ASTVผู้จัดการรายวัน - บล.ยูไนเต็ด เผย ปีหน้า เตรียมเพิ่มธุรกรรมใหม่ –มาร์เกตติ้ง ลดค่าใช้จ่าย รับมือเปิดเสรีค่าคอมขั้นบันได หวังมาร์เกตแชร์สูงกว่า 1% จากปัจจุบันเพียง 0.77% ด้านธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน เน้นสร้างผลตอบแทนแก่นักลงทุนมากขึ้น
นายโยธิน วิริเยนะวัตร์ กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) หรือ US เปิดเผยว่า บริษัทจะเริ่มทำธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL)ในไตรมาส1/53 และมีแผนที่จะเพิ่มเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เกตติ้ง)เป็น 100 คน จากปัจจุบันที่มี 85 คน เพื่อเป็นการเพิ่มการทำธุรกรรมของบริษัทและเพิ่มฐานลูกค้าของให้มากขึ้น รองรับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันไดในปีหน้า
ปัจจุบันบล.ยูไนเต็ด มีจำนวนลูกค้าอยู่ที่ 10,500 บัญชี โดยมีการซื้อขายสม่ำเสมอ10-20% ซึ่งบริษัทจะพยายามที่จะแนะนำการลงทุนแก่นักลงทุนโดยให้ผลตอบแทนที่ดีกับลูกค้าเดิมของบริษัท รววมถึงการหาลูกค้ารายใหม่ โดยลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อยทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนญี่ปุ่น
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะมีการลดต้นทุนการดำเนินงานลดลง โดยการตัดงบหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อที่จะให้บริษัทสามารถคุ้มทุนได้ด้วยประมาณการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 400-500 ล้านบาท จากที่ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณการซ้อขายเฉลี่ยต่ำกว่า 300 ล้านบาทต่อวัน
ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าปีหน้าจะมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)มากกว่า 1% จากปัจจุบันที่มีไม่ถึง1% โดยมาร์เกตแชร์ที่เพิ่มนั้นนั้นมาจากการที่บริษัท ได้มีการทำธุรกรรมใหม่ และการเพิ่มมูลค่าการซื้อขายของลูกค้าในส่วนที่บริษัทได้ให้คำปรึกษาในการลงทุน (Wealth Management) จากปัจจุบันที่มีมาร์เกตแชร์ไม่ถึง 1% และในส่วนของการให้บริการด้านการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) ซึ่งเริ่มเมื่อประมาณกลางปีที่ผ่านมาที่ มีมาร์เก็ตแชร์ 0.2% จึงคาดว่าปีหน้าจะมีมาร์เก็ตแชร์ในส่วนของ TFEX 0.8%
อีกทั้ง คาดว่าปีหน้าจะมีการทำธุรกรรมในการซื้อขายตั๋วแลกเงินเติบโตกว่า 100% จากปีนี้ส่วนรายได้ของบริษัทในปีหน้าคาดว่าจะมีสัดส่วนเหมือนกับปีนี้ ที่มาจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 50-60% และที่เหลือมาจากตราสารหนี้ 40-50% และบริษัทฯ ยังคงนโยบายไม่ลงทุนในพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ
นายโยธิน วิริเยนะวัตร์ กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) หรือ US เปิดเผยว่า บริษัทจะเริ่มทำธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL)ในไตรมาส1/53 และมีแผนที่จะเพิ่มเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เกตติ้ง)เป็น 100 คน จากปัจจุบันที่มี 85 คน เพื่อเป็นการเพิ่มการทำธุรกรรมของบริษัทและเพิ่มฐานลูกค้าของให้มากขึ้น รองรับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันไดในปีหน้า
ปัจจุบันบล.ยูไนเต็ด มีจำนวนลูกค้าอยู่ที่ 10,500 บัญชี โดยมีการซื้อขายสม่ำเสมอ10-20% ซึ่งบริษัทจะพยายามที่จะแนะนำการลงทุนแก่นักลงทุนโดยให้ผลตอบแทนที่ดีกับลูกค้าเดิมของบริษัท รววมถึงการหาลูกค้ารายใหม่ โดยลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อยทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนญี่ปุ่น
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะมีการลดต้นทุนการดำเนินงานลดลง โดยการตัดงบหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อที่จะให้บริษัทสามารถคุ้มทุนได้ด้วยประมาณการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 400-500 ล้านบาท จากที่ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณการซ้อขายเฉลี่ยต่ำกว่า 300 ล้านบาทต่อวัน
ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าปีหน้าจะมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)มากกว่า 1% จากปัจจุบันที่มีไม่ถึง1% โดยมาร์เกตแชร์ที่เพิ่มนั้นนั้นมาจากการที่บริษัท ได้มีการทำธุรกรรมใหม่ และการเพิ่มมูลค่าการซื้อขายของลูกค้าในส่วนที่บริษัทได้ให้คำปรึกษาในการลงทุน (Wealth Management) จากปัจจุบันที่มีมาร์เกตแชร์ไม่ถึง 1% และในส่วนของการให้บริการด้านการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) ซึ่งเริ่มเมื่อประมาณกลางปีที่ผ่านมาที่ มีมาร์เก็ตแชร์ 0.2% จึงคาดว่าปีหน้าจะมีมาร์เก็ตแชร์ในส่วนของ TFEX 0.8%
อีกทั้ง คาดว่าปีหน้าจะมีการทำธุรกรรมในการซื้อขายตั๋วแลกเงินเติบโตกว่า 100% จากปีนี้ส่วนรายได้ของบริษัทในปีหน้าคาดว่าจะมีสัดส่วนเหมือนกับปีนี้ ที่มาจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 50-60% และที่เหลือมาจากตราสารหนี้ 40-50% และบริษัทฯ ยังคงนโยบายไม่ลงทุนในพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ