ASTVผู้จัดการรายวัน - ไทยพาณิชย์รับรายได้สินเชื่อแผ่ว ต้องหันขับเคี่ยวหารายได้ค่าธรรมเนียมชดเชย เผยตั้งทีมบริหาร-พัฒนาผลิตภัณฑ์พร้อมรุกทั้งกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่และโครงการของรัฐ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตปีนี้ 10% ขยายสัดส่วนเพิ่มเป็น 50%ของรายได้รวมในปี 54
นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)(SCB) เปิดเผยว่า ในปี 2552 นี้ธนาคารจะมุ่งเน้นการหารายได้จากธรรมเนียม โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ 10% โดยเฉพาะรายได้ที่เกิดจากการให้บริการด้านธุรกิตตลาดทุน การบริหารจัดการเงินสด (แคชเมเนจเม้นท์) ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (เทรดไฟแนนซ์) ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2551 ที่ผ่านมารายได้ดังกล่าวมีอัตราการเติบโตเพียงตัวเลขหลักเดียวเท่านั้น และถือว่ายังอยู่ในระดับที่ต่ำ ดังนั้น ในปีนี้ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการเติบโตรายได้จากการให้บริการกับลูกค้ามากกว่าเน้นการเติบโตยอดสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่
สำหรับการรุกให้บริการธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนให้กับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่นั้น ที่ธนาคารได้วางแผนไว้ในเบื้องต้น จะแยกมาเป็นการบริหารกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ เช่น บริษัท ปตท. ,ไทยเบฟเวอเรจ ,เซ็นทรัล และภาครัฐ โดยกลุ่มนี้มีสินเชื่อคงค้างประมาณ 1.4-1.5 แสนล้านบาท และกลุ่มภาคธุรกิจเดี่ยว เช่น อสังหาริมทรัพย์ เกษตร หรือโรงแรม ซึ่งกลุ่มนี้มีสินเชื่อคงค้างกว่า 2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ยังตั้งทีมบริหารผลิตภัณฑ์ ทั้งด้านการออกหุ้นกู้ การปล่อยสินเชื่อโครงการและปล่อยกู้ร่วม รวมถึงให้คำปรึกษาในการระดมทุน
“ไม่ใช่ว่าในปีนี้ธนาคารจะไม่สนใจเติบโตด้านการปล่อยสินเชื่อเลย แต่เพราะสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมามีการชะลอตัวลงไปมาก จึงไม่อำนวยให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารสามารถเติบโตได้มากนัก ดังนั้นธนาคารจึงหันมารุกและให้ความสำคัญกับการเติบโตรายได้ค่าธรรมเนียมเป็นหลัก โดยธนาคารจะมองว่าวันนี้ลูกค้าต้องการอะไรที่เกี่ยวกับการให้บริการของธนาคารบ้าง ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจตลาดทุน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่ม สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าที่เป็นเรื่องของแคชเมเนจเม้นท์ ซัพพลายเชนระหว่างธุรกิจลูกค้าด้วยกัน” นายอาทิตย์กล่าว
นอกจากนี้ ลูกค้าเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของธนาคารขณะนี้คือภาครัฐ ที่มีแผนการลงทุนหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ได้เตรียมความพร้อมทั้งด้านการวางแผนโครงการและงบประมาณ เพื่อเข้าร่วมประมูลงานจากภาครัฐ
นายอาทิตย์กล่าวว่า การบริการส่วนดังกล่าวคาดว่าจะสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากยังฐานที่อยู่ในระดับต่ำ เพราะเพิ่งเปิดตัว โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะมาจากธุรกรรมตลาดเงินเป็นหลัก และตั้งเป้าลดสัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยจาก 70% เป็น 50% แล้วเพิ่มสัดส่วนรายได้ธรรมเนียมจาก 30% เป็น 50% ภายในปี 2554
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 นี้พบว่ามีจำนวนลูกค้าขนาดใหญ่เข้ามาขอสินเชื่อและเบิกใช้เงินกู้มากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาที่ยอดการใช้สินเชื่อของลูกค้าไม่ได้มีการเติบโตมากนัก ทั้งนี้ การที่ลูกค้ากลับมาขอสินเชื่อกับธนาคารเพิ่มมากขึ้นนั้น เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้น จึงทำให้ลูกค้ามีการตื่นตัวเพื่อขยายโครงการลงทุนต่างๆในธุรกิจของตนเองมากขึ้น ประกอบกับมีลูกค้าบางรายที่กำลังจะครบดีลในการผลิตสินค้าหรือก่อสร้างโครงสร้างต่างๆ จึงทำให้ลูกค้าเริ่มมีความต้องการใช้สินเชื่อมากขึ้น
นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)(SCB) เปิดเผยว่า ในปี 2552 นี้ธนาคารจะมุ่งเน้นการหารายได้จากธรรมเนียม โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ 10% โดยเฉพาะรายได้ที่เกิดจากการให้บริการด้านธุรกิตตลาดทุน การบริหารจัดการเงินสด (แคชเมเนจเม้นท์) ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (เทรดไฟแนนซ์) ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2551 ที่ผ่านมารายได้ดังกล่าวมีอัตราการเติบโตเพียงตัวเลขหลักเดียวเท่านั้น และถือว่ายังอยู่ในระดับที่ต่ำ ดังนั้น ในปีนี้ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการเติบโตรายได้จากการให้บริการกับลูกค้ามากกว่าเน้นการเติบโตยอดสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่
สำหรับการรุกให้บริการธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนให้กับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่นั้น ที่ธนาคารได้วางแผนไว้ในเบื้องต้น จะแยกมาเป็นการบริหารกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ เช่น บริษัท ปตท. ,ไทยเบฟเวอเรจ ,เซ็นทรัล และภาครัฐ โดยกลุ่มนี้มีสินเชื่อคงค้างประมาณ 1.4-1.5 แสนล้านบาท และกลุ่มภาคธุรกิจเดี่ยว เช่น อสังหาริมทรัพย์ เกษตร หรือโรงแรม ซึ่งกลุ่มนี้มีสินเชื่อคงค้างกว่า 2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ยังตั้งทีมบริหารผลิตภัณฑ์ ทั้งด้านการออกหุ้นกู้ การปล่อยสินเชื่อโครงการและปล่อยกู้ร่วม รวมถึงให้คำปรึกษาในการระดมทุน
“ไม่ใช่ว่าในปีนี้ธนาคารจะไม่สนใจเติบโตด้านการปล่อยสินเชื่อเลย แต่เพราะสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมามีการชะลอตัวลงไปมาก จึงไม่อำนวยให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารสามารถเติบโตได้มากนัก ดังนั้นธนาคารจึงหันมารุกและให้ความสำคัญกับการเติบโตรายได้ค่าธรรมเนียมเป็นหลัก โดยธนาคารจะมองว่าวันนี้ลูกค้าต้องการอะไรที่เกี่ยวกับการให้บริการของธนาคารบ้าง ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจตลาดทุน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่ม สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าที่เป็นเรื่องของแคชเมเนจเม้นท์ ซัพพลายเชนระหว่างธุรกิจลูกค้าด้วยกัน” นายอาทิตย์กล่าว
นอกจากนี้ ลูกค้าเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของธนาคารขณะนี้คือภาครัฐ ที่มีแผนการลงทุนหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ได้เตรียมความพร้อมทั้งด้านการวางแผนโครงการและงบประมาณ เพื่อเข้าร่วมประมูลงานจากภาครัฐ
นายอาทิตย์กล่าวว่า การบริการส่วนดังกล่าวคาดว่าจะสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากยังฐานที่อยู่ในระดับต่ำ เพราะเพิ่งเปิดตัว โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะมาจากธุรกรรมตลาดเงินเป็นหลัก และตั้งเป้าลดสัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยจาก 70% เป็น 50% แล้วเพิ่มสัดส่วนรายได้ธรรมเนียมจาก 30% เป็น 50% ภายในปี 2554
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 นี้พบว่ามีจำนวนลูกค้าขนาดใหญ่เข้ามาขอสินเชื่อและเบิกใช้เงินกู้มากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาที่ยอดการใช้สินเชื่อของลูกค้าไม่ได้มีการเติบโตมากนัก ทั้งนี้ การที่ลูกค้ากลับมาขอสินเชื่อกับธนาคารเพิ่มมากขึ้นนั้น เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้น จึงทำให้ลูกค้ามีการตื่นตัวเพื่อขยายโครงการลงทุนต่างๆในธุรกิจของตนเองมากขึ้น ประกอบกับมีลูกค้าบางรายที่กำลังจะครบดีลในการผลิตสินค้าหรือก่อสร้างโครงสร้างต่างๆ จึงทำให้ลูกค้าเริ่มมีความต้องการใช้สินเชื่อมากขึ้น