้ที่ 1.5 เท่าของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่ธนาคารประเมินว่าจีดีพีปีหน้าจะขยายตัวประมาณ 3% ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขการเติบโตสินเชื่อในปีหน้าอยู่ที่ 5% โดยธนาคารจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าพัฒนาโครงการอสังหาฯขนาดใหญ่เป็นหลัก ส่วนลูกค้าขนาดเล็กจะมีไม่มากเท่าไร ทั้งนี้ ในปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 20 ราย ซึ่งจะเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มีวงเงินปล่อยกู้ประมาณ 5-6 ล้านบาท และมีธุรกิจอสังหาฯหลายโครงการทั้งคอนโดและบ้าน ในขณะที่ลูกค้าขนาดเล็กจะมีวงเงินปล่อยกู้อยู่ที่ 100 ล้านบาท
"โครงการอสังหาฯในปีหน้านั้น ธนาคารเชื่อว่าจะยังไปได้ดีและมีโอกาสเติบโตได้มาก เพราะเศรษฐกิจมีเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปลายปีนี้ไปจนกระทั่งปีหน้า ซึ่งตัวผู้บริโภคเองก็มีความเชื่อมั่นและกล้าจับจ่ายมากขึ้น ส่วนตัวอสังหาฯเองที่จะมีการเติบโตรุนแรงกว่าปีนี้ก็จะเป็นประเภทแนวราบที่เป็นบ้านมากกว่าคอนโด ถึงแม้ว่ากระแสคอนโดแนวรถไฟฟ้าจะมาแรงก็ตาม แต่เป็นจะเป็นของปีนี้มากกว่า เพราะมีความเกี่ยวโยงกับมาตรการภาษี ซึ่งในปีหน้าหากสภาพเศรษฐกิจดีขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ก็จะส่งผลให้ภาพรวมอสังหาฯได้รับความสนใจจากลูกค้าและสินเชื่อของธนาคารก็จะเติบโตตามไปด้วย โดยธนาคารจะเน้นโตรายได้ค่าฟีจากการออกหนังสือค้ำประกันมากกว่ารายได้จากดอกเบี้ย"นายสำมิตร กล่าว
นายสำมิตร สกุลวิระ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าสหบรรษัท ฝ่ายสหบรรษัทธนกิจ สายงานบรรษัทธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารในสิ้นปี 2552 นี้คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัวจากปี 2551 ที่ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้การที่ยอดการปล่อยสินเชื่อโครงการอสังหาฯของธนาคารไม่มีการเติบโตจากสิ้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากลูกค้าที่เบิกใช้วงเงินไปแล้วมีการชำระหนี้คืนกลับมายังธนาคารในระยะเวลาที่รวดเร็ว
"ยอดการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่เป็นดิเวลลอปเปอร์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบันไม่มีการเติบโตเลย เพราะลูกค้าเหล่านั้นมีการคืนวงเงินที่กู้ไปเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ดิเวลลอปเปอร์หันไปออกตราสาร หรือออกหุ้นกู้ เพื่อจะได้นำเงินมาชำระคืนให้กับธนาคาร โดยที่ผ่านมาพบว่ามีหลายบริษัทที่นิยมออกหุ้นกู้ เนื่องจากหากกู้เงินกับธนาคารเพียงอย่างเดียวจะต้องเสียอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงพอสมควร แต่ถ้ามีการออกหุ้นกู้ก็จะได้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและมีเงินมาชำระคืนธนาคารเร็วขึ้นเลยทำให้ยอดสินเชื่อไม่เป็นไปตามเป้าหมาย" นายสำมิตรกล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้บริการกลับมีการเติบโตมากกว่าสิบล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมจากการออกหนังสือค้ำประกันที่มีการเติบโตจากสิ้นปีที่แล้วถึงหนึ่งเท่าตัว ส่วนรายได้ด้านอัตราดอกเบี้ยขณะนี้มีการเติบโตในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้าหมาย
นายสำมิตร ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินงานด้านสินเชื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯในปี 2553 ว่าธนาคารตั้งเป้าหมายเติบโตสินเชื่อดังกล่าวไว้ที่ 1.5 เท่าของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่ธนาคารประเมินว่าจีดีพีปีหน้าจะขยายตัวประมาณ 3% ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขการเติบโตสินเชื่อในปีหน้าอยู่ที่ 5% โดยธนาคารจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าพัฒนาโครงการอสังหาฯขนาดใหญ่เป็นหลัก ส่วนลูกค้าขนาดเล็กจะมีไม่มากเท่าไร ทั้งนี้ ในปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 20 ราย ซึ่งจะเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มีวงเงินปล่อยกู้ประมาณ 5-6 ล้านบาท และมีธุรกิจอสังหาฯหลายโครงการทั้งคอนโดและบ้าน ในขณะที่ลูกค้าขนาดเล็กจะมีวงเงินปล่อยกู้อยู่ที่ 100 ล้านบาท
"โครงการอสังหาฯในปีหน้านั้น ธนาคารเชื่อว่าจะยังไปได้ดีและมีโอกาสเติบโตได้มาก เพราะเศรษฐกิจมีเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปลายปีนี้ไปจนกระทั่งปีหน้า ซึ่งตัวผู้บริโภคเองก็มีความเชื่อมั่นและกล้าจับจ่ายมากขึ้น ส่วนตัวอสังหาฯเองที่จะมีการเติบโตรุนแรงกว่าปีนี้ก็จะเป็นประเภทแนวราบที่เป็นบ้านมากกว่าคอนโด ถึงแม้ว่ากระแสคอนโดแนวรถไฟฟ้าจะมาแรงก็ตาม แต่เป็นจะเป็นของปีนี้มากกว่า เพราะมีความเกี่ยวโยงกับมาตรการภาษี ซึ่งในปีหน้าหากสภาพเศรษฐกิจดีขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ก็จะส่งผลให้ภาพรวมอสังหาฯได้รับความสนใจจากลูกค้าและสินเชื่อของธนาคารก็จะเติบโตตามไปด้วย โดยธนาคารจะเน้นโตรายได้ค่าฟีจากการออกหนังสือค้ำประกันมากกว่ารายได้จากดอกเบี้ย"นายสำมิตร กล่าว
